เป๋าฮวนฟังออกว่าคุณตาแอบต่อต้านเฟิงหานชวน
เธอรู้ว่าคุณตาไม่ชอบเฟิงหานชวน สาเหตุที่ไม่ชอบเฟิงหานชวนน่ะเหรอ ความจริงอาจเป็นเพราะ “คุณงามความดี” ของเธอล่ะมั้ง!
“คุณเป๋า กระผมเป็นผู้น้อย ท่านเกรงใจเช่นนี้ เฟิงหานชวนรับไม่ไหว” ใบหน้าของเฟิงหานชวนมืดครึ้มลงเล็กน้อย ทว่าคำพูดของเขาสุภาพมาก เพียงแต่แสดงอาการไม่พอใจเล็กน้อยเท่านั้น
ทันใดนั้น เป๋าเยี่ยนก็หัวเราะ ลูบเคราสีขาวของตัวเอง เขาพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ดี มีความกล้าหาญ!”
ยังไม่ทันรอให้เฟิงหานชวนเอ่ยตอบ เป๋าเยี่ยนก็กล่าวต่อเสียก่อน “คุณเป็นโรคนี้มาสามปีแล้วเหรอ”
ตอนเช้า เป๋าเยี่ยนยังไม่ได้พูดคุยกับเฟิวหานชวน เพราะว่าเฟิงหานชวนยังไม่รู้สึกตัว หลังจากที่เขาตื่นขึ้น เป๋าเยี่ยนก็ไม่อยู่แล้ว
“ครับ สามปีแล้ว” เฟิงหานชวนไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเป๋าเยี่ยน แต่ก็ตอบคำถามนี้
“เป็นเพราะฮวนฮวนของเรา คุณถึงได้ป่วยใช่ไหม” เป๋าเยี่ยนไม่ได้อ้อมค้อมใดๆ เลยแม้แต่น้อย เขาถามไปตามตรง
เป๋าฮวนอยากจะห้ามปราม ทว่าไม่รู้จะพูดอย่างไร เธอดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจว่าในใจของคุณตากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“ครับ” เฟิงหานชวนยังคงตอบตามความจริง
“เพราะความละอายใจเหรอ หรือเพราะความกลัว” เป๋าเยี่ยนเอ่ยถามต่อ
เฟิงหานชวนหลุบตาลงมองต่ำ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ทั้งความละอายใจ ไม่ใช่ทั้งความกลัว”
“เป็นความเสียใจครับ”
“ภรรยาของผมจากไปด้วยการฆ่าตัวตาย ความรู้สึกแบบนี้ บางทีอาจจะไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจ”
เป๋าเยี่ยนถึงกับพูดไม่ออก เป๋าฮวนก็ชะงักงันอยู่กับที่
เฟิงหานชวนคาดเดาไว้นานแล้ว ว่าการฆ่าตัวตายของเป๋าฮวน หากไม่ได้ความช่วยเหลือจากเป๋าเยี่ยน คงไม่มีทางทำสำเร็จ
ศพผู้หญิงที่นำมาแทน การวินิจฉัยของแพทย์นิติเวชชื่อดัง การยืนยันตัวตนของตำรวจ และอื่นๆ ตระหง่านอยู่ต่อหน้าเขา ความจริงทั้งหมดถูกปกปิดไว้
นี่ไม่ใช่สิ่งที่เป๋าฮวนสามารถทำคนเดียวได้
“อันที่จริง ความตายทำให้คนทุกข์ยิ่งกว่าการจากไปซะอีก” เฟิงหานชวนกล่าวเสียงเบา บางทีตอนนี้พอนึกย้อนกลับไป ความเจ็บปวดที่บีบเค้นหัวใจของเขาในตอนแรก ตอนนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับมันได้อย่างสงบนิ่งแล้ว
เพราะว่า เป๋าฮวนยังมีชีวิตอยู่ ก็เท่านั้นเอง
ดังนั้น ไม่มีความโศกเศร้าที่ทำให้รู้สึกทุกข์ระทมยิ่งกว่าตอนนั้นแล้ว
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องในอดีตแล้ว กินข้าวเย็นกันก่อนเถอะ” เป๋าเยี่ยนเห็นหลานของตัวเองผิดปกติไปเล็กน้อย จึงกระแอมไอทีหนึ่ง เพื่อห้ามปรามไม่ให้เฟิงหานชวนพูดอะไรต่อ
เฟิงหานชวนไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เขาพยักหน้าน้อยๆ แล้วเริ่มหยิบตะเกียบขึ้นมา ก่อนจะคีบ*ไก่น้ำลายสอมาหนึ่งชิ้น แล้ววางลงบนจานของเป๋าฮวน
เป๋าฮวน “?”
เธอมองไปที่เฟิงหานชวนด้วยใบหน้างุนงง นี่…มันอะไรกัน
เฟิงหานชวนก็มองเธอเช่นกัน เขาเพียงยิ้มน้อยๆ และกล่าวว่า “ผมจำได้ว่าคุณชอบเมนูนี้มาก”
เป๋าฮวน “…”
เธอชอบมันจริงๆ แต่ว่า ตอนนี้เขาทำแบบนี้ ไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่า
เธอไม่ได้รับปากว่าจะอยู่กับเขา เขาคีบอาหารให้เธอ การกระทำที่สนิทสนมแบบนี้ จงใจอยากให้คุณตาเข้าใจผิดหรือเปล่า
ผลออกมาตามคาด วินาทีต่อมา เสียงของเป๋าเยี่ยนดังขึ้น น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความเย็นชาเล็กน้อย “คุณเฟิง ฮวนฮวนของพวกเรามีมือมีเท้า คีบอาหารเองได้”
แม้ว่าเป๋าเยี่ยนจะพูดเช่นนี้ ทว่าคำพูดของเขาไม่ได้ปฏิเสธความจริงที่ว่าเป๋าฮวนชอบกินไก่น้ำลายสอ เพราะว่าเป๋าฮวนชอบกินมันจริงๆ
รสนิยมไม่ใช่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ในเวลาอันรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้น ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง
“คุณเป๋า เมื่อก่อนผมก็คีบอาหารให้ฮวนฮวน ฮวนฮวนก็ชอบกินอาหารที่ผมทำมาก ถ้ามีโอกาสผมจะทำให้เธอกินต่อไป” เฟิงหานดูเหมือนจะไม่เกรงกลัว น้ำเสียงยังแฝงไว้ด้วยความหนักแน่น
เป๋าฮวน “…”
เป๋าฮวนถึงกับพูดไม่ออกอีกครั้ง เธอชอบอาหารที่เฟิงหานชวนทำมากจริงๆ และข้อนี้เธอไม่อาจปฏิเสธได้จริงๆ
เมื่อเห็นว่าหลานสาวของตัวเองไม่พูด กลับเอาแต่ก้มหน้างุด เป๋าเยี่ยนรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าเด็กโง่คนนี้นี่ ตั้งสามปีแล้ว ไม่มีอะไรพัฒนาเลยสักนิด
เป็นแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดนเจ้าเฟิงหานชวนคนนี้ล่อลวงอีกแล้ว!
“เฮ้อ!” เป๋าเยี่ยนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันไปมองเฟิงหานชวน แล้วถามว่า “ทุกคนเรียกคุณว่าหานชวน?”
“ครับ คุณเป๋าเรียกผมว่าหานชวนก็ได้ครับ” เฟิงหานชวนตอบอีกครั้ง
ประมาณสิบนาทีที่แล้ว เขาขอให้เป๋าเยี่ยนเปลี่ยนคำเรียก เป๋าเยี่ยนไม่สนใจ ตอนนี้เขากลับเป็นฝ่ายถามก่อน เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะการยอมรับของเป๋าฮวน เขาจึงรู้สึกโล่งใจ
จู่ๆ เฟิงหานชวนก็รู้สึกว่า สิ่งที่ตัวเองเพิ่งทำไปนั้นถูกต้อง
เมื่อมองเฟิงหานชวนที่อยู่ตรงหน้า ทันใดนั้น เป๋าฮวนก็ตกอยู่ในห้วงความทรงจำในอดีต ตอนที่เธออยู่บ้านเก่าแก่ของตระกูลเฟิง ตอนนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าเธอกับเฟิงหานชวนเป็นสามีภรรยากัน ไม่ใช่เฟิงเฉินเหยี่ยน
คืนนั้น เธอและเฟิงหานชวนนอนอยู่บนเตียง ทั้งสองพูดคุยกัน เฟิงหานชวนให้เธอตั้งชื่อเล่นให้กับเขา เธอบังเอิญพูดชื่อหนึ่งออกมา ชื่อว่า “อาหาน”
หลังจากโพล่งชื่อนี้ออกไป เธอก็เห็นว่าสีหน้าของเฟิงหานชวนเปลี่ยนไป ดูไม่ค่อยดีนัก เหมือนจะชะงักไปเล็กน้อย ตอนนั้นเธออารมณ์ไม่ดีขึ้นมาทันที
เพราะเธอคิดว่า ชื่อนี้อาจเป็นชื่อเล่นที่รักแรกของเฟิงหานชวนมอบให้เขา ด้วยเหตุนี้เธอจึงโกรธเคืองเล็กน้อย ทว่าเรื่องเข้าใจผิดนี้ไม่นานก็ได้รับคำอธิบาย
คำอธิบายนี้ นายท่านตระกูลเฟิงอธิบายให้เธอฟังว่า มันเป็นชื่อที่แม่ของเฟิงหานชวนเรียกเขา คนอื่นไม่สามารถเรียกเขาเช่นนั้นได้ ทว่าตั้งแต่เธอปรากฎตัว ชื่อนี้ก็กลายเป็นชื่อเฉพาะของเธอสำหรับเขา…
ตั้งแต่นั้นมา เธอก็เรียกเขาว่า “อาหาน” นอกจากเธอ และแม่ของเขาที่จากไป ก็ไม่มีใครอีกแล้ว
ในขณะที่เธอกำลังเหม่อลอย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เสียงของคุณตาเป๋าเยี่ยนก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ก็ได้ ยังไงนายก็เป็นเด็ก ฉันเป็นผู้อาวุโสเรียกนายว่าคุณ อันที่จริงก็ไม่สอดคล้องกับธรรมเนียมของประเทศฮัว ยังไงประเทศฮัวก็เป็นประเทศที่ต้องลำดับความอาวุโส ไม่เหมือนกับประเทศเฉิน”
เป๋าเยี่ยนกล่าวอย่างจริงจัง ทว่าดูเหมือนว่าเขากำลังหาข้ออ้างให้ตัวเอง อย่างไรเสีย ตอนแรกเขาไม่ต้องการกลับคำพูด และไม่ต้องการใกล้ชิดกับเฟิงหานชวนมากขึ้น
“ถ้าตามธรรมเนียมของประเทศฮัว ผมควรเรียกคุณว่า…คุณตา” เฟิงหานชวนยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ยปากบอกไป
“นาย…นายได้คืบจะเอาศอกอีก!” เป๋าเยี่ยนตบโต๊ะ สีหน้าพลันจริงจังขึ้นมา “ฉันกับพ่อของนายเฟิงเหลยถิงเป็นรุ่นเดียวกัน สมัยหนุ่มๆ ก็เคยติดต่อกัน นายเป็นลูกชายของเขา ว่ากันตามเหตุผลแล้วนายควรเรียกฉันว่าคุณอา หรือคุณตา?”
“ใครเป็นตาของนาย” เป๋าเยี่ยนจ้องเขาตาเขม็ง
เฟิงหานชวน “…”
เป๋าฮวน “…”
หญิงสาวรู้สึกได้ทันทีว่า การลำดับรุ่นมั่วไปหมดแล้ว!
วุ่นวายกันไปหมดแล้ว!
“คุณตาคะ คุณตาอย่าโกรธเลยค่ะ เขาไม่ได้ตั้งใจ” เป๋าฮวนคิดว่าคุณตาของเธอโกรธจริงๆ ทั้งตบโต๊ะ ทั้งจ้องเขาอย่างโกรธเคือง
เธอรีบลงไปนั่งยองๆ ข้างคุณตา เอื้อมมือไปจับแขนขวาของเขา ก่อนจะกล่าวอย่างออดอ้อน “เฟิงหานชวนคิดว่าตัวเองเป็นคนรุ่นเดียวกันกับหนู ดังนั้นจึงเรียกคุณตาว่าตา คุณตาอย่าจริงจังไปเลยค่ะ ก็แค่เรียกโดยไม่ทันคิด เขาไม่ได้ว่าคุณตาแก่เลยนะคะ”
“คุณตา ผมไม่ได้เรียกผิดหรอกครับ” เฟิงหานชวนกล่าวต่อไปด้วยท่าทีสงบนิ่ง จากนั้นลุกขึ้นจากที่นั่งของตัวเอง แล้วเดินไปด้านข้างของเป๋าฮวน ก่อนจะโค้งคำนับให้เขาอย่างสุดซึ้ง
ในเวลาเดียวกันนั้น เป๋าเยี่ยนและเป๋าฮวนต่างตกตะลึง ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจสิ่งที่เฟิงหานชวนพูด เขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่
จนกระทั่งคำอธิบายของเฟิงหานชวนดังขึ้นอีกครั้ง “สามปีก่อนผมกับฮวนฮวนเป็นสามีภรรยากัน ตอนนั้นจนถึงตอนนี้เราไม่เคยหย่าร้างกัน ในชีวิตของผม ปรากฎเพียงคำว่าคู่สมรสเสียชีวิตเท่านั้น
“แต่ความจริงพิสูจน์แล้วว่า คู่สมรสเสียชีวิตเป็นเรื่องโกหก ดังนั้น คู่สามีภรรยาคือเรื่องจริง”
“ในเมื่อฮวนฮวนเป็นภรรยาของผม ตามความอาวุโสในครอบครัว ผมควรเรียกคุณว่าคุณตานะครับ”
……
*ไก่น้ำลายสอ คือ เมนูไก่ขึ้นชื่อแถบเสฉวน จัดอยู่ในประเภทอาหารเย็น