ขณะที่ลู่เฉินอันพูดเขาก็เชิดคางส่งสายตาให้ผู้ชายร่างใหญ่สองคนที่จับตัวจี้หลิงชวนไว้ ผู้ชายสองคนนั้นเข้าใจ จึงพยักหน้าให้ลู่เฉินอันอย่างมีมารยาท
จากนั้นจึงปล่อยตัวจี้หลิงชวน แล้วถอยหลังไปยืนอยู่ที่มุมห้องเงียบๆ
ลู่เฉินอันมองจี้หลิงชวนแล้วยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย จากนั้นก็ชี้โซฟาตรงข้ามตัวเองแล้วเอ่ยพูดกับจี้หลิงชวนอีกครั้งว่า “คุณชายจี้ นั่งก่อนสิครับ”
จี้หลิงชวนไม่ขยับ สายตาเอาแต่จ้องลู่เฉินอัน “คุณชายลู่ คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?! ซีซีอยู่ที่ไหน???”
“คุณไว้ใจเถอะครับ ตอนนี้คุณหนูมู่ปลอดภัยดี” ขณะพูดลู่เฉินอันก็ยกข้อมือข้างขวาขึ้นมา แล้วมองกวาดนาฬิกาบนข้อมือ จากนั้นสายตาค่อยหันมองไปทางจี้หลิงชวนแล้วยิ้มมุมปากอีกครั้ง “คุณชายจี้ ตอนนี้ยังพอมีเวลา เรามีนั่งคุยกันก่อนดีกว่า”
ขณะพูดเสียงของลู่เฉินอันก็หยุดลง จากนั้นค่อยพูดเสริมอีกว่า “ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณชายจี้พอดี”
ในใจจี้หลิงชวนเป็นห่วงมู่ซีซีมาก ได้ยินลู่เฉินพูดแบบนี้ คิ้วของเขาจึงขมวดแน่นกว่าเดิม แต่ว่าเมื่อกี้ได้ยินลู่เฉินอันบอกว่ามู่ซีซีไม่เป็นอะไร จี้หลิงชวนค่อยหักห้ามความร้อนรนใจไว้ แล้วนั่งลงตรงข้ามลู่เฉินอันอย่างใจเย็น
ในใจเขาก็สงสัยเหมือนกัน อยากรู้ว่าลู่เฉินอันอยากจะทำอะไรกันแน่
พอจี้หลิงชวนเพิ่งนั่งลง ลู่เฉินอันจึงไม่อ้อมค้อมอีก มองจี้หลิงชวนแล้วพูดตรงเข้าประเด็นว่า “คุณชายจี้ คุณยังจำได้ไหมครับว่าพ่อแม่คุณตายไปยังไง?”
พอลู่เฉินอันเอ่ยปากพูด แววตาของจี้หลิงชวนจึงหรี่ลงอย่างอันตราย
การจากไปอย่างกะทันหันของคุณพ่อคุณแม่จี้หลิงชวนเป็นบาดแผลในใจของเขา เพราะฉะนั้นจึงไม่ค่อยมีใครพูดถึงต่อหน้าจี้หลิงชวน
เรื่องนี้ผ่านไปหลายปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนพูดถึงต่อหน้าจี้หลิงชวน
สีหน้าจี้หลิงชวนจึงเข้มขรึมทันที แล้วจ้องลู่เฉินอันด้วยสายตาที่แหลมคม “ลู่เฉินอัน แกอยากจะพูดอะไรกันแน่!!!”
ลู่เฉินอันมองท่าทางจี้หลิงชวนที่พยายามหักห้ามความโมโหไว้ จึงเลิกมุมปากเอ่ยกับเขาว่า “คุณชายจี้ ดูเหมือนว่าตอนนี้คุณยังไม่รู้ความจริงของอุบัติเหตุรถชนครั้งนั้นสินะ”
จี้หลิงชวนได้ยินลู่เฉินอันพูดอย่างมั่นใจ ในใจจึงสั่นเกร็งทันที ความจริงของอุบัติเหตุรถชนอะไร? หรือว่านั่นไม่ใช่อุบัติเหตุ?
ตอนที่พ่อแม่จี้หลิงชวนเกิดอุบัติเหตุ ตอนนั้นเขาเพิ่งอายุสิบขวบ เรื่องอุบัติเหตุของคุณพ่อคุณแม่ทั้งหมดนายหญิงจี้เป็นคนจัดการเอง
เพราะฉะนั้นตอนนั้นจี้หลิงชวนได้ยินนายหญิงบอกแค่ว่าพ่อแม่ตัวเองเกิดอุบัติเหตุ แล้วจากไปเพราะอุบัติเหตุรถชน
ครั้งสุดท้ายที่จี้หลิงชวนเจอหน้าคุณพ่อคุณแม่ก็อยู่ที่พิธีงานศพ
แต่ตอนนี้ได้ยินลู่เฉินอันพูดแบบนี้ หรือว่าอุบัติเหตุตอนนั้นมีเงื่อนงำงั้นเหรอ???
จี้หลิงชวนกัดฟันแน่น หักห้ามความสงสัยไว้ในใจ พยายามบังคับให้ตัวเองใจเย็น จากนั้นสายตาที่เยือกเย็นจึงมองไปที่ลู่เฉินอัน แล้วพูดกับเขาทีละคำว่า “ลู่เฉินอัน แกอยากจะพูดอะไรกันแน่?!”
ลู่เฉินอันฟังสิ่งที่จี้หลิงชวนพูดแล้วยิ้มอ่อน แล้วเอาแต่เล่นบุหรี่ในมือพร้อมหัวเราะเสียงเบา “ดูเหมือนว่าคุณชายจี้ไม่รู้จริงๆว่าตอนนั้นเกิดเรื่องอะไร”
“ในเมื่อคุณชายจี้ไม่รู้ งั้นผมก็ยินดีจะบอกคุณว่าตอนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
จากนั้นลู่เฉินอันก็ล้วงไฟแช็กออกมา เสียงดังแกร็ก ลู่เฉินอันจุดไฟแช็ก แล้วยื่นบุหรี่ไปในเปลวไฟ หรี่ตาลงแล้วสูบบุหรี่เข้าไปแล้วพ่นควันสีเทาออกมา สายตาค่อยหันไปทางจี้หลิงชวนอีกครั้ง “ตอนนั้น ไม่ใช่แค่พ่อแม่คุณที่ตาย แม่ของผมก็ตายในอุบัติเหตุครั้งนั้นด้วย”
ลู่เฉินอันเหมือนจมอยู่ในความทรงจำแล้วเอ่ยอีกว่า “อ้อ ใช่สิ คุณชายจี้คงยังไม่รู้จักแม่ผม งั้นผมก็จะแนะนำท่านให้คุณรู้จัก แม่แท้ๆของผม ก็คือชู้ที่พ่อคุณแอบคบอยู่ข้างนอก”
เสียงของลู่เฉินอันเพิ่งจบลง สีหน้าจี้หลิงชวนจึงเปลี่ยนทันที แล้วลุกขึ้นจากบนโซฟาอย่างฉับพลัน คิ้วของเขาขมวดแน่น สายตาเอาแต่จ้องลู่เฉินอันแล้วพูดแทรกว่า “ลู่เฉินอัน! แกหุบปากเดี๋ยวนี้!!! พ่อฉันไม่มีทางมีผู้หญิงคนอื่นข้างนอก!!!”
ในความทรงจำของจี้หลิงชวน พ่อจี้กับแม่จี้รักกันมาก คุณพ่อที่รักตัวเองกับคุณแม่มากขนาดนั้นจะมีชู้ข้างนอกได้ยังไง?
จี้หลิงชวนเพิ่งเอ่ยเถียงออกไป สายตาของลู่เฉินอันที่มองจี้หลิงชวนก็เหมือนเดาออกแล้วยิ้มอย่างเย็นชา
ทันใดนั้น ลู่เฉินอันจึงหยิบรูปถ่ายเก่าๆจากในลิ้นชักออกมาแล้วโยนไปที่หน้าจี้หลิงชวน
สายตาจี้หลิงชวนจึงมองไปที่รูปถ่ายเก่าๆเหล่านั้น แว็บเดียวก็มองออกแล้วว่าคนในรูปคือใคร
ผู้ชายคนหนึ่งที่ยังหนุ่มอยู่ ที่แขนข้างซ้ายอุ้มเด็กทารกเพิ่งคลอดไม่กี่เดือนอยู่ มือข้างขวาก็กอดเอวผู้หญิงร่างเล็กอย่างแนบชิด พร้อมมองผู้หญิงคนนั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
สายตาจี้หลิงชวนเอาแต่จ้องผู้ชายในรูปถ่าย ถึงแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว แต่จี้หลิงชวนจะจำผิดได้ยังไง เพราะผู้ชายคนนั้นคือพ่อแท้ๆของจี้หลิงชวน!!!
แต่ว่าเด็กทารกที่พ่อจี้อุ้มอยู่กลับไม่ใช่จี้หลิงชวน ผู้หญิงที่กอดอยู่ก็ไม่ใช่แม่จี้ด้วย
มือทั้งสองข้างของจี้หลิงชวนกำหมัดแน่น ทันใดนั้น ห้องที่เงียบสงบจึงมีเสียงของลู่เฉินอันดังขึ้นว่า “คุณชายจี้ ผู้ชายในรูปถ่ายคุณคงคุ้นเคยมากใช่ไหมครับ คงไม่ต้องให้ผมแนะนำแล้ว ผู้หญิงในรูปถ่ายคือแม่ผม เด็กผู้ชายที่อุ้มอยู่ก็คือผมเอง”
ในห้องข้างๆอีกห้อง ตอนที่มู่ซีซีได้ยินสิ่งที่ลู่เฉินอันพูดเมื่อกี้ ถึงแม้ในใจจะเดาได้เพราะคำพูดก่อนหน้านั้นของเขาแล้ว แต่พอได้ยินเขาพูดออกมาเองมู่ซีซีก็ยังรู้สึกอึ้งอยู่ดี
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าลู่เฉินอันจะเป็นพี่น้องต่างแม่ของจี้หลิงชวน!!!
สายตาที่ตกใจของมู่ซีซีจึงมองผ่านกระจกแล้วมองไปที่ใบหน้าของลู่เฉินอัน
มู่ซีซีค่อยรู้สึกตกใจ ถึงว่าล่ะแว็บแรกตอนนั้นที่เห็นลู่เฉินอันเธอถึงรู้สึกว่าโครงหน้าคล้ายจี้หลิงชวน พอตอนนี้ลองมองสำรวจใบหน้าที่หล่อเหลาของลู่เฉินอันดีๆกลับพบว่าหน้าของเขาเหมือนจี้หลิงชวนมาก!
นี่อาจจะเป็นพันธุกรรมที่จี้หลิงชวนกับลู่เฉินอันได้มาจากพ่อจี้