นี่เป็นขอบเขตใหม่ที่ฝูหลิงได้สัมผัส มันใหม่มาก ในวันเดียวกันนางได้กลับไปหาตำราการแพทย์ที่เกี่ยวข้องมาศึกษาค้นคว้า
ต่อมาทุกๆสองวันนางจะไปรักษาให้เย่ซวิ่นที่พระตำหนักฉีเล่อ
ครั้งนี้พอฝูหลิงเข้าไป ทั้งสองคนยังไม่ได้พูดคุยกันเลย เปลือกตานางหลุบลงมองที่เป้ากางเกงของเย่ซวิ่น แล้วกล่าวว่า “ถอดกางเกงออกเพคะ”
ใจของเย่ซวิ่นอดกลั้นไว้ ยังไม่ได้ระบายเลย
ฝูหลิงเห็นการกระทำเขาชักช้า กล่าวอีกว่า “ยังต้องให้กระหม่อมช่วยพระองค์ถอดหรือไม่เพคะ?”
เย่ซวิ่นกัดฟันกรอด ถอดกางเกงออก อดทนอดกลั้นความโมโหนี้ไว้ชั่วคราว
ต่อมาเวลาค่อยๆผ่านไป ทั้งสองก็สนิทคุ้นเคยกัน ฝูหลิงฝังเข็มให้เขา กระตุ้นจุดที่เกี่ยวข้องกับเขา และจัดยาเสริมบำรุงร่างกายด้วย
แต่แบบนี้อย่างไรต้องมีขั้นตอน
ฝูหลิงไปที่พระตำหนักฉีเล่อบ่อยครั้ง เฉินเสียนเลยได้เรียกนางมาถามไถ่
“เย่ซวิ่นมักเรียกเจ้าไปทำอะไรในพระตำหนัก?”
ฝูหลิงกล่าวว่า “ตรวจรักษาโรคเพคะ”
“เขาเป็นโรคอะไร?”เฉินเสียนถามไปอย่างงั้นแหละ
ฝูหลิงอยากจะพูดโม้สอดรู้สอดเห็นเลยเผยอปากขึ้นมา แต่นึกถึงที่เย่ซวิ่นข่มขู่ก็เลยได้อดกลั้นไว้
เฉินเสียนขมวดคิ้ว กล่าวว่า “เขาไม่ให้พูดหรือ?”
ฝูหลิงพยักหน้ากล่าวว่า “ไม่ให้พูดเพคะ หากพูดแล้วองค์ชายหกจะทำให้ข้าไม่มีหนทางแต่งงานออกไปได้เลยเพคะ”
เฉินเสียนหัวเราะ กล่าวขึ้นว่า “หนักเช่นนั้นเลย?เช่นนั้นสรุปเป็นโรคอะไร?อนาคตเจ้าจะแต่งงานออกไปได้หรือไม่ ไม่ใช่เขาเป็นใหญ่พูดแล้วต้องฟังนิ”
ฝูหลิงอุตลุดเป็นการใหญ่ กล่าวว่า “เช่นนั้นฝ่าบาทห้ามบอกใครนะเพคะ?”
“อืม ข้าจะไม่บอกใครเลย”
ทันใดนั้นฝูเหลิงก็เข้ามาใกล้ ยกมือขึ้นข้างหูเฉินเสียน กล่าวอย่างยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่นว่า “องค์ชายหกตั้งไม่ขึ้นเพคะ หม่อมฉันตรวจดูให้ด้วยตนเองเลย เหี่ยวเฉาหดหู่ท้อใจ ยกไม่ขึ้น”
เฉินเสียนเปลือกตากระตุก กล่าวว่า “เจ้ายังดูให้เขาด้วยตนเองหรือ?”
“หม่อมฉันเป็นหมอ นี่เป็นเรื่องธรรมชาติเพคะ”
เฉินเสียนนวดคลึงหัวคิ้ว กล่าวว่า “ในสำนักหมอหลวงมีหมอหลวงตั้งมากมาย เหตุใดเขาจะต้องเอาเจ้า?”
“คาดว่าน่าจะกลัวหมอหลวงคนอื่นปากหนักพูดจาไม่ระมัดระวัง แล้วพูดออกไปเพคะ องค์ชายหกเห็นว่าหม่อมฉันเป็นหมอหลวงหญิง หากว่าพูดออกไป ข้าก็ไม่มีชื่อเสียงแล้ว”
เฉินเสียนกล่าวอย่างร้อนใจว่า “เจ้าไม่รู้จักปฏิเสธหรือ?แม้ว่าเจ้าจะเป็นหมอ แต่ระหว่างชายหญิงไม่สามารถใกล้ชิดโดยตรงนะ”
ฝูหลิงกล่าวว่า กล่าวว่า “ตอนนั้นองค์ชายหกถอดกางเกงเลย หม่อมฉันจะมีวิธีอะไรได้ล่ะเพคะ”
เฉินเสียน “……….”
เฉินเสียนยังไม่วางใจ สั่งกำชับว่า “เจ้าทำไปอย่างนั้นตามสบายก็เสร็จแล้ว อย่าให้เขาเอาเปรียบเจ้าได้”
ฝูหลิงกล่าวอย่างมั่นใจสง่าผ่าเผย ไม่เกรงกลัวว่า “ตอนนี้องค์ชายหกไม่ตั้ง จะเอาเปรียบอะไรได้ คล้ายกับว่าหม่อมฉันเอาเปรียบองค์ชายหกมากกว่า ”นางหัวเราะแล้วโผเข้ามา กระซิบกล่าวกับเฉินเสียนว่า “น้องชายขององค์ชายหกนวดคลึงแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าของอย่างนี้ของผู้ชายจะนุ่มนิ่มเช่นนี้เพคะ”
เฉินเสียนจับหน้าผาก กล่าวว่า “……..หากท่านปู่ของเจ้าได้ยินคำนี้ ตีเจ้าตายแน่”
คำพูดที่ฝูหลิงพูดกับเฉินเสียนเมื่อกลางวัน เฉินเสียนรู้สึกว่าตนเองมีพฤติกรรมผิดปกติ ราวกับถูกล้างสมองเลย
เวลากลางคืน เฉินเสียนนอนอยู่บนเตียงกับซูเจ๋อ ซูเจ๋อมีกฎเกณฑ์ ไม่ปฏิบัติต่อเธออย่างนี้อย่างนั้น
แต่เธอไม่มีความง่วงนอนเลยแม้แต่น้อย ซูเจ๋อน่าจะนอนหลับไปแล้ว ด้วยเหตุนี้จิตใต้สำนึกมือที่อยู่ใต้ผ้าห่มก็ถือโอกาสสัมผัสที่หน้าท้องของซูเจ๋อและเลื่อนลงไปด้านล่าง ในใจมีความสงสัยหวาดระแวง นุ่มนิ่มอย่างที่ฝูหลิงพูดจริงหรือ?
แต่เห็นชัดเจนทุกครั้งเธอรู้สึกได้ว่ามันแข็งนะ
ซูเจ๋อยังไม่มีการเคลื่อนไหว เฉินเสียนเองก็รู้สึกว่าเป็นวัวสันหลังหวะ คิดว่าจะลงมือเร็วหน่อย และรีบดึงมือกลับก็จบแล้ว
ด้วยเหตุนี้เธอเลยกำกอบกุมที่จุดยุทธศาสตร์ของซูเจ๋อ ตนเองเลยชะงักงัน
เหมือนที่ฝูหลิงพูดเลยจริงๆ นุ่มนิ่มมาก
เฉินเสียนอาลัยอาวรณ์อยู่กับสิ่งที่มือได้สัมผัสชั่วขณะ เลยลืมดึงมือกลับ
และสิ่งที่อยู่ในใจกลางมือเธอนั้นรู้สึกได้ว่ามันเปลี่ยนจากนุ่มนิ่มเป็นแข็งอย่างรวดเร็วแล้ว
และข้างหูยังมีเสียงที่คลุมเครือของซูเจ๋อดังขึ้นมาว่า “นวดคลึงสนุกหรือไม่?”
ทันใดนั้นเฉินเสียนหน้าแดงร้อนผ่าวไปจนถึงคอ เวลานี้อยากจะดึงมือกลับมาก็ไม่ทันแล้ว
โชคดีที่เธอฉลาดว่องไว เลยแกล้งทำเป็นสะลึมสะลือตื่นมา กล่าวว่า “เป็นอะไรหรือ เมื่อกี้ข้าฝัน ในมือกำลังจับผลไม้เคลือบน้ำตาล …..ไอ๋หยา เหตุใดในมือยังมีผลไม้เคลือบน้ำตาล?”
ซูเจ๋อยิ้มอย่างไม่อะไร กล่าวว่า“เหตุใดยังมีผลไม้เคลือบน้ำตาล เช่นนั้นท่านอยากกินไหม?”
เฉินเสียนไม่ทันได้ตอบ ปากก็ส่งเสียงครางคลุมเครือออกมา ผ่านไปสักพัก ม่านมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย เธอกล่าวขอความเมตตาว่า “ซูเจ๋อข้าผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว ผิดไปแล้วจริงๆ นี่อย่าเพิ่งรีบถอดชุด มีอะไรคุยกันดีๆ ……….อึ่ม……..”
เฉินเสียนคิด เย่ซวิ่นน่าจะไม่ตั้งจริง ไม่อย่างนั้นไม่มีทางเป็นอย่างที่ฝูหลิงพูดว่าสัมผัสนวดคลึงแล้วนุ่มนิ่มหรอก
อืม นี่เป็นประสบการณ์ของค่ำคืนนี้ที่ได้ผลสรุปแล้ว
ชั่วพริบตาเดียวได้ผ่านไปหลายเดือนแล้ว การรักษาอาการของเย่ซวิ่นที่มีฝูหลิงรับผิดชอบดูแลได้ดีขึ้นมา
ตอนที่ฝูหลิงได้ฝังเข็มให้เขา จากที่ตอนแรกเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยแม้แต่น้อยก็ค่อยๆมีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมา
ตอนแรกออกอาการชาขยายตัว ต่อมาเขามีความรู้สึกว่ามีแนวโน้มยกหัวขึ้นมาแล้วอย่างไม่ชัดเจน เขาอยากจะให้ยกหัวขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าใจมีเหลือแต่แรงไม่พอ
มือทั้งสองข้างของเฉินเสียนเล็กกระจุ๋มกระจิ๋ม เย่ซวิ่นมองมือขาวละมุนทั้งสองข้างนั้นที่กำลังวนเวียนใต้ท้องของเขา มีความรู้สึกเหมือนกับขนนกบินฉวัดเฉวียนอยู่บนหัวใจ จั๊กจี๊อย่างแปลกประหลาด
บนตัวของนางมีกลิ่นหอมของยา สดชื่นน่าดอมดมมาก
เห็นนางรักษาให้กับเขาอย่างตั้งใจ เย่ซวิ่นก็ไม่กีดกันนางเหมือนตอนแรกเริ่มแล้ว แต่หญิงคนนี้มักจะสามารถทำได้ถูกเวลาเสมอทำให้อคติที่เขาวางลงชั่วคราวยั่วยุขึ้นจนถึงระดับสุดยอดได้
เพราะนางมักจะชอบลูบขนและผมตามร่างกายของเขา เลยถือโอกาสลูบสัมผัสมากหน่อย แม้ว่าบางเวลาจะใช้เข็มวางไว้อยู่ระหว่างนิ้วมือแล้วเล่น ทำให้เย่ซวิ่นรู้สึกอับอายขายหน้าจนไม่อยากมีชีวิต
ตอนที่เขากำลังจะกำเริบ ฝูหลิงก็กล่าวว่า “อย่าเคลื่อนไหว หม่อมฉันกำลังฝังเข็ม มองดูแล้วทุเลาเล็กน้อย หากไม่รู้คุณและโทษแล้วทำให้พระองค์ไม่ตั้งขึ้นอย่างสิ้นเชิง มันได้ไม่คุ้มเสียนะเพคะ”
เย่ซวิ่นทำได้เพียงกล้ำกลืน ปฏิญาณตนเงียบๆในใจ รอหลังจากที่นางรักษาเสร็จ จะต้องทำให้นางได้รับบทลงโทษแน่!
ต่อมาอาศัยความพยายามที่ไม่ยอมลดละของฝูหลิง หลังจากที่ช่วยฝังเข็ม กระตุ้นจุดฝังเข็มอย่างเต็มที่ อีกทั้งนวดคลึง เย่ซวิ่นรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ไม่ได้มีมานานวิ่งทะลวงลงไปที่ใต้ท้อง ในที่สุดก็ทำให้เขาตั้งได้ครึ่งหนึ่งแล้ว
ดูเหมือนว่าฝูหลิงมีความสุขดีใจมากกว่าเขา คาดการณ์ว่าเป็นเพราะความพยายามของนางได้รับดอกผลแล้ว นางมีคุณสมบัติที่จะมีความสุขดีใจมากกว่าใคร
ใบหน้าเล็กของฝูหลิงตื่นเต้นดีใจจนแดงระเรื่อ มองจากมุมที่เย่ซวิ่นไป ทั้งอ่อนทั้งอ่อนช้อยน่ารัก ดวงตากลมโตใสแวววาวนั่น สวยงามเหมือนเทพเป็นอย่างมาก
เวลานี้ความรู้สึกร้อนผ่าวที่อยู่ใต้ท้องนั่นก็เพิ่มมากขึ้นอย่างแปลกประหลาด
ฝูหลิงยังกล่าวกับน้องชายน้อยของเขาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวว่า “เจ้าน้องชาย รออีกไม่นาน เจ้าก็จะหายดีเป็นปกติแล้วนะ”
ต่อมาตอนที่นางมารักษาให้เขาอีกครั้ง สภาพอาการของเย่ซวิ่นก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
ฝูหลิงนั่งยองๆอยู่หน้าเก้าอี้ไม้ยาว หลุบเปลือกตาลงใจจดใจจ่ออยู่บนมือ ภายใต้ชุดสีน้ำเงินนั่น ปรากฏลำคอขาวละมุนออกมาช่วงหนึ่ง เย่ซวิ่นหรี่ตาจ้องมองอยู่นาน ยิ่งมองยิ่งรู้สึกอ่อนโยนเหมือนน้ำชโลมเพื่อให้ชุ่มชื้นมากขึ้น
สายตาของเย่ซวิ่นย้ายไปมองบนใบหน้าของฝูหลิง ตอนที่นางมองโคนขาของเขา เขายิ่งมองหน้านางตลอด
ทันใดนั้นเย่ซวิ่นได้เอื้อมมือไปด้านหน้าเธอเพื่อทำท่าทางเปรียบเทียบพบว่าใบหน้ารูปไข่ของนางก็เล็กกระจุ๋มกระจิ๋ม คล้ายกับว่ามีความใหญ่เท่าฝ่ามือของผู้ชายเลย
ฝูหลิงตกใจ บนมือสั่นไหว และเงยหน้าขึ้นมามองเขา แววตาดำใสราวกับน้ำกล่าวถามว่า “พระองค์ทำอะไร?”