หัตถ์เทวะธิดาพญายม – ตอนที่ 333 เพื่อเหตุใด ?

ตอนที่ 333 เพื่อเหตุใด ?

หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 333 เพื่อเหตุใด ?

ถ้วนทุกผู้คนที่อยู่รายล้อมเกอซีล้วนหันมาจดจ้องที่กู้หลิวเฟิง เนื่องเพราะเสียงตะคอกลั่นของมู่หรงจางฟง เกอซีย่างกรายเนิบช้าตรงมาที่กู้หลิวเฟิง นางปรายตามองมู่หรงฉางฟง คราหนึ่ง ก่อนจะส่งเสียงกระซิบ “เกิดอันใดขึ้นกระนั้นหรือ

เพียงสิ้นสุดคําถาม หญิงสาวสังเกตเห็นได้ชัดว่าร่างของกู้หลิวเฟิงยามนี้กําลังสั่นเทาเล็กน้อย สองแขนที่เหยียดตรง ข้างลํากายถูกกําเป็นกําปั้นแน่น เห็นได้ชัดว่ายามนี้เขากําลังโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด

ครั้นเมื่อเกอซีปรากฏกายขึ้นตรงหน้า ใบหน้าของมู่หรงจางฟงฉายอาการแห่งความตื่นเต้นยินดี เขารีบร่ําร้องตะโกนลั่น “ท่านหมอซีผู้อัจฉริยะ ข้าคือมู่หรงฉางฟง ผู้นําแห่งตระกูลมู่หรง ขอท่านโปรดมอบยาถอนพิษให้แก่ข้าเถิด หากท่านช่วยชีวิตข้า พี่ชายของข้า รวมถึงคนในตระกูลมู่หรงของข้าทั้งหมดล้วนเป็นหนี้บุญคุณท่าน พวกเราย่อมต้องตอบแทนคุณแก่ท่านในวันหน้า เชื่อว่าในเมืองเหยียนจิงแห่งนี้ย่อมไม่มีผู้ใดไม่รู้จักข้า ท่านย่อมต้องเคยได้ยินกิตติศัพท์ของตระกูลมู่หรงของข้ามาบ้างแล้วใช่หรือไม่ ?”

หญิงสาวยกยิ้มเยาะด้วยท่าที่หยิ่งยโส ในแววตานั้นมีเพียงความเหยียดหยัน “ผู้ใดกระนั้นหรือ ?”

น้ําเสียงของนางเผยความดูแคลนเย้ยหยันอย่างโจ่งแจ้ง กระทั่งผู้ใดได้ยินล้วนอดนึกขันในใจมิได้

มู่หรงจางฟงเดือดดาลกระทั่งหนังหน้ากระตุกสั่น ทว่าแม้กระนั้น เขายังคงรําลึกได้เสมอว่าลมหายใจน้อยๆของตนกําลังอยู่ในเงื้อมมือของอีกฝ่าย เช่นนั้นมีหรือที่เขาจะทําอะไรผลีผลาม ผู้นําตระกูลมู่หรงพยายามข่มห้ามความเกรี้ยวกราดภายในใจ “ข้าข้ามิได้เป็นแค่เพียงผู้นําตระกูลมู่หรงเท่านั้น ข้ายังเป็นลุงฝ่ายบิดาแท้ๆของหลิวเฟิงอีกด้วย เมื่อครู่เจ้าเพิ่งช่วยลุงฝ่ายมารดาของมู่หรงหลิวเฟิง เหตุใดจักไม่ช่วยเหลือข้าบ้างเล่า ?”

มู่หรงหลิวเฟิง? เกอซีเลิกคิ้วพลางหันมาหากู้หลิวเฟิง

ยังเห็นเขาจดจ้องอยู่กับมู่หรงจางฟง และมู่หรงฮายผู้เป็นบิดาของมู่หรงจางฟง ซึ่งในยามนี้ยังอยู่ในสภาพไม่รู้สึกตัว หากทว่าสายตาที่กู้หลิวเฟิงจ้องมองคนทั้งสองกลับเย็นเยียบราวปลายกระบี่ นัยน์ตาคู่นั้นประหนึ่งพร้อมจะฉีกร่างพวกเขาทั้งสองออกเป็นเสี่ยงๆ

กลุ่มยอดฝีมือที่กําลังโอดครวญร้องขอความเห็นใจพลันเริ่มส่งเสียงซุบซิบนินทา “บุรุษผู้สวมใส่หน้ากากผู้นั้นมิใช่คุณชายกู้! กู้หลิวเฟิงเจ้าของโรงโอสถเชิงเต่อกระนั้นหรือ ? เหตุใดท่านผู้นําตระกูลมู่หรงจึงเรียกเขาว่ามู่หรงหลิวเฟิงเล่า? หรือเขาจะเป็นคนของสกุลมู่หรง?”

“ทว่าข้าเคยได้ยินมาว่าโรงโอสถเชิงเต่อนั้นพยามยามกลืนกินการค้าโอสถของตระกูลมู่หรงมาโดยตลอด ทั้งในยามนี้ โรงโอสถเชิงเต๋อก็สามารถฮุบตลาดค้าโอสถในเมืองเหยียนจิง จากสกุลมู่หรงไปได้กว่าครึ่งแล้ว นี่หาก….หากกู้หลิวเฟิงคือบุตรหลานสายสกุลมู่หรงจริง มิเท่ากับเขาผู้นี้ทั้งไม่อยู่ในโอวาท ทั้งไร้สํานึกเป็นผู้เนรคุณกระนั้นหรือ ?”

ถ้วนทุกคนล้วนเบี่ยงเบนสายตากลับมาจ้องกู้หลิวเฟิงด้วยความเคลือบแคลงสงสัยระคนขุ่นเคือง หากทว่ามู่หรงจางฟงกลับจิตใจพองฟู นับเป็นโอกาสดีที่เขาสามารถพลิกสถานการณ์ที่เลวร้ายให้กลายเป็นข้อได้เปรียบในยามนี้ หากทว่า พิษร้ายในร่างของเขากลับเริ่มกําเริบหนักขึ้นหนักขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่มู่หรงฮ่ายผู้นอนอยู่ข้างกายในยามนี้กําลังจะหยุดหายใจอยู่รอมร่อ

มู่หรงจางฟงรีบตะคอกใส่กู้หลิวเฟิง “มู่หรงหลิวเฟิง เจ้ายังไม่เร่งบอกให้ท่านหมอซียอดอัจฉริยะผู้นั้นมอบยาถอนพิษให้ข้าอีกกระนั้น!”

“มอบยาถอนพิษให้เจ้า ?” ที่สุดกู้หลิวเฟิงผู้นิ่งสงบมาโดยตลอดก็เริ่มปริปาก น้ําเสียงของเขาอัดแน่นไปด้วยความขุ่นเคืองแฝงถ้อยคําวาจาที่ถากถาง “มู่หรงจางฟง เจ้าอยากให้ข้าช่วยเจ้ากระนั้นรึ ? เพื่อเหตุใด ? เพื่อทดแทนที่เจ้าปฏิบัติกับท่านแม่ของข้า ปฏิบัติกับข้าชั่วช้ายิ่งกว่าสุนัขตัวหนึ่งกระนั้นรึ ?”

ทันทีที่กล่าวจบ ชายหนุ่มพลันยกแขนขึ้นปลดหน้ากากของตน

เสี้ยวนาทีนั้น ทุกคนต่างต้องร้องอุทานสูดลมหายใจลึก อ้าปากค้างด้วยความตื่นตระหนก

เมื่อสิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าพวกเขาคือโฉมหน้าที่คลุมเครือยากจะบรรยาย ความหล่อเหลาอย่างหาใดเปรียบปานที่แฝงไว้ด้วยความสง่าและงดงาม หากทว่าน่าเสียดายอย่างยิ่งที่กลางดวงหน้างดงามนั้นกลับถูกบดบังด้วยรอยแผลเป็นที่น่าเกลียดน่ากลัวเป็นทางยาวจากปลายคิ้วไล่ยาวลามเลยไปถึงติ่งหูข้างขวา

รอยแผลเป็นนั้นมีสีแดงดังโลหิต มีรูปลักษณ์ดังตัวตะขาบปีนปายอยู่กลางใบหน้า มันช่างขัดกับผิวพรรณละเอียดบาง ขาวสะอาดของชายหนุ่มอย่างเห็นได้ชัด

ความหล่อเหลางดงามอันพึงปรากฏ กลับถูกแปรเปลี่ยนเป็นความสยดสยองพองขนราวภูตผีปีศาจ เนื่องเพราะรอยแผลเป็นนั้น

แม้สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาทุกผู้คนจะคือรอยแผลเป็นทางยาวเพียงเส้นเดียว หากทว่าความเคียดแค้นที่แฝงอยู่ในแววตาของกู้หลิวเฟิง และอากัปกิริยาที่มู่หรงจางฟงคอยเลี้ยง หลบไม่กล้ามองรอยแผลเป็นเบื้องหน้าเช่นนี้ เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายล้วนสามารถกล่าวได้ทันทีว่าตระกูลมู่หรงต้องปฏิบัติต่อกู้หลิวเฟิงและผู้เป็นมารดาอย่างน่าอัปยศอดสูเกินกว่าจะหาถ้อยคําพรรณนา

***จบตอน เพื่อเหตุใด ?***

หัตถ์เทวะธิดาพญายม

หัตถ์เทวะธิดาพญายม

Status: Ongoing

ในงานประมูลครั้งมโหฬารแห่งหอรื่นรมย์ สาวน้อยเครื่องอุ่นเตียงชั้นยอดได้ถูกเสนอราคาชนิดสูงเสียดฟ้า ในท่ามกลางความหื่นกระหายต่อสู้เยื้อแย่งราคากันอย่างบ้าคลั่งนั้น ดรุณีน้อยเปิดเปลือกตาทอดส่งผ่านลูกกรงขังสีทอง อายกระแสรังสีอันเย็นยะเยียบจับทรวงที่แผ่ซ่านออกมาจากเนื้อกาย บ่งบอกได้ว่ายามนี้นางไร้สิ้นความหวาดกลัวอีกต่อไป

เมื่อนางคือสุดยอดมือสังหารเกียรติยศระดับเหรียญทองแห่งศตวรรษที่ 21 ผู้ถูกส่งผ่านข้ามกาลเวลามาสู่ร่าง คุณหนูสาม น่าหลานเกอซี แห่งตระกูลแพทย์ผู้ปรุงโอสถอันลือลั่น นางผู้สิ้นดี นางผู้ถูกกลั่นแกล้งสารพัด

นางคือผู้ที่ไร้สิ้นกระแสปราณแห่งพลังจึงมิอาจโคจรฝึกฝนพลังปราณเยี่ยงผู้อื่นได้เช่นนั้นล่ะหรือ? จะต้องเกรงไปไย เมื่อนางคือยอดหมออัจฉริยะสวรรค์บันดาน แค่อาการจิ๊บจ้อยเพียงเท่านี้ ไม่พอมือนางหรอก บิดาไม่เอ็นดูข้า มารดาไม่รักข้า ทุกคนล้วนข่มเหงรเหยียบย่ำข้ากระนั้นหรือ? ฮึ่ม! เมื่อนางคือผู้ครอบครองมิติและสัตว์เวทย์ที่แข็งแกร่งอย่างไร้ผู้เทียบเทียม เช่นนี้แล้ว ไยนางต้องแสร้งทำตนเป็นคุณหนูลูกแหง่ในสกุลน่าหลานอีกเล่า!

ใบหน้าที่แสนอัปลักษณ์ ร่างกายที่ผ่ายผอมแลดูอมโรคนั้น หาได้มีผู้ใดต้องการมันใช่ไหม? เพียงชั่วพริบตา นางจะกระชากหน้ากากเดิมเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่ทำให้บุรุษรูปงามเป็นโหลๆต้องคอยเฝ้าล้อมหน้าล้อมหลัง! หากแต่บุรุษจอมเผด็จการผู้นั้นกลับยังตามตื้อกันไม่เลิกไม่ราตั้งแต่งานประมูลเมื่อคราก่อน

ผู้ใดบอกว่าชีวิตของข้าต้องขึ้นอยู่กับเจ้ากัน? ชีวิตของข้าย่อมต้องเป็นของข้า! ข้าจะมิยอมให้ผู้ใดมากำหนดชีวิตของข้าได้!

บุรุษนิรนาม : เช่นนั้นชีวิตของข้าก็เป็นของเจ้า แล้วแต่เจ้าจะบัญชาให้เป็นไปดีไหม?

*****

ลำดับขั้นแห่งการฝึกฝนพลังปราณอันต้องอาศัยผู้ที่มีรากฐานแห่งพลังอันเนื่องด้วยกระแสจิตวิญญาณเท่านั้นจึงจะสามารถควบกลั่นโคจรพลังปราณในกายได้ ไล่เรียงลงไปตามลำดับขั้นจากขั้นพื้นฐานไปถึงขั้นสูงสุดมีทั้งหมด 9 ขั้น โดยกำลังปราณแต่ละขั้นมี 10 ระดับ

กำลังปราณขั้น 1 เมล็ดพันธุ์เพาะบ่ม กำลังปราณขั้น 2 ปฐมภูมิโลกันต์ กำลังปราณขั้น 3 พลิกผันอเวจี กำลังปราณขั้น 4 ปฐพีสะท้านสะเทือน กำลังปราณขั้น 5 ย้ายเคลื่อนจิตวิญญาณ กำลังปราณขั้น 6 เปิดม่านฟ้าดิน กำลังปราณขั้น 7 ทะลวงสิ้นโลกสาม กำลังปราณขั้น 8 ก้าวข้ามสูญญภพ กำลังปราณขั้น 9 สยบทั้งจักรวาล

ผู้แปลไม่ได้เก่งภาษาจีน เป็นการแปลจากภาษาอังกฤษ

ดังนั้นชื่อเฉพาะของบุคคลและสถานที่ต่างๆอาจผิดเพี้ยนไปต้องขออภัยอย่างยิ่งนะคะ หากท่านใดไม่เคร่งครัดเรื่องนี้ขอเชิญมาสนุกด้วยกันเลยค่า

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท