หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 278 หนานกงยวตื่นกลัว ?
ยามนี้ต้านต้านรับรู้ได้ถึงคลื่นพลังที่แผ่กระจายไปตลอดวทุกอณูในร่างซึ่งช่วยให้กระเพาะที่เดิมที่อยู่ในสภาพว่างเปล่าพลันอบอุ่นสบายขึ้นอย่างน่าใจหาย
ความรู้สึกนี้ หากนํามาเปรียบกับการได้ดื่มกินทิพย์ธาราหรือกัดกินพรรณพฤกษาเวทซึ่งมีอยู่ในมิติเวทนับว่าเหนือกว่ากันมาก
ต้านต้านพริ้มตาลงอย่างว่าง่าย และเริ่มดูดซับขุมพลังงานตามคําชี้แนะของเกอซี ทั้งในชั่วขณะเดียวกันนั้นลมหายใจของเจ้ามังกรตัวจิ๋วก็เริ่มปรับสภาพคงที่สม่ําเสมอยิ่งขึ้นแม้จะยังอยู่ในสภาพไร้สติ
ร่างที่แห้งเที่ยวของต้านต้านค่อย ๆ กลับคืนกลม ตึงดังเดิมอีกคราได้เห็นเช่นนั้นเกอซีถ่ายถอนใจออกมาอย่างโล่งอก หญิงสาวลงนั่งขัดสมาธิข้างขอบบ่อทิพย์ธาราและ เริ่มโคจรกระแสพลัง
เมื่อเกอซี คือผู้ได้รับเลือกให้รับช่วงสืบทอดหมาฮ่าความเป็นจริงข้อนี้ทําให้หญิงสาวตื่นเต้นอย่างเหลือแสนด้วย ความเชื่อที่ว่าตราบเท่าที่นางสามารถรับการถ่ายทอดเคล็ ดวิชาจากหมาฮ่าจนหมดสิ้นการจะโค่นล้มเพิ่งเหลียนยิ่งจะ นับเป็นอย่างไรได้
เวลาผันผ่านไปเพียงพริบตาหนึ่งราตรีล่วงไปอย่างรวดเร็ว
หนานกงยี่ผู้พักฟื้นพลังอยู่ภายในถ้ําเผยอเปลือกตาขึ้นตรวจดูสภาพร่างกายด้วยสีหน้าพึงพอใจเมื่อพบว่าอาการบาดเจ็บบนเส้นชีพจรปราณของตนได้รับการฟื้นคืนกระทั่งแทบ สู่สภาวะปกติจุดตันเถียนที่แห้งเหือดยามนี้ถูกเติมเต็มด้วย พลังปราณหนาแน่น ความแข็งแกร่งคืนสภาพอย่างน้อยเจ็ดในสิบส่วน
ทิพย์ธาราแห่งความสันโดษชั้นเก้าของซีเอ๋อนับเป็นโอสถชั้นเลิศอย่างสูงสุดในการเยียวยารักษาอาการผู้ฝึกยุทธทั้ง หลาย โดยเฉพาะยิ่งแล้วกับอาการบาดเจ็บที่ไม่หนักหนา และการสูญเสียพลังปราณ ประสิทธิภาพการฟื้นคืนนับว่าสมบูรณ์กว่าโอสถทั่วไปมากกว่าร้อยเท่า
ชายหนุ่มหยัดกายลุกขึ้นก้าวขยับเฉียดปากถ้ํา ทว่าแค่เพียงถึงปากถ้ําภายในใจกลับสั่นสะท้าน
ร่างสูงกํายํารีบพรวดพราดออกไป เพื่อจะพบเพียงความว่างเปล่าเบื้องหน้าสายตา นอกไปเสียจากเสียงกรอบแกรบที่ดังขึ้นเป็นระยะของใบเถาวัลย์ม่วงอเวจีแล้ว กลับไม่อาจ พบเจอเงาร่างของเกอซีในที่ใด
“ซีเอ๋อ ? !” เขาส่งเสียงร้องตะโกนลั่นด้วยสัญชาตญาณอย่างมิรู้ตัวทั้งมิรู้เลยว่าในน้ําเสียงนั้นยังแฝงไว้ด้วยความสั่นเครือที่บ่งชัดถึงความหวาดกลัวของผู้ร่ําร้อง
เหตุใดซีเอ๋อจึงไม่อยู่ที่นี้ ? หรือนางจะทั้งโกรธเกรี้ยวทั้งผิดหวังเสียใจกระทั่งตีจาก ตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดอย่างไม่ไยดีเขาแล้ว ? หรือนางประสบภัยอันตราย ?!
ความคิดวนเวียนพลุ่งพล่านในหัว ในลําคอจุกตันบีบรัดอึดอัดกระทั่งแทบมิอาจสูดหายใจ
ทว่าเพียงครู่ เสียงผิวปากแปลกหูพลันดังขึ้นจากทางด้านหลังติดตามมานั้นคือร่างบอบบางของเกอซีที่เหินร่อนลงจรดแผ่นพื้นอย่างงามสง่าเบื้องหน้าเขา
ยามอรุณรุ่งที่นางรู้สึกตัวตื่นยังพบชายหนุ่มนั่งโคจรกระ แสพลังอยู่หญิงสาวจึงขึ้นสู่ยอดผาเพื่อสํารวจเส้นทางไว้ก่อนเพียงลําพังผู้เดียว
นางทิ้งเถาวัลย์ม่วงอเวจีไว้อารักขาปากถ้ําด้วยหมายให้เขาล่วงรู้ว่านางหาได้หลีกจากไปไม่ยามเมื่อเขาออกจากการ ขับเคลื่อนกระแสพลัง หากทว่าเมื่อนางได้ยินเสียงร่ําร้องที่แตกตื่นใจของหนานกงยวจึงรีบกลับคืนลงมาโดยพลัน
หญิงสาวจ้องหน้าชายหนุ่มผู้กําลังจับจ้องนางเขม็ง เพียงกําลังเผยอปากเอ่ยคํา อีกฝ่ายกลับก้าวฉับ ๆ เข้ามาดึงร่างนางเข้าสู่อ้อมแขน
หนานกงยี่แข็งแกร่งทรงพลังอย่างเหลือล้น เพียงเขากดร่างนางไว้แนบอกกระดูกทั่วร่างของเกอซีก็แทบปน”
เจ็บ ! หญิงสาวทําหน้านิ้วหมายจะผลักร่างอีกฝ่ายออกทว่ากลับพบว่าร่างที่ครอบคลุมกายนั้นสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด
ตลอดทั่วร่างเย็นเยียบไม่ร้อนแรงแผดเผาดังปกติที่เคยเป็นเช่นนั้นแม้เขาจะพยายามปกปิดสักเพียงไรเกอซียังคงรับรู้ได้ถึงร่างที่สั่นเทาของอีกฝ่ายยามเมื่อตระกองกอดต้น
หนานกงยี่กําลังหวาดกลัวกระนั้นหรือ ? หวาดกลัว เรื่องใดกัน ?
แม้เกอซีจะนึกฉงนสงสัย หากทว่าร่างกายกลับทรยศต่อเหตุผลทั้งหมดทั้งมวล มันเหยียดยืนฝ่ามืออกไปช่วยลูบหลังปลอบใจอีกฝ่ายประหนึ่งกําลังปลอบขวัญเด็กน้อยที่สะดุ้ง ตื่นกลางดึกด้วยฝันร้ายน้ําเสียงของนางอ่อนโยนยิ่งนัก ยามเมื่อเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้นหรือ ?”
เขากอดกระชับนางแน่นยิ่งขึ้น ดวงหน้านั้นฝังลงกับเรีอนผมดําขลับของอีกฝ่ายโดยปฏิเสธที่จะเอ่ยกล่าวถ้อยคําใดอยู่นานครูใหญ่
ครั้นเมื่อเกอซีกําลังจะเอ่ยปากขึ้นอีกครา บุรุษหนุ่มผู้นั้นกลับยอมคลายท่อนแขนของตนพร้อมปริปากถามไถ่ด้วยน้ํา เสียงขุ่นมัว “เจ้าไปไหนมา ? เหตุใดทั่วเรือนกายเจ้าจึงแผ่กลิ่นอายโลหิตเข้มข้นเช่นนี้ ?”
ในน้ําเสียงนั้นคือความขุ่นเคืองกระวนกระวายอย่างที่สุดหากทว่ากลับแฝงไว้ด้วยอายแห่งความห่วงใยแทรกซึมด้วย ความรู้สึกอันคับแค้นใจยิ่ง
เขารีบควานมือนางมากอดกุมทั้งยังเริ่มกวาดตาสํารวจหาร่องรอยการบาดเจ็บบนเรือนร่าง
***จบตอน หนานกงยวตื่นกลัว ?***