จะมาให้พี่สะใภ้ใส่ชุดที่โป๊ขนาดนั้น ถ้าตัวเองใส่เองไม่เป็นไร เรื่องของเธอ แต่เขาจะไม่ยอมให้ต้วนอีเหยาใส่
ต้วนอีเหยาเป็นผู้หญิงของเขา เขาจะยอมให้เธอใส่ออกไปได้ยังไง
เย่จิงเหยียนรู้แล้วว่าเย่ชวูเสวียมาบ้านของพวกเขา มาพาต้วนอีเหยาเสียคน
เย่จิงเหยียนรู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่า เย่ชวูเสวียถูกไล่ออกมาจริงหรือเปล่า หรือไม่ก็เป็นข้ออ้างของเย่ชวูเสวียเพื่ออกมาหาหนานกงเจา
ก็เลยมาพักที่บ้านพวกเขา ตอนนี้ยังมาพาต้วนอีเหยาเสียคนอีก
เย่จิงเหยียนขมวดคิ้วและมองไปที่เย่ชวูเสวีย “แกไปเอากระเป๋าแกออกมา”
เย่ชวูเสวียไม่รู้สึกแปลกอะไร ดังนั้นเธอจึงเดินไปหยิบกระเป๋ามาอย่างเชื่อฟัง
“อะ” เย่ชวูเสวียยื่นกระเป๋าสตางค์ให้เย่จิงเหยียน เย่จิงเหยียนเหลือบมอง งอปากขึ้นและหัวเราะ
ทันใดนั้นก็พูดว่า “หือ? มีคนเคาะประตู ชวูเสวียแกไปดูสิใครมา?”
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เย่จิงเหยียนจะใช้เธอได้ เธอเดินไปเปิดประตูด้วยความไม่เต็มใจ พอเปิดประตูก็ไม่มีใครอยู่ข้างนอก
เย่จิงเหยียนอยู่ข้างหลังเธอ เขาผลักเธอออกไปจากประตูและโยนกระเป๋าตังของเย่ชวูเสวียออกไปด้วย
สะบัดมือ และปิดประตู
“ พี่ชาย พี่ทำอะไรเนี่ย”
“พี่ชาย เปิดประตู ฉันเป็นน้องสาวของพี่นะ…… ”
“ พี่ชาย……พี่อีเหยา ……ช่วยฉันด้วย… … ”
“นี่……จิงเหยียน เปิดประตูมห้เธอดีไหม?” ในที่สุดต้วนอีเหยาก็อดไม่ได้กับคำอ้อนวอนของเย่ชวูเสวีย
“ไม่ได้ มีเงินเยอะขนาดนั้น จะมาอยู่บ้านเราทำไม” เย่จิงเหยียนพูดโดยไม่ตั้งคำถาม
ด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวและท่าทีที่ชัดเจน เขาไม่ให้ต้วนอีเหยาเปิดประตู
“อีเหยา เราไปนอนกันดีไหม?” เย่จิงเหยียนมองไปที่ต้วนอีเหยาด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ได้ ” เพิ่งกินข้าวเสร็จก็ไปนอนเดี๋ยวอ้วน อีกอย่างตัวเองก็ยังไม่ง่วง
“ทำไม?” เย่จิงเหยียนแสร้งทำเป็นว่าได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มองไปที่ต้วนอีเหยา ทำหน้าน่าสงสาร จนต้วนอีเหยาทนไม่ได้
“โอเค ก็ได้ ไปก็ไป” ต้วนอีเหยาดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างหลังจากที่เธอพูด “แล้วชวูเสวียล่ะ?”
เย่ชวูเสวียเพิ่งถูกเขาไล่ออกไปข้างนอก ข้างนอกตอนนี้แดดดร้อนมาก ถ้าเย่ชวูเสวียเป็นอะไรไปล่ะ?
เย่จิงเหยียนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งที่ต้วนอีเหยาพูดถึงเย่ชวูเสวีย หลังจากคิดแล้ว ยัยตัวแสบนี่ไม่ซื่อบื่อหรอก
“ไม่เป็นไร เย่ชวูเสวียไม่ได้ซื่อบื่อ เธอไปหาที่อยู่ได้เอง ไปกันเถอะไปพักผ่อนกัน” เย่จิงเหยียนมองไปที่ต้วนอีเหยาและพูดเบาๆ
“ แต่ว่า……ชวูเสวีย……ไม่เป็นไรจริงๆหรอ?” ต้วนอีเหยายังคงกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับเย่ชวูเสวีย จึงเงยหน้าขึ้นเพื่อถามเย่จิงเหยียนอีกครั้ง
“ไม่เป็นไร” เย่จิงเหยียนขมวดคิ้ว ผู้หญิงของเขาเป็นอะไรไป
เอาแต่เป็นห่วงเย่ชวูเสวีย ไม่คิดถึงเขาเป็นคนแรกเลย
เย่จิงเหยียนรู้สึกไม่พอใจและกอดต้วนอีเหยา จากนั้นอุ้มเธอเข้าไปในห้องนอน
“โอ้ย!”
“ทำอะไรเนี่ย จิงเหยียน” มีเพียงคนสองคน ต้วนอีเหยายังคงเขินอายเล็กน้อย ใบหน้าของเธอเริ่มแดง
“อะไร นอนกลางวันไง” เย่จิงเหยียนกอดต้วนอีเหยาอย่างมีความสุข ในที่สุดก็เอาเย่ชวูเสวียออกจากบ้านได้
ในที่สุดมันก็กละบมาโลกของเราสองคนอีกครั้ง
เย่จิงเหยียนมีความสุขดีมาก
……
หึ พี่ชายไล่น้องสาวตัวเองออกมาแบบนี้ได้ไง……หูยยยย…..
พี่ชายโหดร้ายมาก……โยนผู้หญิงแสนสวยอย่างฉันออกมานอกประตู เงินก็ไม่ให้แม้แต่บาทเดียว…… แถมโทรศัพท์ก็ยังไม่เอาให้อีก…… ฉันจะติดต่อหนานกงเจาได้ยังไง……
เห้ย……? ใช่สิ ตอนที่พี่ผลักฉันออกมาเหมือนจะโยนอะไรออกมาด้วยนิ?
สิ่งที่เย่จิงเหยียนโยนออกมาดูเหมือนจะเป็นกระเป๋าสตางค์ของเธอเอง
เย่ชวูเสวียก้าวเดินไปทีละก้าวอย่างระมัดระวังดูว่ามีอะไรอยู่ในหญ้าข้างๆเธอหรือเปล่า
“หาเจอแล้ว” เย่ชวูเสวียเจอกระเป๋าตังของเธออยู่ที่พื้นหญ้าข้างๆ
“พี่ชายก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย ยังรู้จักโยนกระเป๋าตังออกมาให้ด้วย แต่……แต่ว่า……โทรศัพท์ของฉันล่ะ……”
เย่ชวูเสวียรู้ว่าเธอกลับไปไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงเดินออกไปที่ถนนด้วยตัวเองและขึ้นรถแท็กซี่
“คนขับรถ ไปที่ห้างสรรพสินค้า” เย่ชวูเสวียมองไปที่รองเท้าแตะที่เท้าของเขาและเสื้อผ้าบนร่างกายของเธอและพูดอย่างไม่ลังเล
นายแท็กซี่เหลือบมองเย่ชวูเสวียอีกสองครั้งในกระจกหลัง ผู้หญิงคนนี้สวมชุดแปลกจริงๆ หรือว่าลืมกุญแจไว้ในบ้าน?
อืม สถานการณ์นี้มีสิทธิ์เกิดขึ้นได้
คนขับคิดคนเดียวในใจหลายครั้งว่าทำไมเย่ชวูเสวียถึงออกมาจากบ้านแล้วสวมรองเท้าแตะกับชุดนอน
……
“จิงเหยียน ชวูเสวียคงยังไม่ได้ยืนอยู่นอกประตูคนเดียวแน่นะ?” ต้วนอีเหยายังคงรู้สึกกังวลเย่ชวูเสวียเล็กน้อย
เย่จิงเหยียนรู้สึกไม่พอใจ ขมวดคิ้ว “ไม่เป็นไร ไม่ต้องสนใจเธอ” เย่จิงเหยียนหลับตาและพูดเบาๆ
ต้วนอีเหยาครุ่นคิดสักพักก็ยังรู้สึกไม่สบายใจและอยากจะลุกขึ้นไปดูว่าเย่ชวูเสวียยังอยู่ที่ประตูหรือเปล่า
“เธอทำอะไรหนะ?” เย่จิงเหยียนที่หลับตาอยู่ลืมตาขึ้นเพราะการเคลื่อนไหวของต้วนอีเหยา
“ชวูเสวียไมได้เอาเงินกับโทรศัพท์ไปด้วย แล้วเธอจะไปไหนได้?” ต้วนอีเหยาพูดอย่างกังวล
เย่จิงเหยียนหัวเราะออกมาดังๆ เมื่อเขาได้ยินคำพูดของต้วนอีเหยา
ต้วนอีเหยาไม่รู้ว่าเย่จิงเหยียนกำลังหัวเราะอะไร ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงมองไปที่เย่จิงเหยียนอย่างไร้เดียงสาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
ยัยซื่อบื่อ “ฉันเอาโทรศัพท์ใส่ไว้ในกระเป๋า โยนออกไปพร้อมกันแล้ว”
เย่จิงเหยียนยิ้มและมองไปที่ต้วนอีเหยาที่กำลังตกตะลึง ยื่นมือออกมาและจิ้มจมูกของต้วนอีเหยา
“เธอโยนกระเป๋ากับโทรศัพท์ออกไปด้วยหรอ?” ต้วนอีเหยายังคงสับสนเล็กน้อย
“ใช่ เธอเป็นน้องสาวของฉันนะ” เย่จิงเหยียนพูดอย่างขำๆ
ต่อให้เย่ชวูเสวียจะทำอะไร เธอก็ยังเป็นน้องสาวแท้ๆของเย่จิงเหยียน ต่อให้เย่จิงเหยียนจะทำอะไร เขาก็ยังเอ็นดูเธอ
“เอาล่ะ มานอนได้แล้ว” เย่จิงเหยียนจูบหน้าผากของต้วนอีเหยา นอนซุกอกของเธอและพูดเบาๆ
“อืม โอเค” ต้วนอีเหยามองไปที่ใบหน้าด้านข้างที่เงียบสงบของเย่จิงเหยียนด้วยหัวใจที่อบอุ่น
แต่ในบางครั้งเธอก็ยังคงคิดถึงเด็กในครรภ์
เด็กที่แท้งไปเพราะอุบัติเหตุ
สองวันก่อนเพิ่งไปตรวจที่โรงพยาบาล เขาบอกอีกสองสามวันก็จะรู้ผล เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้เธอทุกข์ใจ
เย่จิงเหยียนสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในต้วนอีเหยา ลืมตาขึ้นและมองไปที่ต้วนอีเหยา ถามเธอเบาๆ ” อีเหยา เป็นอะไรไป? นอนไม่หลับหรอ?”
เย่จิงเหยียนเห็นว่าเป็นเวลาบ่าย อยากให้ต้วนอีเหยานอนพักผ่อน แต่ดูแล้วต้วนอีเหยาน่าจะไม่ง่วงจริงๆ
“เปล่า จิงเหยียน เรามาพักผ่อนด้วยกันเถอะ” หลังจากพูดเสร็จ ต้วนอีเหยาก็หลับตาลง
เย่จิงเหยียนเหล่ตามองรู้ว่าต้วนอีเหยาน่าจะคิดถึงเด็กอีกครั้งและรู้สึกเศร้า
“อืม” เย่จิงเหยียนมองไปที่ต้วนอีเหยาที่หลับตาและพูดเบาๆ จากนั้นเขาก็หลับตาลงเช่นกัน
……
เซี่ยอันนากลับไปโรงเรียน เธอยังคงไปโรงเรียนและเลิกเรียน ไม่ไปสายแต่ก็ไม่ได้ไปก่อนเวลา
ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมเป๊ะ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
เซี่ยอันนาเห็นว่าไม่มีวิชาเรียนแล้ว ส่วนใหญ่เป็นบทวิจารณ์ ทุกวันก็ถือแต่เอกสารหลายปึกไปที่ห้องสมุด
เซี่ยอันนาไม่ได้ติดต่อเสี่ยวอวี้หลิน และเสี่ยวอวี้หลินก็ไม่เคยมาที่โรงเรียนเพื่อหาเซี่ยอันนา แม้แต่…..โทรศัพท์สักสายก็ไม่เคยโทรมา
เสี่ยวอวี้หลินไม่ได้ติดต่อเซี่ยอันนาเป็นเวบาเกือบสัปดาห์แล้ว เซี่ยอันนาเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเธอรู้สึกยังไง หัวใจของเธอรู้สึกอึดอัดและเธอไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะความเจ็บปวดอะไร
แต่ว่า…… ตัวเองก็ไม่อยากให้เสี่ยวอวี้หลินมาอยู่แล้วไม่ใช่หรอ? ตัวเองก็ตัดสินใจจะไม่ติดต่อไปเองไม่ใช่หรอ?
แบบนี้ก็ดี……ไม่มีใครติดต่อใคร……
ทั้งหมดเป็นเพราะตัวเองคิดไปเอง
ในห้องบรรยาย ข้างหน้าต่าง เซี่ยอันนาสวมชุดสีขาว วันนี้ผมยาวของเธอกระจัดกระจายไม่เรียบร้อย
เมื่อเสี่ยวอวี้หลินเดินเข้าห้องก็เห็นเธอสภาพนี้ เซี่ยอันนากำลังมองลงไปดูอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นก็หัวเราะเบาๆ จากนั้นก็หันไปมองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง
เมื่อสายลมพัดมาจากหน้าต่าง ผมของเซี่ยอันนาที่กระจัดกระจายบนไหล่ของเธอก็ปลิวขึ้น เซี่ยอันนายกมือขึ้นและตรึงผมที่กระจัดกระจายไว้ข้างหลังหูของเธอ
มันเป็นภาพที่ทำให้หัวใจของเสี่ยวอวี้หลินเต้นผิดจังหวะ ราวกับว่าหัวใจที่เหี่ยวเฉามาทั้งสัปดาห์รู้สึกสดชื่นอีกครั้ง
“เซี่ยอันนา!”
เซี่ยอันนาได้ยินคนเรียกชื่อเธอ เมื่อเธอหันกลับไปมา ก็เห็นเสี่ยวอวี้หลินยืนพิงกำแพง เธอยิ้มและขมวดคิ้ว แสงแดดส่องกระทบเสี่ยวอวี้หลินผ่านกระจกราวกับเทพบุตร รอยยิ้มเธอก็ราวกับเป็นรอยยิ้มของนางฟ้า
“เธอมาที่นี่ได้ยังไง?” เซี่ยอันนารู้สึกพูดไม่ออกเมื่อเห็นเสี่ยวอวี้หลิน แต่รู้สึกมีความสุขลึกๆในใจ
ในเวลาเดียวกัน เสี่ยวอวี้หลินไม่มีท่าทางเคร่งขรึมแม้แต่น้อย มีแต่ความอบอุ่นผ่านแสงแดดที่ส่องเข้ามา
ใบหน้าของเสี่ยวอวี้หลินเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาค่อยๆเดินไปหาเซี่ยอันนาจากประตู “ทำไม? ก็มาหาเธอไง เพราะว่า…..”
เสี่ยวอวี้หลินหยุดเดิน จ้องมองไปที่เซี่ยอันนาและพูดว่า “เพราะว่า ความสัมพันธ์ของเราสองคนไม่ใช่ความสัมพันธ์ทั่วไป แวะมาหาเธอก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอ?”
ใช่ เสี่ยวอวี้หลินเป็นเทพบุตร ดูเหมือนว่าเธอจะคิดมากเกินไป……
เป็นเพราะตัวเองคิดมากไปเองจริงๆ……เขาจะมาหาตัวเองเพราะคิดถึงได้ยังไง?
ฮ่าฮ่า เซี่ยอันนาหัวเราะตัวเองในใจ
“อะไร? เห็นเทพบุตรมาหาไม่ดีใจหรอ?” เสี่ยวอวี้หลินขมวดคิ้วและคิ้วที่สวยงามเริ่มบิดเบี้ยวเล็กน้อยเนื่องจากการขมวดคิ้ว
ทำไมสีหน้าของเซี่ยอันนาถึงเปลี่ยนไปกะทันหัน? เมื่อกี้ยังมีความสุขอยู่เลย
เป็นเพราะเธอเกลียดตัวเองหรือเปล่า? เป็นเพราะตัวเองมาที่นี่หรือเปล่า?
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เสี่ยวอวี้หลินรู้สึกหดหู่เล็กน้อยในใจด้วยเหตุผลบางอย่าง
แต่เสี่ยวอวี้หลินส่ายหัวของเขาและคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง ทำไมตัวเองต้องคิดถึงเรื่องพวกนี้? ตัวเองมีความสุขก็พอแล้ว จะไปสนเธอทำไมว่ามีความสุขหรือไม่
“เธอมาทำไม? ครั้งก่อนก็ชดใช้ให้เธอแล้วไม่ใช่หรอ?” เซี่ยอันนาขมวดคิ้วและมองไปที่เสี่ยวอวี้หลินด้วยความสงสัย
เสี่ยวอวี้หลินยิ้มเยาะ “ใช่ ครั้งก่อนเธอชดใช้ให้แล้ว แต่ว่า…… ”
เดินไปหาเซี่ยอันนา โน้มตัวเข้ามาใกล้ๆหูเซี่ยอันนาและกระซิบ “แต่…… เรื่องคืนนั้น…..เธอยังไม่ชดใช้ให้ตัวเองเลย”
เสี่ยวอวี้หลินรู้สึกว่าเซี่ยอันนาเป็นความสุขของเขา ไม่รู้ว่าทำไมชอบแกล้งเธอ ชอบเห็นเธอโกรธ มันน่ารักดี
เสี่ยวอวี้หลินก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา เมื่อก่อนไม่เคยมีความรู้สึกนี้เลย
ไม่รู้ว่าตัวเองเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่…..ดูเหมือนว่าจะเป็นหลังจากที่ฉันได้พบกับเซี่ยอันนา
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มุมปากของเสี่ยวอวี้หลินก็ยกขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ เซี่ยอันนาจ้องที่เสี่ยวอวี้หลินและพูดว่า ” วันนั้นเป็นแค่อุบัติเหตุ……อีกอย่างเป็นฉันเองที่เสียเปรียบโอเคไหม?”
เฮ้อ ยัยตัวแสบคนนี้ก็ไม่ได้ซื่อบื่อนิ รู้ด้วยว่าตัวเองเสียเปรียบ
เมื่อพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น เสี่ยวอวี้หลินรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย หลังจากส่งเซี่ยอันนาแล้ว ตอนแรกเขาว่าจะไปร้านเหล้ากับเพื่อน
แต่ไม่รู้ว่าทำไม เขาขับรถไปที่บ้านด้วยท่าทางเหมือนผี เข้าไปในห้องเก็บไวน์แล้วยืนงงๆ และคิดถึงวันที่เขาเข้ามาในห้องไวน์กับเซี่ยอันนา ยิ่งคิดยิ่งมีความสุข แถมไม่รู้ว่าตัวเองเผลอยิ้มออกมา
หลังจากยืนอยู่เป็นเวลานาน เขาก็ไปนอนห้องนั้น ยืนอยู่สักพักก็นึกถึงตอนที่อยู่กับเซี่ยอันนา
กลับไปนอนบนเตียงโดยมีผ้าปูที่นอนที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เสี่ยวอวี้หลินเป็นคนสะอาด แต่ในวันนั้นเขาก็นอนลงอย่างสบายๆไม่ได้อาบน้ำ
ผ้าปูที่นอนที่ไม่ได้สังเกต ปรากฏว่ามีรอยแดงอยู่ตรงกลางที่นอน
ช่วงเวลาที่เห็นเสี่ยวอวี้หลินมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ ดีใจ ตื่นเต้น ประหลาดใจ อึ้ง?
ความรู้สึกที่หลากหลายท่วมสมองของเสี่ยวอวี้หลินทันที
“ ฉันไม่สนหรอก คืนนั้นคุณหนูเซี่ยขย่มฉัน เธอเอาเปรียบฉันและกินเต้าหู้ของฉัน”
“ทำไม? รู้สึกเสียใจทีหลังหรอ?” เสี่ยวอวี้หลินเดินเข้ามาทีละนิด “คุณหนูเซี่ย…..อย่าบอกนะว่าจะอ้างว่าเมา?”