สุดท้ายเฉินเสียนมองจักรพรรดิเป่ยเซี่ยด้วยความกล้าหาญ กล่าวว่า “งั้นข้าไปแล้วนะ?”
จักรพรรดิเป่ยเซี่ยอยากคัดค้าน สุดท้ายก็ข่มกลั้นความรู้สึก สีหน้าแปรเปลี่ยนหลากหลายรูปแบบ ได้แต่ทนมองเฉินเสียนเดินออกไปอย่างนั้น
เฉินเสียนเหินเดินมาถึงลานบ้านของซูเจ๋อก็เห็นนางกำนัลกำลังรวมกลุ่มกันซุบซิบนินทา เมื่อเห็นเธอออกมา พวกนางก็รีบเข้าประจำที่โดยพลัน
เธอทำหน้าเฉื่อยชาไร้ความรู้สึกเดินผ่านนางกำนัลพวกนั้น นาทีนี้เธอควรรีบเผ่นกลับไปแช่ถังอาบน้ำแล้วไม่ออกมาอีก
เมื่อคืนซูเจ๋อจูบเธอกลางท้องพระโรงชนิดที่อยากให้คนอื่นรู้แทบแย่ ยามนี้สมปรารถนาแล้ว ราชนิเวศน์นี้มีคนอยู่ตั้งมากมาย ไม่เท่ากับล่วงรู้กันหมดแล้วหรือ
เหล่าขุนนางเป่ยเซี่ยยังตั้งหน้าตั้งตารอความเคลื่อนไหวของวันนี้อยู่
นางกำนัลกระจายข่าวอย่างรวดเร็ว โดยเนื้อหามีอยู่ว่าท่านอ๋องมู่ลากตัวจักรพรรดิแห่งต้าฉู่ไปร่วมหลับนอนด้วยกัน
บรรดาขุนนางเป่ยเซี่ยทั้งตะลึงงันทั้งทอดถอนหายใจปะปนกันไป ขุนนางนายหนึ่งระแคะระคายใจ ท่านอ๋องรุ่ยตอนอยู่ในเมืองหลวงไม่ใช่ไม่ชมชอบสตรีหรอกหรือ เหตุใดยามนี้ถึงแสดงท่าทีเปิดเผยอย่างเอิกเกริกต่อจักรพรรดิแห่งต้าฉู่เยี่ยงนี้? ใครจักรพรรดิต้าฉู่เอาเรื่องขึ้นมา เป่ยเซี่ยย่อมเป็นฝ่ายเสียเปรียบแน่
ซูเจ๋อกับจักรพรรดิเป่ยเซี่ยไม่มีสิ่งใดให้น่าเสวนาด้วย พอจักรพรรดิเป่ยเซี่ยเสด็จกลับไป เขาก็ชำระล้างเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปยังเรือนที่เฉินเสียนกับอาเซี่ยนพักอาศัย
เมื่อมาถึงที่หมายก็เห็นอาเซี่ยนนั่งอยู่ในระเบียงทางเดิน แสงอาทิตย์ส่องเต็มลานบ้าน เขากำลังแกว่งเท้าถือหนังสืออ่านตำราอยู่
ประตูห้องอาบน้ำปิดสนิท
ซูเจ๋อเดินเข้าไปถาม “ท่านแม่เจ้าล่ะ?”
อาเซี่ยนตอบ “หลังกลับมาก็เข้าห้องอาบน้ำแล้ว ตอนนี้ยังไม่ออกมา”
ซูเจ๋อเก็บแขนเสื้อนั่งที่ระเบียงกับเขา รอให้เฉินเสียนอาบน้ำเสร็จ
ผ่านไปสักพัก ซูเจ๋อหรี่ตากล่าว “อาเซี่ยน ใครเป็นคนจัดสนมชายให้ท่านแม่เจ้า?”
มือที่ถือตำราของอาเซี่ยนหยุดชะงัก เงยหน้าเล็กๆมองบิดาของเขา ถามว่า “ท่านแม่บอกท่านว่ามีคนช่วยท่านจัดหา แต่ไม่บอกว่าเป็นใครหรือ?”
ซูเจ๋อมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย ดวงตาคู่โตประสานกับคู่เล็ก กล่าวว่า “คำถามเช่นนั้นไม่จำเป็นต้องถามนางหรอก”
ทันใดนั้นอาเซี่ยนก็เข้าใจว่าท่านพ่อต้องได้ยินคณะวังหลังจากที่อื่นเป็นแน่ อาเซี่ยนปิดหนังสือ ก้มหน้าจัดปลายเสื้ออย่างไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น กล่าวเป็นการเป็นงานว่า “ออ เป็นฝีมือเย่ซวิ่น”
พร้อมกันนั้นเย่ซวิ่นที่อยู่ในเรือนของตนจามหนึ่งครั้งกะทันหัน รู้สึกเย็นเสียวอย่างแปลกประหลาด
ซูเจ๋อกล่าวแบบไม่กระจ่าง “ที่แท้ก็เป็นเขานี่เอง”
ซูเซี่ยนกล่าว “ใช่ เป็นเขา เขาชอบยุ่งไปเสียทุกอย่าง ชอบแทรกแซงเรื่องส่วนตัวของท่านแม่ ครั้งนี้จัดหาบุรุษรูปงามมากมายก็เพื่อแยกท่านกับท่านแม่จากกัน”
หยุดสักพักก็เสริมอย่างไม่รีบร้อนว่า “เขามีอิสระในวังหลังมาก ขอเพียงไม่กระทำอะไรที่เลยเถิด ท่านแม่ก็ไม่สนใจเขา เขายังมีบริวารจากเย่เหลียงหลายคน การจัดหาบุรุษรูปงามจึงไม่ได้เรื่องยากอะไร ซึ่งคนพวกนั้นล้วนฟังคำสั่งจากเขา มาหว่านเสน่ห์ท่านแม่ด้วยร้อยเล่ห์พันเหลี่ยม”
ซูเจ๋อยกคิ้ว กล่าวว่า “ฟังจากเจ้าเล่าแล้ว เหมือนเขาจะมีเป้าหมายและอุบายมากที่สุด”
ซูเซี่ยนพยักหน้าหงึกๆอย่างจริงจัง “ใช่แล้ว” เขาดึงชายเสื้อซูเจ๋อ พลางถามว่า “ท่านกลับไปจัดการเขาที่ต้าฉู่เมื่อไหร่ จัดการสักหน่อยเขาก็เชื่อฟังแล้ว”
ซูเจ๋อลูบศีรษะเขา กล่าวอย่างครุ่นคิดว่า “ก่อนตรุษจีนเป็นไง”
ซูเซี่ยนยิ้มเบิกบานด้วยความใสซื่อและสดใสยิ่ง กล่าวว่า “งั้นข้ากับท่านแม่รอท่านกลับไปฉลองตรุษจีนด้วยกัน”
“ได้”
“เริ่มเดินทางวันนี้เวลาไหน?” ซูเจ๋อถาม
ซูเซี่ยนกล่าว “ไม่เดินทางกลางวันแล้ว ข้าสั่งพวกเขาเตรียมเดินทางตอนกลางคืน ท่านยังสามารถอยู่กับท่านแม่ได้ในช่วงกลางวัน”
ซูเจ๋อหัวเราะ กล่าวว่า “เมื่อก่อนข้าเคยชมเจ้าว่าเอาใจใส่คนอื่นได้ดีหรือไม่?”
ซูเซี่ยนทำตัวไม่ถูก เม้มปากอันน้อยๆ ใบหน้าเนียนขาวแดงระเรื่ออย่างน่าสงสัย กล่าวว่า “เมื่อก่อนท่านชมข้าน้อยมาก”
ซูเจ๋อจับเสื้อลุกขึ้นมายืนตรงหน้าซูเซี่ยน โค้งตัวเล็กน้อย กล่าวกับเขาว่า “ให้พ่ออุ้มหน่อย”
ซูเซี่ยนอึ้ง มองเขาอย่างมึนงง
ซูเจ๋ออุ้มเขามานั่งบนตักตัวเอง คล้ายกับซูเซี่ยนหาแหล่งพึ่งพิงของตัวเองกลับมาได้สำเร็จแล้ว ซึ่งแหล่งพึ่งพิงนี้อยู่ในใจเขาเสมอมา ตอนที่เขายังเด็ก เขากอดคอซูเจ๋อด้วยความอาลัย ใบหน้าเผยรอยยิ้มจางๆที่พึงพอใจขึ้น
ซูเจ๋อกล่าว “วันนี้ข้าพาพวกเจ้าไปดูวัวควายที่เนินเขาด้านหลังเมืองชิงไห่นะ?”
ซูเซี่ยนได้ยินก็รู้สึกปรารถนายิ่ง แต่ปากกลับพูดว่า “วันนี้ข้าไม่ไปแล้ว ไว้คราวหน้าเถอะ ท่านพาท่านแม่ไป ข้าจะไปดูตาเฒ่าเสียหน่อย”
ไม่ง่ายเลยกว่าบิดามารดาของเขาจะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง เขาไม่อยากเป็นก้างขวางคอพวกเขา
ซูเจ๋อกล่าว “เช่นนั้นก็ดี เรียกท่านแม่เจ้าออกมากินข้าวเช้ากันเถอะ”
บัดนี้ห้องโถงรับประทานอาหารตระเตรียมเรียบร้อยแล้ว นางกำนัลทยอยถอยออกไป ซูเซี่ยนจึงกอดคอท่านพ่อไปพลาง ส่งเสียงเข้าไปในห้องไปพลาง “ท่านแม่ ข้ากับท่านพ่อรอท่านออกมากินข้าวเช้านะ”
ชั่วอึดใจนั้น ด้านในห้องก็ส่งเสียงดังขึ้น
ซูเจ๋อวางอาเซี่ยนลง เดินไปถามหน้าประตู “เป็นอันใดหรือ?”
เฉินเสียนส่งเสียงอุดอู้ผ่านประตู “ไม่มีอะไร พวกท่านไปก่อน ข้าจะออกมาแล้ว”
สิ้นเสียงซูเจ๋อก็ผลักประตูเข้ามาแล้ว
เวลานี้เฉินเสียนเปลี่ยนกระโปรงตัวใหม่เสร็จแล้ว เธอเหมือนจะรีบร้อนเล็กน้อย เสื้อบริเวณคอยังมีหยดน้ำเกาะอยู่ ผมเปียกแนบติดจอนผมกับติ่งหู สภาพเหมือนพึ่งอาบน้ำเสร็จ
เมื่อเห็นซูเจ๋อเข้ามาใบหน้าและติ่งหูก็แดงเหมือนซูเซี่ยนไม่มีผิดเพี้ยน กล่าวด้วยความตื่นเต้น “ข้าบอกแล้วไงว่าจะออกไปแล้ว”
เธอที่นั่งอยู่ที่โต๊ะก่อนหน้านี้ เท้าติดกับเก้าอี้ที่ล้มอยู่หนึ่งตัว ทว่าเมื่อเห็นซูเจ๋อกลับไม่คิดจะไปลูบเท้าตัวเอง แต่เป็นการดึงเสื้อผ้าเพื่อปิดบังกระทั่งคอของตัวเอง
แต่ไม่ว่าเธอจะดึงอย่างไรก็ไม่อาจปิดบังได้หมด ตรงคอขาวละเมียดละไมเผยรอยจูบที่ซูเจ๋อทิ้งไว้เมื่อคืน
ซูเจ๋อเข้าไปอุ้มเธอนั่งที่เก้าอี้ กล่าวว่า “ไปชนที่ไหนล่ะ?”
มือข้างหนึ่งของเฉินเสียนจับเสื้อ อีกข้างหนึ่งนวดเท้าตัวเองเงียบๆใบหน้าร้อนระอุ
ซูเจ๋อจับน่องของเธอแล้วช่วยเธอนวดเบาๆ กล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “ไยถึงสะเพร่าเยี่ยงนี้”
เฉินเสียนเอ่ยในใจ หากไม่ใช่ได้ยินว่าเขามา เธอก็ไม่แตกตื่นเช่นนี้หรอก เฮ้อ ช่างแปลกใจโดยแท้ อายุอานามก็ปูนนี้แล้ว เหตุใดจึงกระวนกระวายเหมือนกวางน้อยอีก?
เฉินเสียนกล่าว “ทำไมท่านมาเร็วขนาดนี้ล่ะ”
ซูเจ๋อมองใบหน้าเธอปราดหนึ่ง จากนั้นก็ละสายตาลงไปหยุดตรงคอเธอชั่วครู่ กะพริบตาที่อบอุ่น กล่าวว่า “เร็วหรือ คงเป็นเพราะบุรุษอาบน้ำสะดวกกว่ากระมัง”
ซูเจ๋ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ดูแล้วอารมณ์ดีและกระปรี้กระเปร่าพอสมควร
เฉินเสียนปล่อยให้เขาช่วยตนนวดน่องตามใจอยาก
ซูเจ๋อกล่าวกะทันหันว่า “ไม่ต้องดึงแล้ว เสื้อใกล้จะถูกท่านดึงจนขาดแล้ว ยิ่งปิด คนอื่นก็ยิ่งมองออกได้ง่ายในแวบแรก”
เฉินเสียนหน้าร้อนทันที “……ก็เป็นฝีมือท่านนั่นแหละ”