วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – บทที่ 463 เบื้องหลัง

บทที่ 463 เบื้องหลัง

เซี่ยอันน่าทำได้แค่ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย และคิดว่าจะรับมืออย่างไรดี

ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น

ปกติแล้วเวลาถ่ายทำ เธอจะไม่รับโทรศัพท์

แต่ครั้งนี้ที่เห็นชื่อคนที่โทรเข้ามาแล้ว ทำให้เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

และสุดท้ายเธอก็กดรับสาย

“ฮัลโหลมีเรื่องอะไร?”

เซี่ยอันน่าถามอย่างไม่สบอารมณ์ จนทำให้เสี่ยวอวี้หลินตกใจ “เช้าขนาดนี้ เธอไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรือไง?”

เซี่ยอันน่าตอบกลับว่า “ฉันจะตะโกนยังไงมันก็เรื่องของฉัน”

“ทำไมอารมณ์เสียขนาดนี้? มีคนแกล้งเธอหรือ?”

โดนน่ะซิ โดนเยอะด้วย ไม่งั้นเธอคงไม่ยืมชื่อเขามาขู่คนอื่นหรอก

เซี่ยอันน่าคิดแผนออก จึงพูดกับเขาว่า

“ครั้งก่อนนายบอกจะมาดูฉันที่กองถ่าย เมื่อไหร่จะมา?”

“กองถ่าย? เธอถ่ายละครหรือ?”

“ใช่ไง ได้ร่วมงานกับคนมีชื่อเสียงอีกตั้งหลายคน และทุกคนดีกับฉันมากๆ ตอนนายมาอย่าลืมซื้ออะไรติดไม้ติดมือมาด้วยล่ะ”

“เซี่ยอันน่า เธอกำลังแสดงละครอยู่หรือไง?”

เซี่ยอันน่าไม่สนใจที่เสี่ยวอวี้หลินพูด ยังคงแกล้งเล่นละครของตัวเองต่อ

“ไม่ขนมก็น้ำหอม นายเลือกมาสักอย่างแล้วกัน ที่เหลือไม่ต้องให้ฉันบอกนะ โอเค แค่นี้นะ บาย”

“โหล นี่เธอ…”

และเซี่ยอันน่าก็กดวางสายไป

ตอนที่เซี่ยอันน่ากำลังดทรศัพท์อยู่นั้น นางเอกสาวก็ได้แอบฟัง

เมื่อเห็นเซี่ยอันน่าวางสาย จึงเดินเข้าไปถามว่า “เมื่อกี้ใครโทรมาหรือ?”

“ยังจะมีใครได้อีก นอกจากเสี่ยวอวี้หลิน เขาน่ะเหมือนเด็กเลย รับสายช้าก็งอน”

“อ่อ ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาก็ไม่เลวนี่” นางเอกสาวเหน็บ และพูดต่อว่า “ฟังจากที่เธอพูดแล้ว อีกสักพักเสี่ยวอวี้หลินจะมา?”

เซี่ยอันน่าตอบกลับ “น่าจะมั้ง ถ้าไม่มีธุระอะไรยุ่งคงจะแวะมาไ

แต่จริงๆแล้ว เซี่ยอันน่าไม่ได้อยากให้เสวี่ยวอวี้หลินมา เธอแค่เพียงอ้างชื่อของเขา เพื่อให้นางเอกสาวเกรงกลัวเพียงเท่านั้น

แต่นางเอกสาวไม่รู้ คิดว่าเสี่ยวอวี้หลินจะมาจริงๆ เธอจัดทรงผมแต่งหน้าแต่งตารอเขา

แต่คิดไปคิดมา นี่เธอเพิ่งตบแฟนของเขาไป เขาจะมาหาเรื่องอะไรเธอไหม?

ไม่ได้การณ์ละ ต้องเอาใจยัยนี่สะหน่อยย ไม่ให้หลุดพูดอะไรพล่อยๆออกไป

ต่อมา เมื่อเวลาที่เซี่ยอันน่ามีเวลาว่าง นางเอกสาวมักจะเข้ามาทำท่าทีตีสนิท ชวนคุยเรื่องการแสดงต่างๆนาๆ

นางเอกสาวรอเแล้วรอเล่า ก็ไม่เห็นแม้เงาของเสี่ยวอวี้หลิน สุดท้าย เธอก็ฝืนยิ้มต่อไปไม่ไหว

“อันน่า”

เสียงของนางเอกสาวทำให้เซี่ยอันน่ารู้สึกปวดหัว

แต่ก็มีอีกเสียงหนึ่งอยู่ข้างหลัง เซี่ยอันน่าค่อยๆหันหลังกลับไปมอง

ก็เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเสี่ยวอวี้หลิน เขามาจริงๆ

ตานี่ว่างมากหรือไง? ไม่มีธุระอะไรให้ทำบ้างหรือ?

เสี่ยวอวี้หลินมองเห็นสายไม่สบอารมณ์ของเซี่ยอันน่า เขาก็อึ้งไปชั่วขณะ

ยัยบ๊องนี่ เป็นอะไรทำไมมองแบบนั้น

และเมื่อนางเอกสาวเห็นเสี่ยวอวี้หลิน เธอก็ละทิ้งทุกอย่าง และเดินเข้ามาแนะนำตัว แต่ในสายตาของเสี่ยวอวี้หลินไม่ว่างพอให้สังเกตเห็นเธอ เพราะสายตาองเขามองแต่เพียงเซี่ยอันน่าเท่านั้น

“ไฮ คุณชายเสี่ยว คุณยังจำฉันได้ไหม พวกเราเคย…..”

ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ เสี่ยวอวี้หลินก็เดินหนีไปทางเซี่ยอันน่า ทำเอาเธอช็อคคอยู่กับที่ ทำอะไรไม่ถูก

ผู้คนรอบๆที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็พากันขำเธอ ยิ่งทำให้เธอโกรธมากกว่าเดิม

จริงๆเลยนะ ตาถั่วที่สุด สาวสวยยืนอยู่ตรงนี้กลับไม่มอง แต่กลับเอาแต่จ้องหน้ายัยนั่นอยู่ได้

ตอนแรกเซี่ยอันน่าแค่จะใช้ชื่อของเสี่ยวอวี้หลินมาขู่นางเอกสาว ตอนนี้เธอโดนเสี่ยวอวี้หลินเมินใส่จนขายขี้หน้าแบบนี้

เธอคงเกลียดเซี่ยอันน่ามากกว่าเดิมแน่ๆ เห้อ…

เซี่ยอันน่าถอนหายใจ

“เป็นอะไร? ไม่สบายหรือ? ลาไปหาหมอไหม?”

“ไม่ ไม่ต้อง”

“แต่เห็นสีหน้าเธอแล้ว ไม่คค่อยดีเท่าไหร่”

“เพราะฉันเห็นนายไง เลยตื่นเต้น” เซี่ยอันน่ากัดฟันพูด “ฉันแค่พูดลอยๆไม่คิดว่านายจะมาจริง”

“เธอพูดแล้ว ฉันจะไม่มาได้ไง”

เสี่ยวอวี้หลินยิ้มแฉ่ง

ดูเผินๆเหมือนความสัมพันธ์ขงพวกเขาดีมาก

“นี่ของที่เธอต้องการ” เสี่ยวอวี้หลินกล่าวต่อ “เธอเอาให้ทุกคนเองแล้วกันนะ”

เซี่ยอันน่าถลึงตาเล็กน้อย ก่อนจะมองไปทางของ

เอ่อ..นี่เป็นของฝากติดไม้ติดมือจริงๆหรือเนี่ย? ทุกๆอันน่าจะราคาไม่ต่ำกว่าสี่ห้าพัน

เซี่ยอันน่าพูดตะกุกตะกัก “นายนี่รวยจริง…”

“เธอขอมา ฉันจะกล้าขัดได้อย่างไร”

จากนั้นเซี่ยอันน่าก็ค่อยๆนำของฝากแจกทุกๆคน

เมื่อนางเอกสาวได้รับ ก็แทบอยากจะโยนลงพื้น

ยัยนี่มันมีดีอะไร ถึงได้รับความรักจากเสี่ยวอวี้หลิน สวยก็ไม่สวย รูปร่างก็ไม่ได้ดีเท่าเธอ ชื่อเสียงอะไรก็ไม่มีเท่า และคงต้องรับบทแบบนี้ไปตลอดชาติ

จากนั้นเธอก็เดินฮึดฮัดออกไป

ทางเสี่ยวอวี้หลิน ก็เอาแต่ตามติดเซี่ยอันน่าแจ ไม่ยอมห่าง เซี่ยอันน่าได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า นี่คือสิ่งที่เธอเลือกเอง

จนสุดท้ายเสี่ยวอวี้หลินก็กลับ

หลังจากที่เสี่ยวอวี้หลินกลับ ทุกๆคนก็ปฏิบัติกับเซี่ยอันน่าดีขึ้น จากหลังมือเป็นหน้ามือเลยทีเดียว แม้กระทั่งช่างแต่งหน้า ยังจะหาห้องส่วนตัวไว้ให้เธอ

แต่เซี่ยอันน่ารับไว้ไม่ได้

ได้แต่ยิ้ม จนเมื่อยปาก

จากนั้นเซี่ยอันน่าก็สังเกตเห็นว่า นางเอกสาวไม่ได้อยู่นี่

ฮู้ว ดีจัง คงจะช้ำใจมากซินะ

คืนนั้น…

เมื่อถ่ายเสร็จ เซี่ยอันน่ากลับห้อง และเตรียมจะพักผ่อน

เมื่ออาบน้ำเสร็จ เธอก็มานั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง

ติ้งๆๆๆ

โทรศัพท์ดังขึ้น เซี่ยอันน่าเห็นชื่อเสี่ยวอวี้หลินที่โทรเข้ามา แล้วรู้สึกปวดหัว

เธออยากจะโยนโทรศัพท์ลงในน้ำ จะได้ไม่ดังอีก

แต่เธอก็ทำได้แค่คิด เพราะถ้าเธอไม่รับสาย ตาคุณชายนี่ต้องบึ่งรถมาที่กองแน่

เซี่ยอันน่าถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะรับสาย “ฮัลโหล?”

“อันน่า เธอนอนหรือยัง?”

เซี่ยอันน่าตอบกลับบ “ใช่ซิ”

“โอ้ว เสียดายจัง ฉันว่าจะเลี้ยงมื้อดึกเธอซะหน่อย”

“เสี่ยวอวี้หลิน นายว่างขนาดนั้นนเลยหรือ? ไม่มีเรื่องอะไรให้ทำเลยหรือ?”

“อ่อ ตอนนี้ไม่ชอบที่ฉันว่างแล้วซินะ แต่ก่อนตอนฉันร่วมมือกับเธอ ทำไมถึงไม่คิดไม่ชอบบ้าง?”

เซี่ยอันน่าตอบกลับว่า “ฉันจำได้ ว่าครั้งก่อน ไม่รู้ใครพูดว่าฉันหน้าไม่อาย แล้วทำไมตอนนี้นายมาคุยกับคนหน้าไม่อายล่ะ?”

เสี่ยวอวี้หลินเกาหัวเก้อๆ ขำอ่อนและตอบกลับว่า “ครั้งก่อนเป็นเธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?”

“ฉันคิดว่าไม่น่าจะเข้าใจผิด ฉันจำได้แม่น”

“งั้นเธอน่าจะเข้าใจความหมายฉันผิดแล้วล่ะ ฉันพูดไปตั้งเยอะ ทำไมจำได้แค่คำนั้น”

ทั้งสองทะเลาะเถียงกันไปมาเหมือนเด็ก

“เอาล่ะ เข้าใจผิดไหมอันนี้ก็ยังไม่แน่นอน แต่ตอนนี้ฉันจะนอนแล้ว ฝันดี”

เซี่ยอันน่ากดวางสาย และถอนหายใจยาวๆออกมา

แต่ไม่ทันไร โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก

เซี่ยอันน่ารับโทรศัพท์อย่างหัวเสีย และตวาดลั่นว่า “มีเรื่องอะไรอีก นายจะไม่ให้ฉันนอนใช่ไหม?”

“อะไร ฉันรบกวนเธอหรือ? ขอโทษแล้วกัน”

เมื่อได้ยินเสียงปลายสาย เซี่ยอันน่าก็ช็อคเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้ว่าคือคุณ”

คนที่โทรมาคือนางเอกสาวคนนั้น

“ไม่เป็นไร แต่เสียดายเธอจะนอนแล้ว ฉันว่าจะโทรมาชวนเธอมาคุยเรื่องบทซะหน่อย ฉันแนะนำกับปู้ช่วยผู้กำกับไปว่าอยากให้เพิ่มบทเธอ”

เมื่อเซี่ยอันน่าได้ยินดังนั้น เธอจะหลับลงได้ไง “จริงๆแล้วฉันก็ไม่ได้ง่วงมาก ให้ไปตอนนี้เลยไหมคะ?”

“ใช่ มาหาฉันที่ห้องนะ”

“ค่ะ ได้”

หลังจากวางสาย นางเอกสาวก็ยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย จากนั้นหันไปพูดกับชายอ้วนคนหนึ่งว่า

“วันนี้ฉันมีของเล่นสดใหม่มาให้”

ชายอ้วนยิ้มอย่างหื่นกระหาย “สดใหม่มากแค่ไหน?”

“เห็นแล้วเดี๋ยวก็รู้เอง”

ไม่นานเซี่ยอันน่าก็มาถึงหน้าห้องเธอ เซี่ยอันน่าเคาะประตูเล็กน้อย

จากนั้นนางเอกสาวก็พาเธอเดินเข้าห้องไป

“ฉันไม่ได้มาดึกไปใช่ไหมคะ?”

“ไม่หรอก โอเคอยู่” จากนั้นเธอก็เดินไปหยิบบทให้เซี่ยอันน่า “อะนี่ ที่ขีดเส้นสีเขียวคือบทเธอ เธอท่องไว้แล้วกัน อีกสักพักเราค่อยมาลองเข้าบทกัน”

“โอเคค่ะ”

เซี่ยอันน่าท่องบทอย่างตั้งอกตั้งใจ จากนั้นนนางเอกสาวก็ยื่นน้ำขวดหนึ่งให้เธอ

“ดื่มน้ำก่อน จะได้พูดคล่องๆ ฉากนี้ต้องใช้อารมณ์มาก”

“ค่ะ”

เซี่ยอันน่าไม่ได้คิดอะไร รับน้ำมาดื่ม

เมื่อนางเอกสาวเห็นเธอดื่มน้ำแล้ว ก็ยิ้มอย่างพอใจ

เซี่ยอันน่ายังคงตั้งใจอ่านต่อ จนไม่ทันสังเกตว่านางเอกสาวหายไปแล้ว

หรือวันนี้จะเหนื่อยๆ ดูแค่แปปเดียวก็รู้สึกง่วง

เห้อ มองไม่เป็นตัวอักษรเลย พักซักแปปแล้วกัน?

เซี่ยอันน่าฝืนตต่อไม่ไหว จึงหลับตาลงนอนบนโซฟา

เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอขของเซี่ยอันน่า นางเอกสาวก็เดินเข้ามา

และข้างกายเธอยังพาชายอ้วนเข้ามาอีกด้วบ

เธอเดินมาด้านหน้าเซี่ยอันน่า และยิ้มอย่างพอใจ “เป็นไง ชอบไหม?”

“ถึงจะผอมไปหน่อย แต่ก็สวยเอาเรื่อง ดูก็รู้ว่าละมุน”

“อย่าเอาแต่มองซิ จะละมุนไม่ละมุนก็ต้องลองด้วยตัวเองงแล้วล่ะ”

ได้ยินแบบนั้น ชายอ้วนจึงรีบถอดเสื้อคลุมออก หวังจะคร่อมร่างเซี่ยอันน่า

แต่เมื่อชายอ้วนสัมผัสโดนนิ้วของเซี่ยอันน่า ทันใดนั้นก็มีคนทุบหน้าต่างแตกออกจากข้างนอก

“พวกคุณคือ…”

ยังไม่ทันที่นางเอกสาวจะพูดจบ ก็มีมีดมาจ่อที่เธอ จนทำเธอขาอ่อนและเป็นลมฟุบลงกับพื้น

ด้านชายอ้วน ยังไม่ทันที่เขาจะลงมือทำอะไร เขาก็เป็นลมล้มลงพื้นไปเสียก่อน

แต่ถึงเขาจะเป็นลม ก็ยังโดนเขาอัดอยู่ดี

“พอแล้วๆ”

ถ้าไม่ดึงเสี่ยวอวี้หลินออก ชายอ้วนคนนั้นต้องตายแน่ๆ

ถึงแม้ชีวิตของมันจะไม่มีค่า แต่ก็ยังพอมีประโยชน์บ้าง จะให้ตายตอนนี้ไม่ได้

หนานกงเจา ดึงเข้าออกและรีบเดินไปเปิดประตู

เย่ชวูเสวียค่อยๆเดินเข้ามา มองพวกเขาและพูดว่า

“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง”

เสี่ยวอวี้หลินหม่อยากจะคิดเลย ว่าถ้าเขามาช้ากว่านี้อีกนิด เซี่ยอันน่าจะเป็นอย่างไร

ตอนนี้ของที่แตกกระจายไป ยังไม่สาแก่ใจเขา!

เย่ชวูเสวียที่เห็นสายตาอาฆาตของเสี่ยวอวี้หลิน ก็รีบไปรั้งไว้ และพูดว่า “อย่าเพิ่งเก็บพวกมันเลย”

“ไม่งั้นจะให้เก็บพวกมันไว้แล้วถ่ายรูปหรือ?”

“พวกเรายังจับหัวหน้าใหญ่ของมันยังไม่ได้เลย?”

ก็จริง แต่เสี่ยวอวี้หลินก็ไม่อยากจะยั้งมือ

“เธอคงไม่ได้คิดแค่จะถ่ายรูปหรอก?”

เย่ชวูเสวียยิ้มอย่างผ่อนคลาย “ถูกต้อง นับวันนายยิ่งเข้าใจฉันแล้วซินะ”

เมื่อเสี่ยวอวี้หลินเห็นท่าทีไม่ทุกข์ร้อนของเย่ชวูเสวีย ยิ่งทำให้เขาโกรธ

“เย่ชวูเสวีย เธอบ้าไปแล้วหรือ!?”

“โอ้ยนายจะตะโกนทำไม ฉันไม่ได้ถ่ายรูปอันน่า”

เสี่ยวอวี้หลินงง “หมายความว่าอย่างไร?”

“พวกมันอยากได้รูปไม่ใช่หรือ เราก็ถ่ายไง แต่แค่ไม่ใช่รูปอันน่า”

เยวูเสวียยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นดูน่ากลัวเหลือเกิน…..

……..

นางเอกสาวใส่แว่นตาอันใหญ่ และนั่งหลบมุมอยู่ในรัานกาแฟ สีหน้าดูย่ำแย่มาก

เรื่องเมื่อวานนี้เธอยังรู้สึกงงๆ คนพวกนั้นบุกเข้ามาทำเธอเป็นลม แล้วก็หนีไป

ที่บาดเจ็บก็คงจะมีแต่ไอ้อ้วนนั่น

พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ไอ้บ้านั่นก็ไม่กล้ามาทำอะไรอีก พอตื่นก็หนีไป

และพอเซี่ยอันน่าตื่นขึ้น เธอก็รีบไล่เซี่ยอันน่าออกไป และโกหกว่าเมื่อวานเธอดูบทจนดึก และนอนหลับในห้องของเธอ

ทุกๆอย่างดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ในใจของนางเอกสาวยังคงรู้สึกว้าวุ่นไม่สงบ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

Status: Ongoing

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท