คุณพระช่วย!
ถ้าคุณตารู้เรื่องนี้จริงๆ ก็น่าอายเกินไปแล้วจริงๆ!
ใบหน้าของเป๋าฮวนเป็นสีแดงทันที และสมองก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่ายังคงสั่นอยู่
อย่างไรก็ตาม ตามหลักแล้วลุงของเขาเป๋าเฉินไม่ใช่ผู้ชายประเภทพูดมากยุ่งเรื่องคนอื่น ไม่น่าจะเป็นคนริเริ่มบอกคุณตา และเรื่องที่น่าอายแบบนี้ ก็เกิดขึ้นกับตัวเองและเฟิงหานชวนตามลำพัง……
ดังนั้น เป็นไปได้ไหมว่าเฟิงหานชวนเพื่อจะได้ความเห็นชอบของบริษัท เลยบอกเรื่องนี้แก่คุณตา ดังนั้นคุณตาถึงยอมให้เขาตามจีบตัวเอง?
“เฟิงหานชวน คุณมากเกินไปแล้ว! เรื่องแบบนี้พูดออกไปได้ยังไงกัน?” แก้มของเป๋าฮวนแดงก่ำทั้งสองข้าง ดูเหมือนเขินอาย แต่ดวงตาที่เปียกชื้นมีเปลวไฟแห่งความโกรธ
เฟิงหานชวนตกใจเล็กน้อยแล้วถามว่า: “ฮวนฮวน เรื่องแบบนี้ทำไมจะพูดไม่ได้?”
ในความเห็นของเขา เรื่องตามจีบเป๋าฮวนนี้เป็นเรื่องที่ชัดเจนมาก แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูด นายท่านเป๋าก็ดูออก
ยิ่งไปกว่านั้น การพูดคุยเมื่อครู่นี้เป๋าเยี่ยนยังเป็นคนริเริ่มพูดคุยกับเขาเอง
“คุณ——คุณหน้าด้านไร้ยางอาย!”
เมื่อเป๋าฮวนเห็นเฟิงหานชวนมีท่าทีว่าเป็นเรื่องโดยธรรมชาติ ความโกรธในใจของเป๋าฮวนก็ยิ่งรุนแรงขึ้น เธอแค่ลนลานหวาดกลัว
คิดไม่ถึงว่าปากของเฟิงหานชวนจะใหญ่เพียงนี้ และไม่มีความรู้สึกละอายเลย ถึงขนาดสามารถพูดคุยเรื่องแบบนี้กับผู้อาวุโสได้อย่างยิ่งใหญ่รโหฐาน
เพียงแค่ทำให้เธอหงุดหงิดเจียนตาย!
“ฮวนฮวน ผมไม่คิดว่าตามจีบคุณจะเป็นเรื่องหน้าด้านไร้ยางอาย” เฟิงหานชวนรู้ดีว่าตอนนี้เป๋าฮวนยังไม่เต็มใจ แต่ว่ามีเพียงแค่เขามีความหน้าด้านถึงจะมีความหวังอยู่
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เป๋าเยี่ยนก็ไม่ได้คัดค้าน อีกทั้งหลังจากที่มาที่ประเทศเฉินในครั้งนี้ เขามั่นใจว่าเป๋าฮวนยังคงไม่ลืมเขา ดังนั้นเพียงแค่เขาพยายาม เป๋าฮวนจะกลับมาหาเขาอย่างแน่นอน
“คุณ คุณ คุณ……”
เมื่อเห็นว่าเฟิงหานฉวนไม่มีความละอายใดๆ เป๋าฮวนแค่รู้สึกว่าตัวเองโกรธเจียนตายจริงๆ และพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ
เมื่อเห็นท่าทางเป๋าฮวนโกรธและโมโหมาก เฟิงหายชวนขมวดคิ้วและถามว่า “คุณเกลียดผมมากขนาดนี้จริงๆเหรอ?”
“ฉันเกลียดคุณแน่นอน ฉันเกลียดคุณเจียนตะตายอยู่แล้ว! คุณเพียงแค่——คุณเพียงแค่เป็นคนที่กากมาก!” เป๋าฮวนดุด่าและพยายามจะดิ้นรนลุกขึ้นจากตัวของชายหนุ่ม
เฟิงหานชวนถูกดุด่า รู้สึกไม่สบายใจ และไม่ได้ห้ามเธอ เป๋าฮวนเพิ่งยืนได้มั่น จู่ๆเครื่องบินก็กระแทกและเธอก็ล้มลงอยู่ในอ้อมแขนของชายคนหนุ่มอีกครั้ง
“คุณบอกว่าผมกากไม่ใช่เหรอ? ทำไมมานอนอยู่ในอ้อมแขนผมอีกหล่ะ?” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เขาโกรธนิดหน่อย โกรธแบบงอน
เป๋าฮวน : “……”
เงียบไปครู่หนึ่งเธอพูดเสริมอีกว่า “ฉันยืนไม่มั่น ฉันจะลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!”
เพียงแต่ว่าเมื่อเธอต้องการจะลุกขึ้น ฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มก็รั้งเอวเธอไว้และถามอย่างเย็นชาว่า “ฮวนฮวน ที่แท้ผมทำอะไรผิด? ตามจีบคุณก็เป็นความผิดของผมหรือ?”
“……”
เป๋าฮวนกระตุกมุมปาก เธอพบว่าผู้ชายคนนี้ไม่เพียงแต่จะไม่รู้สึกละอายใจ แต่กลับยังมั่นอกมั่นใจอย่างมาก
“ตามจีบฉันไม่ใช่เรื่องผิด เพราะตามจีบใครก็เป็นสิทธิเสรีภาพส่วนตัวของคุณ แต่คุณเอาเรื่องส่วนตัวของเราออกมาพูดคุยกับคุณตา คุณน่าขยะแขยงไหม?” เป๋าฮวนจ้องเขาตาเขม็งด้วยความโกรธ
“เรื่องส่วนตัว?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ค่อยเข้าใจและพูดว่า “ผมต้องการตามจีบคุณ ไม่สามารถพูดได้ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”
“สุดท้ายแล้ว คุณเพิ่งพูดว่าตามจีบใครเป็นเรื่องของผมเอง เป็นสิทธิเสรีภาพส่วนตัวของผม ไม่ใช่หรือ?”
เป๋าฮวนฟังจบ พบว่าเฟิงหานชวนก็ยังไม่ได้พูดถึงประเด็นสำคัญ เธอมองไปที่เฟิงหานชวนด้วยลักษณะที่สับสนและสงสัย เห็นได้ชัดว่าเฟิงหานชวนไม่ได้ตระหนักถึงปัญหาร้ายแรงนี้
“ฉันไม่ได้หมายถึงตามจีบหรือไม่ตามจีบ คุณยังไม่รู้ถึงข้อผิดพลาดของตัวเอง ปกติคุณชอบพูดคุยเรื่องแบบนั้นกับคนอื่นใช่ไหม ดังนั้นจึงรู้สึกว่าไม่เห็นด้วย?” เป๋าฮวนคิดแบบนี้
“เรื่องแบบนั้น?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วมากขึ้น
“ก็คือฉัน……ฉันจะกับคุณ……เรื่องแบบนั้นสองคืนไง!” เป๋าฮวนรู้สึกว่าเธอยังคงอนุรักษ์นิยมเกินไป และเธอยังคงไม่สามารถพูดถึงเรื่องแบบนี้อย่างเปิดเผยได้
และในขณะนี้มีเพียงเธอกับเฟิงหานชวนแค่สองคนในเครื่องบินนี้
หลังจากฟังคำพูดที่ลังเลของเป๋าฮวน ในที่สุดก็รู้ว่าเป๋าฮวนเข้าใจผิดอะไรแล้ว ปรากฎว่าคนสองคนไม่ได้พูดคุยในเรื่องเดียวกันเลย
“คุณคิดว่าผมบอกเรื่องที่เราสนิทสนมกันกับคุณตาหรือ?” เฟิงหานชวนอดหัวเราะไม่ได้
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้สำนึกผิดเลย แล้วยังถามตัวเองกลับ เป๋าฮวนจ้องเขาตาเขม็งอีกครั้ง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “หรือไม่ใช่?”
“ไม่ใช่แน่นอน” เฟิงหานชวนหัวเราะออกมาดังๆ และเสียงหัวเราะดั่งแม่เหล็กก็สะท้อนอยู่ในห้องผู้โดยสาร ซึ่งดูน่าดึงดูดเป็นพิเศษ
เมื่อเป๋าฮวนได้ยินการปฏิเสธของเฟิงหานชวน ก็ตกตะลึงทันที
ไม่ใช่แน่นอน?
นี่หมายความว่า เขาไม่ได้บอกเรื่องแบบนั้นของเราสองคนกับคุณตา?
งั้นเมื่อครู่……
เป๋าฮวนทบทวนบทสนทนาระหว่างทั้งสองคนเมื่อครู่อย่างละเอียดถี่ถ้วน ทันทีที่เธอจัดการความคิดได้ เสียงของชายหนุ่มก็ดังขึ้นข้างหูของเธอ: “คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมและคุณตาของคุณคุยกันเป็นเพียงเรื่องผิวเผิน ตัวอย่างเช่น ผมรักคุณเสมอมา ผมยังอยากตามจีบคุณต่อไป ส่วนสถานการณ์ที่ลึกซึ้ง คุณตาของคุณไม่รู้ ผมไม่ได้พูดเลยสักคำ มีเพียงเราสองคนเท่านั้นที่รู้……”
เสียงของชายหนุ่มมีความเย้ายวนที่อธิบายไม่ถูก เป๋าฮวนฟังแล้วรู้สึกราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกาย รู้สึกชา เหมือนว่ากำลังจะโดนไฟฟ้าช็อต
แต่ว่า จู่ๆเธอก็พูดอย่างเหม่อลอย ปฏิเสธคำพูดของเฟิงหานชวน: “ไม่ใช่มีแค่เราสองคน”
เฟิงหานชวน: “???”
“ไม่ใช่มีแค่เราสองคนเท่านั้นที่รู้?” เขาถามอีกครั้งเพื่อยืนยัน
เป๋าฮวนพยักหน้าอย่างโง่เขลาและตอบว่า “อืม”
“มีใครอีก?” สีหน้าของเฟิงหานชวนเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูเล็กน้อย
“เอ่อ ยังมีลุงของฉันเป๋าเฉิน รวมทั้งพี่น้องสองคนในห้องเครื่องถัดไป อามั่วกับอาเหลิ่ง” เป๋าฮวนดูเหมือนจะสังเกตเห็นว่าความดันอากาศในร่างกายของเฟิงหานชวนลดลง และเธอก็แลบลิ้นออกมาอย่างเขินอาย
เฟิงหานชวน: “……”
จู่ๆเขาก็ร้องไห้หัวเราะไม่ออก ยิ่งกว่านั้นมีความโกรธด้วย
“คุณไม่อนุญาตให้ผมพูดออกไป แต่คุณกลับนำเรื่องส่วนตัวแบบนี้บอกกับผู้ชายสามคน?” เฟิงหานชวนไม่เข้าใจเป๋าฮวนในตอนนี้จริงๆ
หากบอกกับผู้หญิง ก็เป็นเรื่องนินทาระหว่างเพื่อนรักอะไรทำนองนั้น เขาก็จะไม่รู้สึกอึดอัดใจ แต่ว่า เป็นผู้ชายสามคน และเป็นผู้ชายที่บรรลุนิติภาวะ ทั้งหมดไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเป๋าฮวน!
เขาเคยพบกับเป๋าเฉิน เขารู้ว่าแม้ว่าเป๋าเฉินจะเป็นลุงของเป๋าฮวน แต่เป็นเพียงลูกชายบุญธรรมของเป๋าเยี่ยน
สีหน้าของเฟิงหานชวนเริ่มหมองคล้ำ
ในเวลานี้เป๋าฮวนคืนสติ จู่ๆก็พบเรื่องร้ายแรงเรื่องหนึ่ง ดูเหมือนว่าเธอ…….จะหลุดปากพูดแล้ว!
เป๋าเฉิน จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่ง รู้เรื่องเธอกับเฟิงหานชวน เพราะพวกเขาคิดว่าเธอแค่ยืมเมล็ดพันธุ์ แน่นอนว่าเธอคิดอย่างนี้ในตอนนั้น เลยพูดไปอย่างนี้
แต่ตอนนี้เธอพลั้งปากไปแล้ว ถ้าเธอต้องการปกปิดเรื่องที่เธอยืมเมล็ดพันธุ์ แล้วเฟิงหานชวนจะคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไร้ยางอาย และชอบพูดถึงเรื่องส่วนตัวแบบนี้กับผู้ชาย
ยิ่งกว่านั้น เธอเพิ่งดุด่าเฟิงหานชวน ด่าเขาหน้าด้านไร้ยางอาย ด่าเขาน่าขยะแขยง ส่วนตอนนี้——
ถึงคราวของตัวเองแล้ว?