หัตถ์เทวะธิดาพญายม – ตอนที่ 263 คิดมิซื่อ

ตอนที่ 263 คิดมิซื่อ

ตอนที่ 263 คิดมิซื่อ

เกอซีค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นด้วยอาการสลึมสลือเมื่อรับรู้ถึงกรุ่นอายลมหายใจที่ได้ผ่านข้างแก้มหยอกเย้าเรือนผม

ครั้นเมื่อขยับแขนยืดขา กลับรู้สึกคล้ายทั่วร่างถูกยึดตรึงด้วยบางสิ่ง เจ้าสิ่งนั้นคล้ายจะรู้ว่านางกําลังพยายามดิ้นรนขัดขืนมันบีบกระชับแน่นยิ่งขึ้น

หญิงสาวช้อนดวงหน้าขึ้นจึงเห็นใบหน้าอันหล่อเหลา หากทว่ากลับซีดขาวเย็บบเย็นของหนานกงยวี่

เกอซีตื่นตระหนกตกใจออกแรงดิ้นหนีอย่างสุดกําลัง ทว่าอุ้งมือของหนานกงยวี่ยังคงติดหนึบไม่คลายออกทั้งวงแขนนั้นกลับโอบกระชับรัดแน่นทั่วร่างของนาง

“หนานกงยวี่ ปล่อย !”

“ฝันไปเถิด !” เขาตอบกลับอย่างเย็นชา “ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าตลอดชั่วชีวิตนี้ เจ้าจะเป็นพระชายาเพียงองค์เดียวของข้า เจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นผู้หญิงของข้า ! หาก เจ้ากล้าให้ความสนิทสนมกับบุรุษอื่น ข้าจะสังหารบุรุษทุกคนที่กล้ามาป้วนเปี้ยนรอบกายเจ้า”

ยิ่งฟังก็ยิ่งขัดหู หญิงสาวกัดฟันโต้คํากลับ “ผู้ใดกันแน่ ผู้หญิงของเจ้า ? มิใช่น้องหญิงเหลียนอิ่งหวานใจของเจ้ากระนั้นรึ ! หากชอบเก็บกักคนไว้กับตัวก็รู้จักกลับไปเก็บน้องหญิงของเจ้าโน่น อย่าปล่อยให้เที่ยวมาเพ่นพ่านรบกวนผู้อื่นเช่นนี้!”

เขาก้มลงจ้องหน้านางด้วยสีหน้าแข็งค้าง คล้ายอยู่ในอาการสับสนขณะกล่าววาจาด้วยน้ําเสียงจนปัญญา “ข้าเคยบอกเจ้าว่าเพิ่งเหลียนยิ่งคือผู้หญิงของข้ากระนั้นหรือ ? ตลอดช่วงชีวิตนี้ข้าไม่เคยแม้กระทั่งสัมผัสมือหญิงใด ! สตรีเพียงผู้เดียวที่ข้าล่วงเกินพัวพันอยากจับต้องล่วงล้ำมีเพียงเจ้าผู้เดียวเท่านั้น…ซีเอ๋อ…”

“ผู้ใดจะไปเชื่อ !” ฉับพลันขุมพลังที่เกอซีรวบรวมเข้าก็พวยพุ่ง นางดิ้นหนีออกมาจากอ้อมแขนของหนานกงยวี่สําเร็จ

ทว่าเพียงฝ่าเท้าแตะพื้น หญิงสาวกลับต้องประหลาดใจ ไยนางจึงหลุดจากอ้อมแขนเขาง่ายดายเพียงนี้ ?

ขณะยังคงงุนงง เมื่อเกอซีหันสํารวจไปรอบกายกลับต้องประหลาดใจหนักกว่าเกาเมื่อพบว่า ยามนี้นางกําลังอยู่ในหุบเขาซึ่งโอบล้อมไปด้วยหน้าผาแกร่งที่สูงชันจนเสียดก้อนเมฆ

“นี่คือที่ใดกัน…พวกเรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ? แล้วพวกที่เหลือหายไปไหนกันหมด ?” นางหันกลับไปจ้องเค้นคําตอบจากอีกฝ่าย

ชายหนุ่มเพียงตอบคําด้วยน้ำเสียงบางเบา “เพราะเจ้าคิด มิชื่อให้ความสนิทสนมกับบุรุษอื่น ขุมพลังในกายข้าจึงพลุ่งพล่านมิอาจควบคุม อาจบางที่เกิดการปริแตกครั้งใหญ่ในอาณาจักรกําบัง พวกเราจึงหลุดออกมาในสถานที่นี้ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าพวกเราอยู่ที่ใดกัน”

“เจ้าว่าผู้ใดคิดมิชื่อ ?” นางถามกลับด้วยความเกรี้ยวกราด “ข้าเป็นหมอ ! หน้าที่ของข้าคือช่วยเหลือรักษาผู้คน ! คิดมิชื่อศีรษะเจ้าสิ !”

ความเย็นชาในแววตาของหนานกงยวคล้ายเริ่มหลอมละลาย และเริ่มเผยอายความสดใส หากทว่ามันกลับเลือนหายไปเพียงพริบตาทั้งกลับถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นความเศร้าสลดยุ่งเหยิงใจ “ทว่าเพื่อมันผู้นั้นเจ้าถึงกับใช้กระบี่จ้วง แทงข้า ! มิเท่ากับว่าในใจของเจ้ามันสําคัญกว่าข้ากระนั้น?!”

เกอซีเลิกคิ้วสูง สายตาของนางทอดมองไปตลอดทั่วทั้งร่างของชายหนุ่ม

บุรุษผู้เรืองอํานาจแข็งแกร่งสง่างาม กระทั่งได้สมญานามองค์ราชันมัจจุราช มาบัดนี้อาภรณ์ทั่วเรือนกายกลับถูดราดชโลมด้วยสายโลหิต ใบหน้าหมดจดหล่อเหลาซีดขาวไร้สี ริมฝีปากบางที่ขยักโค้งเย้ายวนใจบูดบึงเล็กน้อยเผยให้ เห็นถึงอารมณ์ที่ขุ่นข้องอีกทั้งลังเลสับสนในใจ

เช่นนั้นนางจึงค่อย ๆ เอ่ยอธิบาย “ข้าไม่ชอบติดค้างผู้ใด ข้าจึงไม่อยากติดหนี้บุญคุณเขากับท่านผู้ดูแลโจว หากท่านลงมือสังหารจนเขาสิ้นใจเพราะข้าเป็นเหตุ ข้ายอมติดค้างพวกเขาทั้งคู่ ! ผู้ใดจะไปรู้ว่าเจ้าผู้มีพลังยุทธสูงส่งปานนั้นกลับไม่ยอมหลบกระบี่ข้า !”

ได้ฟังคํานางกล่าว นัยน์ตาเขาเปล่งประกายแวววาวขึ้นทันที ความผิดหวังและสูญเสียที่ท่วมท้นบนดวงหน้า พลันเลือนสลายอย่างไร้ร่องรอย “เช่นนั้น สําหรับซีเอ๋อแล้ว เจ้ากู้หลิวเฟิ่งผู้นั้นก็เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่เจ้าไม่ต้องการติดค้างหนี้บุญคุญใดกระนั้นหรือ ?”

นางยิ้มเยาะกล่าวเย้ยหยัน “ไหนเลยจะมีความหมาย เท่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านอ๋องราชันมัจจุราชกับเทพธิดาบัวเยือกแข็งได้เล่า ?”

เขารีบกล่าวตอบอย่างระอา “ซีเอ๋อ จะต้องให้ข้าบอก เจ้าสักกี่ครั้ง? ข้า….. ”

ยังมิทันกล่าวจบ ใบหน้าของเขากลับแปรเปลี่ยน ชายหนุ่มเหยียดแขนดึงรั้งเกอซีเข้าหา

ยังมิทันจะรู้ตัวว่าเกิดอันใดขึ้น หญิงสาวก็รับรู้ได้ถึงคลื่นพลังรุนแรงมหาศาลที่ระเบิดพวยพุ่งขึ้นมาจากด้านหลัง

หัตถ์เทวะธิดาพญายม

หัตถ์เทวะธิดาพญายม

Status: Ongoing

ในงานประมูลครั้งมโหฬารแห่งหอรื่นรมย์ สาวน้อยเครื่องอุ่นเตียงชั้นยอดได้ถูกเสนอราคาชนิดสูงเสียดฟ้า ในท่ามกลางความหื่นกระหายต่อสู้เยื้อแย่งราคากันอย่างบ้าคลั่งนั้น ดรุณีน้อยเปิดเปลือกตาทอดส่งผ่านลูกกรงขังสีทอง อายกระแสรังสีอันเย็นยะเยียบจับทรวงที่แผ่ซ่านออกมาจากเนื้อกาย บ่งบอกได้ว่ายามนี้นางไร้สิ้นความหวาดกลัวอีกต่อไป

เมื่อนางคือสุดยอดมือสังหารเกียรติยศระดับเหรียญทองแห่งศตวรรษที่ 21 ผู้ถูกส่งผ่านข้ามกาลเวลามาสู่ร่าง คุณหนูสาม น่าหลานเกอซี แห่งตระกูลแพทย์ผู้ปรุงโอสถอันลือลั่น นางผู้สิ้นดี นางผู้ถูกกลั่นแกล้งสารพัด

นางคือผู้ที่ไร้สิ้นกระแสปราณแห่งพลังจึงมิอาจโคจรฝึกฝนพลังปราณเยี่ยงผู้อื่นได้เช่นนั้นล่ะหรือ? จะต้องเกรงไปไย เมื่อนางคือยอดหมออัจฉริยะสวรรค์บันดาน แค่อาการจิ๊บจ้อยเพียงเท่านี้ ไม่พอมือนางหรอก บิดาไม่เอ็นดูข้า มารดาไม่รักข้า ทุกคนล้วนข่มเหงรเหยียบย่ำข้ากระนั้นหรือ? ฮึ่ม! เมื่อนางคือผู้ครอบครองมิติและสัตว์เวทย์ที่แข็งแกร่งอย่างไร้ผู้เทียบเทียม เช่นนี้แล้ว ไยนางต้องแสร้งทำตนเป็นคุณหนูลูกแหง่ในสกุลน่าหลานอีกเล่า!

ใบหน้าที่แสนอัปลักษณ์ ร่างกายที่ผ่ายผอมแลดูอมโรคนั้น หาได้มีผู้ใดต้องการมันใช่ไหม? เพียงชั่วพริบตา นางจะกระชากหน้ากากเดิมเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่ทำให้บุรุษรูปงามเป็นโหลๆต้องคอยเฝ้าล้อมหน้าล้อมหลัง! หากแต่บุรุษจอมเผด็จการผู้นั้นกลับยังตามตื้อกันไม่เลิกไม่ราตั้งแต่งานประมูลเมื่อคราก่อน

ผู้ใดบอกว่าชีวิตของข้าต้องขึ้นอยู่กับเจ้ากัน? ชีวิตของข้าย่อมต้องเป็นของข้า! ข้าจะมิยอมให้ผู้ใดมากำหนดชีวิตของข้าได้!

บุรุษนิรนาม : เช่นนั้นชีวิตของข้าก็เป็นของเจ้า แล้วแต่เจ้าจะบัญชาให้เป็นไปดีไหม?

*****

ลำดับขั้นแห่งการฝึกฝนพลังปราณอันต้องอาศัยผู้ที่มีรากฐานแห่งพลังอันเนื่องด้วยกระแสจิตวิญญาณเท่านั้นจึงจะสามารถควบกลั่นโคจรพลังปราณในกายได้ ไล่เรียงลงไปตามลำดับขั้นจากขั้นพื้นฐานไปถึงขั้นสูงสุดมีทั้งหมด 9 ขั้น โดยกำลังปราณแต่ละขั้นมี 10 ระดับ

กำลังปราณขั้น 1 เมล็ดพันธุ์เพาะบ่ม กำลังปราณขั้น 2 ปฐมภูมิโลกันต์ กำลังปราณขั้น 3 พลิกผันอเวจี กำลังปราณขั้น 4 ปฐพีสะท้านสะเทือน กำลังปราณขั้น 5 ย้ายเคลื่อนจิตวิญญาณ กำลังปราณขั้น 6 เปิดม่านฟ้าดิน กำลังปราณขั้น 7 ทะลวงสิ้นโลกสาม กำลังปราณขั้น 8 ก้าวข้ามสูญญภพ กำลังปราณขั้น 9 สยบทั้งจักรวาล

ผู้แปลไม่ได้เก่งภาษาจีน เป็นการแปลจากภาษาอังกฤษ

ดังนั้นชื่อเฉพาะของบุคคลและสถานที่ต่างๆอาจผิดเพี้ยนไปต้องขออภัยอย่างยิ่งนะคะ หากท่านใดไม่เคร่งครัดเรื่องนี้ขอเชิญมาสนุกด้วยกันเลยค่า

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท