เฉินเสียนคล้ายกับสาธยายเรื่องราวของบุคคลอื่นเลย เธอเอ่ยเล่าเรื่องราวพอประมาณไปหนึ่งรอบ
ฉินหรูเหลียงถาม “นักดาบพเนจรมีลักษณะเช่นไรกัน?”
เฉินเสียน“ข้าไม่รู้ คลุมหน้าอยู่ ข้าก็ไม่ใช่ว่าจะมองทะลุปรุโปร่งหรอกนะ”
“มีทั้งหมดกี่คน?”
“สามถึงห้าคนได้”
“สามคนหรือว่าห้าคนกันเล่า?”
เฉินเสียนนอนอยู่บนเตียง ยื่นมือจับหน้าผาก เอ่ยอย่างเหนื่อยล้า“ แม่ทัพฉิน ท่านกำลังเป็นห่วงข้าใช่หรือไม่?”
ฉินหรูเหลียงสีหน้าชะงักงัน เอ่ยอย่างเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก“ข้าเป็นห่วงท่านหรือ? ฝันกลางวันให้น้อยหน่อยเถิด!”
เฉินเสียนเอ่ยอย่างไม่สะท้าน“ในเมื่อท่านไม่ได้เป็นห่วงข้า ยังมาที่สวนสระวสันตฤดูด้วยตนเองและถามนั่นถามนี่ แม่ทัพฉินท่านมีความผิดปกติหรือไม่?”
“ข้าเพียงแค่กำลังปฏิบัติตามหน้าที่ ”ฉินหรูเหลียงเอ่ยด้วยใบหน้าเขียว
“ท่านปฏิบัติหน้าที่ที่ไร้สาระของท่าน เกี่ยวอันใดกับข้าหรือ”เฉินเสียนก็ขี้เกียจที่จะมองเขา เอ่ยอย่างสงบจิตสงบใจ“ท่านแม่ทัพใหญ่ที่ภูมิฐานไม่ใช่ว่ามีฝีมือหรือ ไปตรวจสอบเองสิ ไม่รู้ว่าใครให้ความมั่นใจกับท่าน ทำให้ท่านรู้สึกว่าอยู่ที่ของข้าเช่นนี้แล้วเป็นที่นิยมชมชอบมากหรือ?”
ไม่รอให้ฉินหรูเหลียงเอ่ย เฉินเสียนเอ่ยอย่างหงุดหงิด“อวี้เยี่ยน ส่งแขกให้ข้า ไม่ใช่ว่าใครก็ปล่อยให้เข้ามาตามอำเภอใจ”
อวี้เยี่ยนเอ่ยอย่างสะเปะสะปะ “เชิญท่านแม่ทัพกลับเถิดเจ้าค่ะ องค์หญิงของบ่าวต้องการพักผ่อนเจ้าค่ะ”
สุดท้ายฉินหรูเหลียงก็ไม่ได้อะไรสักอย่างเลย กำลังจะไปแล้วมองเฉินเสียนที่หลับตานอนอยู่ เอ่ยอย่างเยือกเย็น “ต่อไปหากไม่มีอันใดก็อย่าวิ่งออกไปเรื่อย ครั้งต่อไปไม่ได้โชคดีเช่นนี้หรอก”
เฉินเสียนหัวเราะเยาะเอ่ย“หากเป็นเช่นนั้นจริง หากหวังให้แม่ทัพฉินปฏิบัติหน้าที่ ไม่แน่ว่าข้าอาจจะถูกตัดเป็นชิ้นเล็กๆตั้งนานแล้ว”
หลังจากที่ฉินหรูเหลียงออกไป แม่บ้านจ้าวเข้ามา เอ่ย“ช่วงที่องค์หญิงไม่อยู่ ท่านแม่ทัพออกตามหาองค์หญิงทุกวันนะเพคะ เหตุใดองค์หญิงต้อง…….”
“แม่บ้านจ้าว แม่ทัพฉินแค่กลัวว่าจะรับผิดชอบไม่ไหว”
ไม่นาน ด้านในพระราชวังทราบข่าว ก็ได้ส่งหมอหลวงมาตรวจวินิจฉัยให้กับเฉินเสียน เห็นเฉินเสียนไม่ได้ถูกทำร้ายเจ็บไข้ได้ป่วย ก็กลับเข้าไปรายงานผลในพระราชวัง
นึกไม่ถึงว่าหลังจากกินอาหารมื้อเย็นเสร็จเฉินเสียนออกมาเดินเล่น ได้พบเจอกับหลิ่วเหมยอู่ในสวนดอกไม้
แสงแดดจ้าที่สวนดอกไม้ สาดส่องที่บนตัวของหลิ่วเหมยอู่ ร่างสะโอดสะอง อ่อนหวานอรชรอ้อนแอ้น ท่าทางเทียบกับดอกบัวหลวงแล้วยังอ่อนช้อยกว่า
เฉินเสียนหรี่ตามองนาง ราวกับจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม “เหมยอู่คล้ายกับว่าสีหน้าไม่สู้ดีนะ”
หลิ่วเหมยอู่หน้าซีดเผือด เอ่ย“ขอบพระทัยองค์หญิงที่เป็นห่วงหม่อมฉันเพคะ เหมยอู่เพียงแค่เดินแล้วเหนื่อยเพคะ นี่กำลังจะกลับ ไม่รบกวนองค์หญิงแล้วเพคะ ”
หลิ่วเหมยอู่เดินไปตามถนนเส้นเล็กริมทะเลสาบ คิดไม่ถึงว่าเฉินเสียนก็อยากจะเดินไปทางเดียวกันกับนางเช่นกัน
เฉินเสียนเอ่ยอย่างอ้อยอิ่ง“เห็นว่าข้ากลับมาอย่างปลอดภัยไม่เสียหายอันใด คงจะทำให้เจ้ารู้สึกผิดหวัง”
“องค์หญิงพูดสิ่งใดกันเพคะ เหมยอู่ฟังไม่เข้าใจเพคะ”
เฉินเสียนก้าวเท้าไปเดินข้างนาง เงยหน้าขึ้นมองทะเลสาบตรงหน้า แววตาสดใสสงบนิ่ง เอ่ย“ฟังไม่เข้าใจก็มิเป็นไร ครั้งนี้ข้าได้ประสบการณ์ที่เสี่ยงภัยอันตราย ถ้าหากว่าข้ารู้ว่าใครมันต้องการชีวิตของข้า ยังต้องการให้ข้าแหกท้องด้วย เมื่อข้าไม่เป็นไรก็จะทำให้นางได้ลิ้มลองรสชาตินี้”
หลิ่วเหมยอู่ก้มหัวลง นิ้วมือหยิกที่ฝ่ามือ ความรู้สึกเกลียดและกลัวถ่าโถมเข้ามา
เวลานี้เฉินเสียนเอ่ยเสียงดังอย่างกะทันหัน“ไอหยา เหมยอู่ มุมกระโปรงของเจ้าคือสิ่งใดนั่น? คล้ายว่าจะเป็นงูนะ”
ทันใดนั้นหลิ่วเหมยอู่ร้องเสียงแหลมขึ้นมา และกระทืบเท้าอย่างตกใจสุดขีด ตบปัดที่บริเวณมุมกระโปรง
สุดท้ายเซียงหลิงขวางไว้ไม่ได้ เท้าของนางเคล็ด ตามด้วยเสียงหวีดร้องและตกลงไปในทะเลสาบ
หลิ่วเหมยอู่สำลักน้ำในทะเลสาบอย่างรุนแรง เซียงหลิงรีบร้องให้คนมาช่วยชีวิตด้วยเสียงดัง บ่าวคนอื่นๆก็พากันมาดู
เฉินเสียนยืนอยู่ตรงขอบอย่างสงบนิ่งยิ้มขบขันให้นางอยู่ สะบัดกระโปรงแล้วเอ่ย“คงจะทำให้เจ้าตื่นตระหนกแล้ว เพียงแค่ข้าตาลายเองนะ มองผิดไป”
พูดจบก็พาอวี้เยี่ยนออกไปจากตรงนั้น
หลิ่วเหมยอู่สีหน้าซีดเผือดเปียกโชกทั้งตัว เก็บกักความเกลียดชังไว้ไม่อยู่ ตบที่น้ำแล้วร้องเสียงดัง“เฉินเสียน!”
เดิมทีนางคิดว่าครั้งนี้เฉินเสียนจะตายอย่างไม่ต้องสงสัย จะรู้ได้อย่างไรกันเล่าว่าหญิงสารเลวผู้นี่จะกลับมาอีกครั้ง!ไม่กี่วันมานี้ฉินหรูเหลียงก็ตามหาเฉินเสียนทั่วสารทิศ ไม่มีเวลาที่จะดูแลตัวเองเลย
ฉินหรูเหลียงไม่เคยร้อนใจกับเฉินเสียนเช่นนี้มาก่อนเลย! เขาไม่ใช่ว่ารังเกียจเฉินเสียน เคยเกลียดเฉินเสียนหรือ?เมื่อก่อนไม่เคยที่จะถามถึงเฉินเสียนให้มากความ ตอนนี้เพื่อเฉินเสียนนั้นก็วิ่งวุ่นทั้งวัน!
และเวลานี้ คาดไม่ถึงว่าเฉินเสียนนางจะจริงจังอยากให้ตัวเองจมน้ำตายในทะเลสาบ!
ตอนที่ทุกคนรีบช่วยหลิ่วเหมยอู่ขึ้นมา เฉินเสียนยังคงเดินเอ้อระเหยในสวนดอกไม้เช่นเดิม
หลังจากที่ฉินหรูเหลียงกลับมาแล้วทราบเรื่อง ก็ได้มาเล่นงานเฉินเสียน “ท่านเพิ่งจะกลับมา พักให้สงบไม่ได้เชียวหรือ?”
เฉินเสียนเอ่ยอย่างไม่สะท้าน “ข้าผลักนางแล้วหรือ?นางก้าวพลาดตกลงไปในทะเลสาบเอง ข้าจิตใจดีตักเตือนนาง ท่านจะโทษก็โทษข้าไม่ได้ ต้องโทษสองขาของหลิ่วเหมยอู่ก่อน ไม่เดินดีๆรู้ว่าขาเคล็ดก็ล้มลงไป ท่านควรที่จะจัดการขาทั้งสองข้างของนางให้ดีก่อน ดูว่าครั้งหน้ายังจะเคล็ดอยู่หรือไม่”
ฉินหรูเหลียง“ท่านโต้แย้งอย่างไร้เหตุผล!”
เฉินเสียนเท้าเอวทะเลาะกันกับฉินหรูเหลียงที่สวนสระวสันตฤดู ใช้ความเป็นจริงมาเป็นหลักฐานว่าอะไรเรียกว่าโต้แย้งอย่างไร้เหตุผล
คิดไม่ถึงว่าวันต่อมาภายในพระราชวังมีพระราชโองการมา ต้องการให้ฉินหรูเหลียงกับเฉินเสียนเข้าไปในพระราชวังเพื่อเข้าเฝ้า ฉินหรูเหลียงได้รับพระราชโองการนี้ที่หน้าจวนแล้ว
เวลานั้นเฉินเสียนกำลังกินอาหารเช้าอยู่ โจ๊กคำหนึ่งสำลักอยู่ในลำคอ
ต้องการให้เธอเข้าพระราชวังเพื่อเข้าเฝ้า?ยังต้องการให้ฉินหรูเหลียงไปด้วยกัน!
ไม่รอให้เฉินเสียนกินอาหารเช้าเสร็จ ฉินหรูเหลียนก็มีสีหน้าเย็นชาสวมใส่เสื้อผ้าที่รีดเรียบร้อย มาปรากฏตัวที่สวนสระวสันตฤดู เห็นเฉินเสียนไม่หวีผม ไม่แต่งหน้าแต่งตัว เอ่ยด้วยความหงุดหงิดว่า“ไม่ใช่ว่าข้าให้คนมาบอกท่านแล้วหรือ วันนี้ต้องเข้าไปในพระราชวัง ท่านยังลอยชายอยู่อีก?”
“วันนี้ข้าไม่อยากเข้าพระราชวัง ข้าไม่ค่อยสบาย”เฉินเสียนเอ่ยปฏิเสธ
สำหรับเรื่องนี้เธอไม่ได้มีการเตรียมตัว เวลานี้จักรพรรดินึกถึงเธอ ต้องสงสัยและกังวลต่อเรื่องเธอแน่
ฉินหรูเหลียงเอ่ยอย่างเย็นชา“มีพระราชโองการมาแล้ว นี่มันต้องแล้วแต่ท่านหรือ?เมื่อวานหมอหลวงเพิ่งจะมา บอกว่าร่างกายท่านแข็งแรงมาก ท่านต้องการต่อต้านพระราชโองการหรือ?”
เฉินเสียนสีหน้ากลัดกลุ้ม จะมีอารมณ์กินอาหารเช้าที่ไหนกันเล่า
ฉินหรูเหลียงหัวเราะเยือกเย็นอีก“เฉินเสียน ท่านกลัวหรือ?”
เฉินเสียนขว้างถ้วยอาหารไปใส่หน้าเขาด้วยความโมโห“กลัวอะไร ข้าเพียงแค่คิดว่าไม่อยากไปกับท่านเพียงลำพัง เห็นหน้าท่าน ปากท่าน ข้าก็ไม่อยากอาหาร!”
ฉินหรูเหลียงคว้าถ้วยไว้ได้ วางไว้ที่โต๊ะอีกครั้ง เอ่ยสั่งอวี้เยี่ยน“ยังไม่รีบแต่งตัวให้หวีผมให้องค์หญิงอีก ถ้าหากเสียเวลาจักรพรรดิสั่งลงโทษมา ใครก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงรับผิด”
เฉินเสียนสงบลง รู้ว่าครั้งนี้ไม่ง่ายที่เธอจะปฏิเสธได้
ฉินหรูเหลียงรอในเรือน อวี้เยี่ยนรีบไปหยิบชุดที่ใช้สำหรับเข้าพระราชวังออกมา
ชุดนั้นคือชุดแพรสีน้ำเงินคราม แขนเสื้อปักด้วยลวดลายดอกไม้สวยงาม ชุดเหมาะสมส่วนกัเข้ากันดีกับต้นคอที่งดงาม เข็มขัดที่กว้างไม่สามารถพันบนเอวได้ ก็นำพันไว้ที่ใต้หน้าอก เก็บความสบายของชายเสื้อไว้ได้
ชุดสีน้ำเงินครามขับให้ผิวของเฉินเสียนขาวเป็นอย่างมาก เธอสั่งอวี้เยี่ยนให้ทาแก้มอีกหนึ่งชั้น เพื่อให้รอยแผลเป็นบนหน้าจืดชืดลงบ้าง แต่แค่มองก็ยังเห็นชัดเจนมาก
ผมยาวดำขลับอยู่ด้านหลัง ใช้ปิ่นปักผมม้วนขึ้นมาไว้
ชัดเจนว่าอวี้เยี่ยนตื่นเต้นมากกว่าเฉินเสียน
วันนี้มีฉินหรูเหลียงกับเฉินเสียนเข้าไปในพระราชวังด้วยกัน อวี้เยี่ยนก็อยู่ในสวนสระวสันตฤดู พระราชวังไม่ใช่สถานที่ที่ดี นางเข้าใจชัดแจ้งกว่าทุกคน จะให้ไม่กังวลใจได้อย่างไร
เฉินเสียนตบที่มือนางเบาๆ เอ่ย“วางใจ ตอนบ่ายข้าก็กลับมาแล้ว”
อวี้เยี่ยนเอ่ย“บ่าวรู้ว่าองค์หญิงไม่ชอบแม่ทัพฉินเพคะ แต่วันนี้องค์หญิงเข้าไปในพระราชวังพร้อมกันกับท่านแม่ทัพ ต้องออกมาพร้อมกันกับท่านแม่ทัพนะเพคะ ถึงองค์หญิงอยู่ในพระราชวังชั่วประเดี๋ยวเดียว บ่าวก็ยังอกสั่นขวัญแขวนเลยเพคะ”
ตอนที่จะออกเดินทาง ฉินหรูเหลียงยืนเอียงตัวมองอยู่ในจวน ชะงักงันเล็กน้อย