“ทำไมคุณไม่ไปเต้นรำล่ะ?” สือเพ่ยหลินถามหลานเสี่ยวถาง
“ฉันเพิ่งอยู่ไฟเสร็จไม่นาน มันfดูอ้วนนิดหน่อย” หลานเสี่ยวถางหัวเราะ “ฉันกลัวว่าซิปกางเกงจะแตกน่ะ!”
เมื่อเห็นเธอดูผ่อนคลายต่อหน้าของเขา ทุกอย่างดูเหมือนจะกลับไปสู่จุดเริ่มต้น ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ เหมือนเป็นแค่คนแปลกหน้าที่คุ้นเคย มันคงเป็นเรื่องธรรมชาติ
สือเพ่ยหลินไม่สามารถพูดอะไรในใจได้ แต่เขาทำได้เพียงยิ้มให้เธอ “ผมไม่เคยไปดูลูกของคุณเลย ผมได้ยินมาว่าเขาเป็นเด็กผู้ชาย ใช้นามสกุลเดียวกับผม งั้นผมขอเรียกเขาว่าน้องชายแล้วกัน!”
หลานเสี่ยวถางยิ้ม “แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน คุณจะได้ดูเป็นวัยรุ่นใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว!” สือเพ่ยหลินพูด “ตั้งชื่อว่าอะไรเหรอ? ได้ชื่อหรือยัง?”
“ชื่อว่าสือจิ่งเหยียน ไม่มีชื่อเล่น เรามักจะเรียกเขาว่าจิ่งเหยียน”
“น่าอิจฉา ได้ทั้งลูกสาวทั้งลูกชาย” ขณะที่พูดสือเพ่ยหลินรู้สึกเจ็บปวดอยู่ในหัวใจ
“แล้วคุณล่ะ?” หลานเสี่ยวถางถาม “คุณได้ตรวจสอบในภายหลังไหม?”
“ตรวจสอบแล้ว ผลออกมาเหมือนกับโรงพยาบาลแถวhonor” สือเพ่ยหลินสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหัวเราะเบาๆ ประชดชีวิต “ไม่เป็นไร อันที่จริงพวกเราได้คุยกันแล้ว ถ้าไม่มีจริงๆ เราจะรอจนกระทั่งเธออายุ 28 ปี แล้วไปรับมาเลี้ยง”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า “อืม จริงๆ ก็เหมือนกันหมด ถ้าเขาได้รับการศึกษาดีๆ ไปรับมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมก็มีความกตัญญูเหมือนกัน!”
ขณะที่พูดเธอคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ “ใช่แล้ว ฉันลืมอวยพรให้คุณมีความสุขในชีวิตการแต่งงานใหม่! เจ้าสาวสวยมาก ดูแลรักษาไว้ดีๆ นะ!”
เขาพยักหน้าแล้วจ้องมองที่เธอ “อืม ผมจะเต็มที่ที่สุด”
หลังจากนั้นเขาก็บอกลาเธอแล้วเดินออกไป เหมือนจะบอกเป็นนัยว่าจะไม่ได้พบกันอีกในอนาคต
หลานเสี่ยวถางกลับไปก่อนโดยไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงตอนเที่ยง เพราะเธอต้องไปป้อนข้าวสือจิ่งเหยียน
ไม่รู้ว่าหิมะตกลงมาเมื่อไร เธอพูดกับสือมูเฉินอย่างอารมณ์ดี “มูเฉิน ถ้าคืนนี้หิมะตกลงมาเต็มพื้น หวันหว่านต้องงอแงขอปั้นตุ๊กตาหิมะในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน!”
ทั้งสองคนพูดคุยกันเดินออกไปจากโรงแรม พวกเขาเดินผ่านฮั่วชิงชิงซึ่งกำลังเดินทางไปทำธุรกิจที่หนิงเฉิง
*
Huo Groupในเมืองเมืองไห่หลินได้รับการดูแลโดยเพื่อนของหันจื่ออี้ก่อนที่ฮั่วชิงชิงจะออกจากโรงพยาบาล
เพื่อนของเขาเป็นหญิงวัยกลางคนที่ยังไม่ได้แต่งงาน หลังจากที่ฮั่วชิงชิงกลับมาเธอก็ค่อยๆ มอบงานทั้งหมดให้กับเธอทีละเล็กทีละน้อย
บางทีอาจเป็นเพราะได้ค้นพบวิธีจัดการบริษัทที่พ่อของเธอทิ้งไว้ให้ ฮั่วชิงชิงจึงได้ศึกษาอย่างจริงจัง
ไม่กี่เดือนต่อมาทุกอย่างก็ดูเรียบร้อยขึ้นเรื่อยๆ
ร่างกายของเธอก็ค่อยๆ ฟื้นตัว แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับตอนเป็นวัยรุ่น แต่ไข้และอาการหวัดของเธอก็ค่อยๆ ดีขึ้นและทุกอย่างดูเหมือนจะดีขึ้นเรื่อยๆ
แต่มีเพียงบางครั้งในตอนกลางคืนเธอได้เห็นฟู่สีเกอโพสต์รูปของลูกๆ ของเขาลงวีแชท ทำให้เธอจำได้ว่าเคยเดินผ่านเด็กน่ารักคนนี้
ในเวลานั้นเธออดไม่ได้ที่จะแตะหน้าท้องส่วนล่างของเธอ ในความงุนงงจำได้ว่ายังมีมือใหญ่อบอุ่นคู่หนึ่งลูบอยู่ที่ท้องส่วนล่างของเธอ ปลอบโยนเธออย่างอบอุ่น “ชิงชิง ลูกและผมจะอยู่กับคุณตลอดไป”
ฮั่วชิงชิงบังคับตัวเองไม่ให้คิดถึงเรื่องพวกนั้น ดังนั้นเธอจึงเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มในลิ้นชัก
อย่างไรก็ตามบางทีอาจเป็นเพราะเธอยังอยู่ในอาการเหม่อลอย เธอจึงเปิดลิ้นชักผิด และเมื่อเธอมองลงมาเรื่อยๆ ทำให้เธอเห็นข้อตกลงการหย่าร้าง
เธออยู่ในอาการเหม่อลอย
ในตอนแรกหลังจากที่เธอออกจากโรงพยาบาล เธอได้ติดต่อผู้ช่วยพิเศษของหันจื่ออี้แล้วถามเขาว่าจะสะดวกเมื่อไหร่ เธอจะขอนัดหันจื่ออี้ไปดำเนินการร่วมกัน
แต่ผู้ช่วยพิเศษของหันจื่ออี้อารมณ์เสียมากแล้วพูดว่าหันจื่ออี้ป่วยและไม่สะดวก ดังนั้นจะพูดถึงเรื่องนี้ในภายหลัง
ฮั่วชิงชิงจำได้ว่าหันจื่ออี้เป็นคนมีสุขภาพแข็งแรง ในเมื่อเขาป่วยเธอก็ไม่กล้าไปพบเขา
ดังนั้นเธอจึงกังวลเล็กน้อย แต่หลังจากที่โทรไปหาผู้ช่วยพิเศษหวังหลายครั้ง ความกังกลมันก็หายไป
หลังจากนั้นเธอกลับไปที่เมืองไห่หลิน ไปถามเพื่อนของหันจื่ออี้พวกเขาบอกว่าช่วงนี้หันจื่ออี้ไม่ค่อยสบาย เขาไปอังกฤษและอาจจะไม่กลับมาในช่วงระยะเวลาอันสั้นนี้
เธอถามอีกว่าทำไมเขาจู่ๆ ถึงไม่สบาย แต่เพื่อนของเขาบอกว่าเขาน่าจะบินไปมาระหว่างสองที่เป็นเวลานาน อาจจะรู้สึกเหนื่อย ดังนั้นอาจจะไม่มีเวลาสำหรับช่วงนี้
ด้วยเหตุนี้ผ่านไปเป็นเวลากว่าหนึ่งปีโดยไม่รู้ตัว
เธอไม่เคยเข้าพบเขาอีกเลย และดูเหมือนว่าเขาจะจางหายไปจากโลกของเธอไปตลอดกาล
Huo Group ภายใต้การบริหารอย่างรอบคอบของเธอ การพัฒนาธุรกิจก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นเช่นกัน เมื่อคนรอบข้างเห็นเธอพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะแซว โดยบอกว่าพวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าผู้หญิงที่ดูอ่อนแอจะกลายเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง
ตามกฎหมายของจีนหากสามีและภรรยาได้ลงนามในข้อตกลงหย่าร้างและแยกกันอยู่เป็นเวลาสองปีจะถือว่าหย่าร้างกันจริงๆ
ฮั่วชิงชิงปล่อยวาง เธอและหันจื่ออี้ควรนับเข้าเป็นหมวดหมู่ดังกล่าวนี้จริงๆ ใช่ไหม?
เธอรู้สึกว่างเปล่าเล็กน้อยในใจ แต่ทุกครั้งที่เธอเห็นห้องสมุดของพ่อที่บ้านของเธอในเมืองไห่หลิน อารมณ์ทั้งหมดของเธอถูกระงับไว้ทันที
เธอเข้าใจดีว่านี่คือพรหมลิขิตของพวกเขา ซึ่งถูกกำหนดไว้เมื่อหลายปีก่อนและไม่อาจหนีพ้นได้
ในวันนี้ฮั่วชิงชิงเดินทางมาที่เมืองหนิิงเฉิงโดยเครื่องบินเพื่อคุยธุรกิจบางอย่าง
เธอทานอาหารกับฟู่สีเกอ ระหว่างทานอาหารฟู่สีเกอได้ถามว่าเธอกับหันจื่ออี้เป็นอย่างไรบ้าง เธอแค่พูดเบาๆ ว่าเธอกับเขาหย่ากันมาสองปีแล้ว
ด้วยเหตุผลนี้ไม่ว่าฟู่สีเกอจะถามอะไร เธอก็ไม่ตอบอะไรแล้ว
เมื่อเห็นความดื้อรั้นของเธอ ฟู่สีเกออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้รับผิดชอบLatitude Technology ในประเทศจีนมีการเปลี่ยนแปลงมานานกว่าหนึ่งปี จริงๆ แล้วมันเป็นอย่างนี้นี่เอง…… ”
หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ฮั่วชิงชิงถึงรู้ว่าชายคนนั้นได้หายตัวไปโดยสิ้นเชิง
นึกไม่ถึงว่าที่พวกเขาเจอหน้ากันที่ห้องผู้ป่วยของเธอวันนั้นจะกลายเป็นครั้งสุดท้ายที่เจอกัน!
จู่ๆ อารมณ์ของเธอก็หดหู่ลง และเธอก็ไม่มีกะจิตกะใจคิดเรื่องอื่นอีกเลย
ดังนั้นเธอจึงบอกลาฟู่สีเกอด้วยการอ้างเหตุผลบางอย่างในบริษัท โดยบอกว่าเลขาของเธอกำลังรอเธออยู่แล้วเดินออกจากห้องวีไอพี
แต่หลังจากฮั่วชิงชิงออกมาจากห้องวีไอพี เธอไม่ได้ไปไหนแต่มาที่ห้องน้ำคนเดียว
เธอตบหน้าของเธอด้วยน้ำเย็น ทำให้อารมณ์ค่อนข้างซับซ้อนของเธอสงบลง จากนั้นเธอก็เดินออกมาอย่างช้าๆ
เธอยืนอยู่ที่ทางเดินครู่หนึ่ง ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น และเห็นว่าฮั่วเหมี่ยวเหมี่ยวกำลังโทรมา ดังนั้นเธอจึงเลื่อนเพื่อรับสาย
เสียงของฮั่วเหมียวเหมียวยังคงน่ารักเหมือนเดิม “พี่สาว! ทายสิ วันนี้ฉันเจอใครอยู่ที่นอกโรงเรียน?”
ฮั่วชิงชิงรู้สึกอารมณ์เสียเล็กน้อยแล้วถามว่า “ใคร?”
“ก่อนหน้าเพื่อนร่วมชั้นของพี่ที่ชื่อว่าเฉินเจ๋อ พี่ยังจำได้ไหม? เขาเคยตามจีบพี่ด้วย!” ฮั่วเหมี่ยวเหมี่ยวพูดอย่างตื่นเต้น “เขายังจำพี่ได้! เขาถามฉันเกี่ยวกับสถานการณ์ของพี่ และฉันก็บอกว่าพี่โสดเขาดีใจมาก เขาเอาแต่พูดว่าให้ฉันนัดพี่ออกมา!”
ฮั่วชิงชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “บอกเขาว่าพี่ยุ่งและไม่มีเวลา!”
“พี่คะ” ฮั่วเหมียวเหมี่ยวพูดออดอ้อน“อย่าเป็นแบบนี้สิ เขาดีมากและหน้าตาดูไม่เลวเลย! ตอนนี้เขาเปิดบริษัทในเมืองที่โรงเรียนของฉันตั้งอยู่ เขาก็ทำได้ดีมาก พี่สาว ตอนนี้พี่ก็ไม่มีใคร ทำไมพี่ไม่ลองคิดดูบ้างล่ะ”
ฮั่วชิงชิงบีบโทรศัพท์ “เหมียวเหมี่ยว พี่เคยพูดแล้วนะว่าเรื่องของพี่เธออย่ามายุ่ง!”
“พี่สาว ปีนี้พี่อายุ 28 ปีแล้ว และรออีกสองปีถึงจะอายุ 30 ปีแล้ว พี่ไม่สามารถผัดวันประกันพรุ่งได้……” ฮั่วเหมี่ยวเหมี่ยวพูดลองใจ “พี่ยังลืมเขาไม่ได้…….”
ฮั่วชิงชิงหรี่ตาลง พูดขัดจังหวะคำพูดของฮั่วเหมียวเหมี่ยว “เหมียวเหมี่ยว พี่มีเรื่องต้องทำ ค่อยคุยกันภายหลัง”
พูดเสร็จก็วางสายไป
ในช่วงสองปีที่ผ่านมาฮั่วเหมียวเหมี่ยวยังคงถามถึงสถานการณ์ของหันจื่ออี้ ต่อมาเมื่อเห็นว่าหันจื่ออี้ไม่ปรากฏตัวอีกเลย น้องสาวตัวน้อยที่กระตือรือร้นของเธอก็เริ่มหาคู่ให้เธอ
แต่ไม่รู้ว่าทำไมเธอไม่มีอารมณ์จะตกหลุมรักใครอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยเจอผู้ชายดีๆ สักคน แต่ไม่มีใครได้ใจเธอไปสักคน
ฮั่วชิงชิงเดินไปขึ้นลิฟต์
แต่เมื่อเธอเดินผ่านห้องวีไอพีห้องหนึ่ง เธอได้ยินเสียงหนึ่งดังเข้ามาในหูของเธอว่า “คุณหัน เป็นเรื่องยากที่คุณจะกลับมาที่เมืองหนิงเฉิง มาดื่มแก้วนี้ฉลองกันซะหน่อยนะครับ!”
จากนั้นฮั่วชิงชิงก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยอีกเสียงหนึ่ง “ท่านประธานหันดื่มไม่ได้จริงๆ ค่ะ!”
ฝีเท้าของเธอหยุดกะทันหัน คนที่เพิ่งพูดคือผู้ช่วยพิเศษของหันจื่ออี้!
เขาอยู่ในห้องวีไอพีเหรอ? เขากลับมาแล้ว? !
เธอรู้สึกว่าเลือดของเธอกำลังพุ่งไปที่หัวของเธออย่างบ้าคลั่ง และครู่หนึ่งเท้าของเธอดูเหมือนจะแข็งจนขยับไม่ได้!
ในห้องวีไอพียังเสียงพูดตามมาว่า “ทำไมคุณดื่มไม่ได้ล่ะ ท่านประธานหัน? เราจำได้ว่าท่านประธานเคยดื่มเหล้ามาแล้ว ดื่มเก่งกว่าผมอีก!”
“ตอนนี้ผมดื่มไม่ได้จริงๆ ขอโทษด้วยครับ” ครั้งนี้เป็นเสียงของหันจื่ออี้ ซึ่งเหมือนกับในความทรงจำของเธอ แต่เสียงฟังดูต่ำลงเล็กน้อย
ฮั่วชิงชิงรู้สึกว่าหัวใจของเธอแทบจะพุ่งออกมาจากลำคอ ทำไมเขาถึงดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ล่ะ?
เธอยืนนิ่ง กลั้นหายใจ และตั้งสมาธิ ต้องการฟังเพิ่มเติมจากหันจื่ออี้
บางทีก็ถูกปฏิเสธหลายครั้งติดต่อกัน และชายในห้องวีไอพีก็โกรธเล็กน้อย “คุณหัน คุณไม่ไว้หน้าและไม่ให้เกียรติผมเลย! คุณบอกทีว่าธุรกิจใหญ่ขนาดนี้ คุณยังไม่ยอมดื่มกับผมแม้เพียงจิบนิดเดียว งั้นสัญญานี้ก็……. ”
เขาไม่ได้พูดต่อ
อย่างไรก็ตามฮั่วชิงชิงไม่ใช่คนที่ไม่เข้าใจอะไรเลยในอดีต เธอยังเข้าใจด้วยว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะโกรธจริงๆ และหากหันจื่ออี้ยังคงยืนกรานไม่ไว้หน้าเขา เกรงว่าจะตำน้ำพริกละลายแม่น้ำจริงๆ
ดังนั้นผู้ช่วยพิเศษหวังที่อยู่ข้างๆ หันจื่ออี้ไม่รู้จะทำยังไง จึงเริ่มอธิบายว่า “ขอโทษนะครับประธานหันไม่ใช่ไม่ให้เกียรติหรือไม่ไว้หน้านะครับ แต่เพราะได้รับการผ่าตัด……”
“หยุดพูดได้แล้ว!” หันจื่ออี้จู่ๆ ก็อารมณ์หุนหัน
ด้านนอกห้องวีไอพี หัวใจของฮั่วชิงชิงก็สั่นเมื่อได้ยินเรื่องนี้
เขาทำผ่าตัดอะไร?
เธอต้องการที่จะมองเข้าไปข้างใน แต่ช่องว่างในประตูห้องวีไอพีนั้นเล็กเกินไปสำหรับฮั่วชิงชิงที่จะเห็นว่าข้างในเป็นอย่างไร
“ประธานหัน เข้ารับการผ่าตัดจริงๆ เหรอ? ” ประธานเซินในห้องวีไอพีมองมาที่หันจื่ออี้แล้วขมวดคิ้ว “มันเป็นเรื่องจริง มองดูใกล้ๆ คุณดูผอมลงกว่าเมื่อก่อนมาก คุณไปทำอะไรมา?”
“ไม่เป็นไร” หันจื่ออี้เห็นได้ชัดว่าไม่เต็มใจที่จะพูด