พอได้ยินว่าราชนิเวศน์ทางด้านนั้นบรรยากาศผ่อนคลาย สามารถเที่ยวพักผ่อนได้ องค์หญิงจาวหยางก็ให้ซูเจ๋อพาเธอไปด้วย และผู้ที่ร่วมเดินทางไปด้วยยังมีนางกำนัลจำนวนหนึ่ง
องค์จักรพรรดิเป่ยเซี่ยไม่ได้ไปเที่ยวพักผ่อน พระองค์ต้องการปรึกษาหารือกับขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของราชสำนักว่าจะทำอย่างไรถึงจะสามารถป้องกันการรุกรานทางทะเลของศัตรูได้ และฝึกทหารให้คุ้นเคยกับน้ำทะเล อนาคตหากทั้งสองเมืองเกิดการสู้รบกัน เกรงว่าการสู้รบจนลามโยกย้ายไปถึงท้องทะเลด้วย
และทางด้านต้าฉู่ ตอนที่เฉินเสียนเจรจาหารือเรื่องสิทธิประโยชน์ทางทะเลที่จะหนุนมาตามหลังกับเย่เหลียง ตอนที่ไม่ทันได้สนใจมองซูเซี่ยน ซูเซี่ยนก็ให้เฮ่อโยวพาไปที่ทะเลทิศบูรพา บอกว่าไปเดินเล่นหนึ่งรอบก็จะกลับมา
พอถึงทะเลทิศบูรพา วัตถุดิบบนเรือได้เตรียมไว้เรียบร้อยตามความเหมาะสมแล้ว เพียงพอที่จะสามารถใช้ชีวิตบนเรือได้ถึงเดือนสองเดือนโดยไม่ต้องกลุ้มใจเลย
และให้เฮ่อโยวค้นหาชายหนุ่มรูปงาม มายืนเรียงรายอยู่บนชายหาด ซูเซี่ยนเดินผ่านหน้าพวกเขาแล้วกล่าวว่า “เหตุใดมีเพียงแค่สามสิบสองคน”
เฮ่อโยวลูบศีรษะแล้วกล่าวว่า “รูปร่างหน้าตาดีจะหาได้ง่ายที่ไหนกันเล่าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมหามาบางส่วน หาที่ดีคัดที่ไม่ได้มาตรฐานออกทั้งหมดก็เหลือเพียงเท่านี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ซูเซี่ยนจึงสั่งให้เฮ่อโย่วนำพวกเขาทยอยขึ้นเรือ แล้วค่อยหันกลับมามองเย่ซวิ่นที่แอบออกจากพระราชวังมาดูสถานการณ์กับเขาว่า “เมื่อก่อนไม่ใช่ว่าพระองค์ชอบทะเลาะชิงรักหักสวาทกับท่านพ่อของข้าหรือ ครั้งนี้จะให้โอกาสพระองค์เป็นนายบำเรอของท่านแม่ข้า”
เย่ซวิ่นเบะปาก แล้วกล่าวว่า “เจ้าเอาข้าไปกระตุ้นท่านพ่อของเจ้า เพื่อให้ท่านพ่อของเจ้ากลับมา เป็นเรื่องที่ไม่มีข้อดีเลยสักนิดหนึ่งข้าจะทำหรือ?”
“ได้ยินมาว่าเขาสูญเสียความทรงจำแล้ว พระองค์กลัวว่าแม้แต่คนที่สูญเสียความทรงจำก็สู้มิได้นะหรือ?”
เย่ซวิ่นหรี่ตามอง ทันทีหลังจากนั้นริมฝีปากแดงระเรื่อฟันขาวสะอาดก็ได้ยิ้มขึ้นมาบนหาดทรายสีทองอร่ามสง่างามดึงดูดคนเป็นอย่างมาก เขารวบชุดขึ้น กล่าวว่า “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังหมายปองคิดวิธีอะไรอยู่ ข้าเกรงว่าเจ้าไปเพียงลำพังแล้วจะเกิดเรื่องสินะ เพราะฉะนั้นเลยต้องเอาข้าติดมาด้วย หากพวกเราสองคนเกิดเรื่อง ตอนที่ต้าฉู่ถามเป่ยเซี่ยเอาเจ้ากลับไป เวลานั้นเย่เหลียงก็จะยื่นมือมาช่วยเหลือ ”
ซูเซี่ยนคิดไปคิดมา กล่าวขึ้นว่า “หากครานี้ท่านพ่อของข้าตัดขาดกับท่านแม่โดยสิ้นเชิง รอหลังจากกลับมา ข้าจะแนะนำพระองค์ให้กับท่านแม่”
พอเย่ซวิ่นฟัง ก็ได้ลงเรือกับหนุ่มรูปงามเหล่านั้นทันที และกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าไม่สามารถที่จะพยายามทำให้พังทลายได้”
เหลียงชิงโจวได้จัดการนำขบวนผู้ขับเรือที่มีประสบการณ์ออกทางทะเลของเขามาอยู่บนเรือลำใหญ่นี้ และฉินหรูเหลียงได้เลือกทหารรักษาพระองค์ฝีมือเยี่ยมยอดกว่าพันนายเข้าประจำตำแหน่งของตนเองบนเรือ ติดตั้งอาวุธเรียบร้อยทั้งหมดแล้วก็เตรียมตัวเริ่มต้นเดินทาง
เรื่องนี้ทุกคนล้วนรู้สึกว่าศีรษะของตัวเองได้ห้อยอยู่ แต่มีวิธีอะไรและทำอะไรได้ล่ะ พวกเขาจำเป็นต้องช่วยซูเซี่ยนไปนำท่านพ่อของเขากลับมา แทนที่จะพูดว่าช่วยซูเซี่ยน ไม่สู้กับพูดว่ากำลังช่วยเฉินเสียนอยู่
ไม่มีซูเจ๋อแล้ว เฉินเสียนก็ไม่มีทางที่จะรับชายผู้อื่น เธอยินยอมที่จะอยู่ลำพังชั่วชีวิต หากซูเจ๋อไม่กลับมา ประมาณว่าอนาคตชั่วชีวิตของเธอก็ทำได้เพียงอยู่อย่างนี้ต่อไปแล้ว
แม้ว่าเธอจะเข็มแข็ง แต่ตัวพวกเขาเป็นขุนนางและควบตำแหน่งสหาย ก็อดทนไม่ไหวหรอก
เดิมทีเหลียนชิงโจวต้องการร่วมเดินทางไปด้วย แต่ซูเซี่ยนได้ให้เขาอยู่
ซูเซี่ยนกล่าวว่า “ท่านอยู่ที่นี่กับท่านแม่ข้า”
ด้วยเหตุนี้สุดท้ายเหลียงชิงโจวก็ทำได้เพียงยืนอยู่ที่ฝั่ง มองเรือเดินทะเลที่แล่นออกนอกชายฝั่งทะเล มุ่งตรงไปทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ซูเซี่ยนออกไปเดินเล่นไม่กลับมาสักที รอจนเฉินเสียนเสร็จธุระแล้วถามหาเขา ถึงได้รู้ คิดไม่ถึงเลยว่าซูเซี่ยนพาคนไปที่ทะเลแล้วนั่งเรือเดินทะเลออกไป
นับวันดูเขาไปได้เจ็ดแปดวันแล้ว
เฉินเสียนรีบไปที่ทะเลทิศบูรพา กวาดมองผ่านเหลียนชิงโจวกับฉินหรูเหลียงรวมทั้งขุนนางที่ประดิษฐ์ต่อเรือของทะเลทิศบูรพา เฉินเสียนกล่าวว่า“องค์รัชทายาทออกทะเลแล้ว พวกเจ้าทั้งหลายไม่เพียงแต่ไม่ขัดขวาง ยังให้เขายืมกำลังคน ระดมกำลังทหารรักษาพระองค์ ใช้อำนาจหน้าที่ทำให้เขาก่อความวุ่นวาย! ”
ขุนนางจำนวนหนึ่งกล่าวอย่างกลัดกลุ้มใจว่า “คำสั่งขององค์รัชทายาท พวกกระหม่อมมิกล้าที่จะไม่เคารพพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเสียนกล่าวว่า “เขาเพิ่งจะแปดขวบ เคารพไร้สาระ ไม่รู้จักมาถามข้าก่อนหรือ!”
เหลียนชิงโจวกล่าวว่า“องค์รัชทายาทไปทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทบอกว่าต้องการไปหาคนเหล่านั้นที่เคยกลั่นแกล้งพระองค์ให้พบความโชคร้าย”
เฉินเสียนชะงักงัน เธอคิดไม่ถึงเลยว่าซูเซี่ยนมีความคิดอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เฉินเสียนจ้องมองเหลียนชิงโจวด้วยสายตาเยือกเย็น แล้วกล่าวว่า “ยังยืนงงอะไรกันอยู่ ยังไม่เคลื่อนเรือตามเขาไปให้ข้าอีก!”
เหลียนชิงโจวไปเคลื่อนย้ายเรือเงียบๆ ในใจคิดว่าองค์รัชทายาทคาดการณ์ไว้แล้วว่าเธอจะไปตาม บางทีอาจจะกำลังรอเธออยู่ด้านหน้าแล้ว
เหลียนชิงโจวเลือกกองขบวนเดินเรือที่ดีที่สุดให้กับซูเซี่ยนไปแล้ว คนกลุ่มนั้นประสบการณ์มากมาย แม้ว่าจะอยู่บนท้องทะเลกว้างไกลไร้ที่สิ้นสุดมาสี่สัปดาห์ ในช่วงเวลากลางวันพวกเขาสามารถใช้พระอาทิตย์ขึ้นเป็นทิศตะวันออกพระอาทิตย์ตกเป็นทิศตะวันตกได้ ช่วงเวลากลางคืนใช้เทคนิคเกี่ยวกับการดูดาวเป็นการควบคุมทิศทาง นอกเหนือจากทิศทาง การควบคุมทิศทางลมยิ่งคุ้นเคยเป็นอย่างมาก พอที่จะพูดได้ว่าตลอดการเดินทางราบรื่น
สุดท้ายเฉินเสียนกับเหลียนชิงโจวพาคนทยอยลงเรือ และไม่ลืมที่จะพาหลิวอีกว้าที่รับผิดชอบงานเฝ้าสังเกตดวงดาวเพื่อคำนวณและประกาศใช้ปฏิทินหลวงของสำนักหอดูดาวหลวงมาด้วย เขาคิดพิจารณาปรากฏการณ์ดวงดาวตามโหราศาสตร์ตลอดวันตลอดคืน ถึงอย่างไรก็ควรที่จะรู้เทคนิคเกี่ยวกับการดูดวงดาว หลิวอีกว้าได้ยินว่าจะออกทะเล ก็นำเครื่องมือเข็มทิศในสำนักหอดูดาวหลวงขึ้นเรือมา
เรือลำนี้ยกให้เหลียนชิงโจวคุมหางเรือ ชักใบเรือลดใบเรือและเร่งเดินทางตลอดวันตลอดคืนให้เร็วขึ้นเป็นทวีคูณมุ่งไปทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
บนท้องทะเลท้องฟ้ายามค่ำคืนแจ่มใสมีดวงดาวกระจายอยู่ทุกแห่งหน หลิวอีกว้านั่งอยู่บนดาดฟ้าของเรือ มองไปที่ท้องฟ้า อุทานออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า“สวยเสียจริง ถือว่าคุ้มค่าที่มาครั้งนี้!”
ลมทะเลพัดผ่านปะทะหน้าเส้นผมและชุดของเฉินเสียน เธอหรี่ตา ได้ยินหลิวอีกว้าส่งเสียง“ไอ๋หยา”ออกมา
เฉินเสียนหันไปมองเขา เห็นเขาชี้ดวงดาวที่อยู่ในท้องฟ้า แล้วกล่าวว่า “ดาวแปดขาวที่อยู่ด้านข้างดวงดาวแห่งจักรพรรดินั่นสวยจริง!”
เฉินเสียนมองไปทางท้องฟ้า ในท้องฟ้าดวงดาวเยอะเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าเขาพูดถึงดวงไหน
หลิวอีกว้าบีบนิ้วมือเข้าแล้วนับคำนวณ ปากพูดพึมพำเป็นภาษาตัวเอง ต่อมาได้กล่าวอย่างสุขใจว่า “ดาวแปดขาวดวงนี้มืดสลัวสามปี วันนี้ได้รับแสงสว่างของดวงดาวแห่งจักรพรรดิกลับมาลู่ทางที่ถูกต้องแล้ว เป็นนิมิตหมายที่ดี”
เฉินเสียนชะงักงัน ฟังหลิวอีกว้ากล่าวอย่างต่อเนื่องว่า “ดวงดาวแห่งจักรพรรดิ ดาวแปดขาวปรากฏอีก นั่นหมายถึงสหายเก่าจะกลับมา”
มือทั้งสองข้างของเฉินเสียนจับอยู่ที่ราวจับ ทอดถอนหายใจออกมายาวๆ กล่าวอย่างเลือนรางว่า “ข้าไม่เชื่อเรื่องกลุ่มดาวและโหราศาสตร์เหล่านี้หรอก แต่หากว่าเป็นอย่างที่เจ้าพูดจริง ต่อไปข้าจะเซ่นไหว้บูชาดวงดาวเหล่านี้ตลอดชีวิตอย่างแน่นอน”เฉินเสียนเงยหน้ามองบนท้องฟ้ากว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด กล่าวอีกว่า “ข้าไม่บีบบังคับดึงดันว่าเขาจะกลับมาอย่างแน่นอน ให้ข้าเงยหน้ามองเห็นเขาที่ส่องสว่างไสวอยู่ตลอด ก็เพียงพอแล้ว ”
ระยะการเดินทางผ่านมาครึ่งเดือนโดยประมาณ เรือค่อยๆเขยิบเข้าใกล้ชายฝั่ง เมื่อก่อนตอนที่ซูเซี่ยนจะนอนกวนเฉินเสียนให้ร่วมพูดคุยกับเขาเรื่องตำแหน่งทางภูมิศาสตร์สามก๊ก เมื่อตอนนั้นเฉินเสียนยังพูดคุยกับเขาว่า ต้าฉู่กับเป่ยเซี่ยอาจจะห่างกันไกลกันเป็นอ่าวหนึ่งเลย เพียงแค่ผ่านอ่าวนั้น ก็จะถึงเป่ยเซี่ยแล้ว
และวันนี้ดูเหมือนว่า สิ่งแรกที่เฉินเสียนคาดเดานั้นไม่มีผิดเพี้ยนและทำให้ซูเซี่ยนไปถึงเป่ยเซี่ยอย่างราบรื่น
เส้นทางเดินเรือจากต้าฉู่ไปถึงเป่ยเซี่ย บ่งบอกว่าเป็นการได้ให้ซูเซี่ยนเริ่มต้น
ในช่วงกลางคืนเรือเดินทะเลค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งทะเล แต่ว่ามันยังเป็นการที่ดึงดูดกระตุ้นการตื่นตัวของการป้องกันแนวชายฝั่งทะเลเป่ยเซี่ยด้วย
แสงไฟบริเวณชายฝั่งเปล่งแสงขึ้น ทหารรักษาพระองค์บนเรือทะเลก็พร้อมที่จะจู่โจมเช่นกัน
ไม่นานข่าวคราวก็รายงายไปถึงด้านในพระราชนิเวศน์ขององค์จักรพรรดิเป่ยเซี่ย ไม่รู้ว่าบนเรือมีผู้ใดอยู่ แต่ไม่ใช่ต้าฉู่ที่มาก็เป็นเย่เหลียงมาอย่างแน่นอน พวกเขาคิดวางแผนจู่โจมเป่ยเซี่ยยามค่ำคืนหรือ?