เป็นเพราะมู่ซีซีนอนหลับสบาย ดังนั้นในเช้าวันรุ่งขึ้นเธอจึงตื่นขึ้นมาแต่เช้า
มู่ซีซีคิดว่าตัวเองตื่นเช้ามากๆแล้ว แต่เมื่อเธอลืมตาขึ้น และเหลือบมองไปยังทางด้านข้าง ปรากฏว่าจี้หลิงชวนก็ตื่นแล้วเช่นกัน
มู่ซีซีเหลือบไปมองที่นาฬิกาแขวนของห้องนอน ตอนนี้เพิ่งจะเจ็ดโมงเช้า แม้ว่าจี้หลิงชวนจะต้องไปทำงาน แต่ก็ไม่จำเป็นที่ต้องตื่นเช้าขนาดนั้น
มู่ซีซีคิดพลางลุกขึ้นจากเตียง หลังจากที่เธอล้างหน้าล้างตาและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เธอก็เดินลงไปที่ชั้นล่าง เมื่อเธอเดินไปในห้องโถงใหญ่ที่ชั้นล่างเธอก็เห็นกับจี้หลิงชวนที่สวมผ้ากันเปื้อนและกำลังยุ่งอยู่ในห้องครัว
มู่ซีซีเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นไม่นานเธอก็เห็น จี้หลิงชวนซึ่งสวมผ้ากันเปื้อนอยู่ในครัวกำลังยกหม้อซุปร้อน ๆ ออกมา เมื่อจี้หลิงชวนเงยหน้าขึ้นมาเขาก็พบกับมู่ซีซี ทันใดนั้น ใบหน้าอันเย็นชาและหล่อเหลาของจี้หลิงชวนก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา เขายิ้มให้กับมู่ซีซีและพูดขึ้นว่า “ซีซี รีบมาทานอาหารเช้ากัน อาหารใกล้จะพร้อมทานแล้ว”
เมื่อเห็นรอยยิ้มของจี้หลิงชวน มู่ซีซีก็ยิ้มให้กับจี้หลิงชวนเช่นกัน เธอพยักหน้าให้กับจี้หลิงชวนด้วยความเชื่อฟังและเดินตามจี้หลิงชวนไปที่ห้องรับประทานอาหาร
อาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้มีค่อนข้างครบถ้วน มีคุณค่าทางโภชนาการอาหารที่หลากหลาย แถมยังมีซุปปลาข้นๆสีขาวราวกับน้ำนมบริสุทธิ์อยู่ในหม้อร้อนๆอีกด้วย
ทันทีที่มู่ซีซีนั่งลง จี้หลิงชวนก็หยิบชามขึ้นมาพร้อมกับตักซุปปลาชามเล็กๆวางไว้ทางด้านหน้าของมู่ซีซี”ซีซี ดื่มซุปก่อนทานอาหารจะดีมากๆเลยนะ ซุปยังร้อนๆอยู่เลย เธอค่อยๆทานนะ”
มู่ซีซีหยิบช้อนตักซุปปลาที่ท่าทางดูดีเอามากๆขึ้นมาโดยเธอเป่ามันเล็กน้อยจากนั้นก็ทานเข้าไป แน่นอนว่ารสชาติก็เกือบจะเป็นไปตามคาด รสเค็มปานกลาง แถมน้ำซุปก็ยังหวานมาก กลิ่นคาว ไม่แรง รสชาติกำลังดี
มู่ซีซีคิดพลางเงยหน้าขึ้นสบตากับสายตาคู่นั้นที่กำลังรอคำตอบของจี้หลิงชวน
ทันใดนั้น น้ำเสียงที่ไพเราะของจี้หลิงชวนก็ดังเข้ามาในหูของเธอ “ซีซี รสชาติเป็นยังไงบ้าง?อร่อยไหม?”
แม้ว่าจี้หลิงชวนจะได้ลิ้มรสชาติมาก่อนแล้ว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าของมู่ซีซีแบบนี้ เขาก็ยังรู้สึกเครียดเล็กน้อย เป็นเพราะจี้หลิงชวนกลัวว่ามู่ซีซีจะไม่ชอบซุปที่เขาใช้เวลาทำเกือบหนึ่งชั่วโมง
มู่ซีซีเห็นใบหน้าที่มีความกระตือรือร้นของจี้หลิงชวนแล้ว มองดูราวกับว่าเขาเป็นนักเรียนที่กำลังรอคุณครูให้คะแนนอยู่ มู่ซีซีเห็นแบบนั้นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆออกมา เธอใช้ช้อนที่อยู่ในมือตักน้ำซุปแล้วทานเข้าไปอีกครั้ง ราวกับว่าเธอกำลังจงใจแกล้งจี้หลิงชวน หลังจากผ่านไปสักพักมู่ซีซีก็เงยหน้ามองไปที่จี้หลิงชวนพร้อมกับพยักหน้าช้าๆและเปล่งเสียงออกมาว่า “อืม รสชาติก็ไม่เลว”
เมื่อมู่ซีซีพูดจบ เธอก็เห็นใบหน้าของจี้หลิงชวนดูผ่อนคลายขึ้นอย่างกะทันหัน มู่ซีซีมอง ไปที่จี้หลิงชวนอีกทั้งยังกล่าวเสริมขึ้นอย่างไพเราะว่า “ฉันชอบมันมาก”
เมื่อได้ฟังคำพูดประโยคสุดท้ายของมู่ซีซีอย่างนั้นแล้ว จี้หลิงชวนก็ถึงกับตัวลอย และเมื่อเขาได้สติกลับมา ใบหน้าของจี้หลิงชวนยังปรากฏรอยยิ้มด้วยความดีใจเมื่อเห็นว่ามู่ซีซีทานซุปเกือบจนหมดถ้วยแล้ว จี้หลิงชวนหยิบถ้วยซุปของมู่ซีซีมาด้วยความดีใจพร้อมกับเติมซุปให้กับมู่ซีซีอีกครั้ง และยังไม่ลืมที่จะบอกกับมู่ซีซีว่า”ซีซี หากว่าอร่อยก็ต้องทานมากๆนะ เพราะนักโภชนาการกล่าวว่าการดื่มซุปปลานั้นมันดีสำหรับเธอและลูก”
เมื่อได้ยินสิ่งที่จี้หลิงชวนพูด ประกอบกับซุปที่จี้หลิงชวนเป็นคนทำด้วยตัวเอง มู่ซีซีจึงไม่อยากจะสิ้นเปลือง ดังนั้นเธอจึงทานซุปที่อยู่ชามตรงหน้าจนหมด
เมื่อเห็นว่ามู่ซีซีทานซุปหมดถ้วยแล้ว จี้หลิงชวนก็ส่งชามข้าวเล็กๆให้กับมู่ซีซี
และก็ยังไม่ลืมที่จะพูดกับมู่ซีซีว่า “ซีซี แค่ทานซุปไม่อิ่มหรอกนะ ทานข้าวเข้าไปด้วยสักหน่อย มาชิมรสชาติอาหารจานนี้กัน ”
มู่ซีซีจ้องมองไปที่ชามข้าวเล็กๆที่มีข้าวแค่ครึ่งชามอย่างงุนงง จากนั้นเธอก็มองไปที่ จี้หลิงชวนซึ่งนั่งอยู่ตรงข้าม
อันที่จริง ตั้งแต่ที่มู่ซีซีตั้งครรภ์ เธอก็จะทานอาหารได้น้อยลง
ตามหลักเหตุผลแล้ว คนที่ตั้งครรภ์จะอ้วนขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย แต่มู่ซีซีไม่เพียงแต่ไม่อ้วนขึ้นเท่านั้น กลับยังผอมลงกว่าเดิมอีกด้วยซ้ำ
เมื่อคืนตอนที่จี้หลิงชวนนอนกอดมู่ซีซีไว้ในอ้อมแขนของเขา เขารู้สึกทุกข์ใจอย่างมากเมื่อเห็นเอวที่เรียวเล็กของมู่ซีซี
และสองสามวันมานี้ ตอนที่มู่ซีซีทานอาหารเธอก็ทานเพียงไม่กี่คำเท่านั้น หากว่าเป็นเช่นนี้ต่อไปมู่ซีซีคงจะต้องผอมแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆแน่
จริง ๆ แล้ว มู่ซีซีก็อยากจะทานให้ได้มากกว่านี้ แต่เมื่อได้ทานอะไรเข้าไปนิดหน่อย มู่ซีซีก็รู้สึกไม่ค่อยมีความอยากอาหารแล้ว
มู่ซีซีเหลือบไปมองข้าวครึ่งชามที่วางอยู่ทางด้านหน้าของตัวเอง จากนั้นจึงพูดกับจี้หลิงชวนขึ้นเบาๆว่า “แต่… แต่ฉันรู้สึกเหมือนฉันจะอิ่มแล้ว… กินไม่ไหว ..”
เมื่อจี้หลิงชวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็ขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกับมองไปที่มู่ซีซีและพูดขึ้นว่า “ซีซี กินอีกหน่อยนะ กินอีกสองสามคำก็ยังดี ช่วงนี้เธอดูผอมไปแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้คุณค่าทางโภชนาการอาหารก็จะไม่ครบถ้วน ”
เมื่อได้ยินจี้หลิงชวนพูดแบบนี้ ป้าหลิงที่อยู่ทางด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่มู่ซีซีและกระซิบบอกเธอว่า“คุณซีซี คุณควรจะทานมากกว่านี้ เพราะอาหารพวกนี้คุณชายจี้ตั้งใจลุกขึ้นมาทำให้คุณตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ทานมากทานน้อยก็ทานสักหน่อยนะคะ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ป้าหลิงพูด มู่ซีซีก็รู้สึกใจอ่อนขึ้นมา เธอมองไปที่จี้หลิงชวนซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามด้วยความประหลาดใจ เดิมทีคิดว่ามีแค่ซุปร้อนเท่านั้นที่จี้หลิงชวนเป็นคนทำ แต่เธอไม่คิดเลยว่าอาหารทั้งห้าจานนี้จี้หลิงชวนจะเป็นคนทำด้วยตัวเองทั้งหมด
เมื่อเผชิญหน้ากับการสายตาที่มีความคาดหวังของจี้หลิงชวน มู่ซีซีรู้สึกว่าหากเธอไม่กินสักหน่อย เธอคงจะรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก
และอาหารทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นฝีมือของจี้หลิงชวนที่ทำให้เธอทานเป็นพิเศษ
เมื่อคิดได้อย่างนี้ มู่ซีซีก็หยิบตะเกียบที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมา จากนั้นก็เริ่มทานอย่างเชื่อฟัง
อันที่จริงมู่ซีซีก็ไม่อยากทำให้จี้หลิงชวนต้องผิดหวัง เธออดทนกัดฟันทานข้าวครึ่งชามจนหมด และทานอาหารอีกเล็กน้อย เมื่อรู้สึกว่าเธอทานไม่ไหวจริงๆแล้วเธอจึงวางตะเกียบลง มู่ซีซีมองไปที่จี้หลิงชวนพร้อมกับกล่าวว่า “จี้หลิงชวน…ฉันอิ่มมากจริงๆ กินต่อไม่ได้แล้ว”
แม้ว่าปริมาณการทานอาหารของมู่ซีซีในครั้งนี้จะยังไม่ค่อยมาก แต่เมื่อเทียบกันแล้วมันดีกว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนมาก!
ใบหน้าของจี้หลิงชวนปรากฏให้เห็นรอยยิ้มออกมา จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นลูบศีรษะของมู่ซีซี “อืม ถ้าอิ่มแล้วก็ไม่จำเป็นต้องกินต่อแล้วล่ะ”
จี้หลิงชวนคิดว่าต่อไปเขาจะต้องเข้าครัวทำอาหารให้บ่อยขึ้น ตราบใดที่สามารถทำให้มู่ซีซี ทานอาหารได้มากขึ้น แม้ว่าจะบุกน้ำลุยไฟเขาก็ยินยอม
“เมื่อกี้คุณเอาแต่ดูฉันกิน ฉันไม่เห็นคุณกินเลย คุณก็กินอะไรหน่อยเถอะนะ” มู่ซีซี มองไปที่ชามข้าวที่ยังไม่ได้ถูกแตะต้องของจี้หลิงชวน
เมื่อจี้หลิงชวนได้ยินที่มู่ซีซีพูดว่าเขายังไม่ได้ทานอาหารเลย ดังนั้นจี้หลิงชวนจึงพยักหน้าให้กับมู่ซีซีและเริ่มหยิบตะเกียบขึ้นมาทาน
หลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จ จี้หลิงชวนก็ยังคงไม่ค่อยวางใจ เขาได้สั่งป้าหลิงและบอดี้การ์ดให้คอยดูแลมู่ซีซีอยู่ที่บ้านให้ดี จากนั้นจึงเดินหันหลังออกไปขึ้นรถและขับรถไปที่บริษัทด้วยความอาลัยอาวอน