“ฉันก็อยากถามเธอเหมือนกัน ทำไมเธอต้องกลัวว่าฉันจะปรากฏตัวที่นี่?”
ถึงวารุณีจะลดระดับเสียงลง แต่ความทรงพลังที่จู่ๆก็เข้ามานั้นกลับทำให้พิชญารู้สึกถึงความกดดัน
พิชญาปฏิเสธทันที“ฉันเปล่า”
“ตลกจริงๆ ตอนนี้เธอมีอะไรให้ฉันรู้สึกกลัวเหรอ?”
ถึงแม้ใบหน้าพิชญาจะพูดคำนี้ออกมาอย่างมั่นใจ แต่ในใจนั้นไม่ใช่หน่อยๆ
เพราะว่าความรู้สึกที่วารุณีให้เธอต่างกับห้าปีก่อน แต่ตรงไหนที่ต่างไปนั้น ก็พูดไม่ออก
วารุณีมองออกว่าพิชญากำลังโกหก
แต่เวลานั้น เธอก็หาเหตุผลที่พิชญาโกหกไม่เจอ
เห็นว่างานเลี้ยงจะเริ่มขึ้นแล้ว วารุณีคิดว่าตัวเองยังมีธุระต้องทำ จึงปล่อยพิชญา หันกลับเข้าไปในห้องงานเลี้ยง
เห็นวารุณีกลมกลืนเข้ากับฝูงคน พิชญาจึงกระทืบเท้าแรงๆ
“คุณพิชญา ทำไมคุณมาอยู่นี่ งานเลี้ยงจะเริ่มขึ้นแล้ว”พิชญากำลังโกรธอยู่นั้น ทันใดนั้นเองเมธาวีคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลแววสูงเนิน ก็เดินเข้ามาทักทายเธอจากด้านหลัง
“ฉันออกมาสูดอากาศค่ะ”พิชญายิ้มให้แล้วหันกลับไป มองไปที่เมธาวี
ตอนที่พูด สายตาของเธอก็มองไปที่สร้อยเพชรมูลค่าหลายสิบล้านเส้นหนึ่งที่สวมไว้ตรงคอเมธาวี
ทันใดนั้น ในหัวของพิชญาก็คิดวิธีจัดการกับวารุณีออก
สองทุ่มครึ่ง กิจกรรมบริจาคสาธารณประโยชน์จึงเริ่มอย่างเป็นทางการ
คนในงาน ภายใต้การแนะนำของเจ้าภาพ ทุกคนต่างรีบมาที่ห้องโถง
ภายนอกงานเลี้ยงนี้ดูเป็นกิจกรรมการบริจาค ที่จริงแล้วกลับเป็นกิจกรรมที่คนตระกูลแววสูงเนินเลือกพันธมิตรในโครงการต่อไป
ดังนั้นคนพวกนี้ต่างแอบแข่งกัน
ยกเว้นวารุณีคนเดียวที่ยืนอยู่ด้านหลัง วันนี้เธอมาที่นี่ก็แค่เยี่ยมเยียนเพื่อนรักแทนอาจารย์
กิจกรรมบริจาคดำเนินการไปได้ครึ่งทาง คนตระกูลแววสูงเนินก็ยังไม่ปรากฏตัว
วารุณีเดาว่า คืนนี้ได้เจอคนตระกูลแววสูงเนินก็มีแค่คนที่บริจาคมากที่สุด
ถ้าเธออยากเห็นนายท่านวัชระ ก็ได้แต่หาหนทางอื่น
วารุณีกัดริมฝีปาก ตอนที่คิดว่าทำอย่างไรถึงจะได้เจอคนตระกูลแววสูงเนิน ก็ไม่ทันสังเกตเห็นบริกรถือถาดไวน์คนหนึ่งเดินเข้ามา
วารุณีก้าวออกไป ทั้งสองก็ชนเข้าหากัน
ดีที่ถาดไวน์ในมือของบริกรนั้นว่าง เลยไม่ได้สร้างปัญหาใหญ่มากนัก
กลับเป็นวารุณีที่จะปกป้องของขวัญในมือ จึงเอากระเป๋าถือวางไว้ข้างๆ
“คุณผู้หญิง ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ”บริกรรีบโค้งตัวขอโทษ
วารุณีเห็นอีกฝ่ายเป็นเด็กแค่สิบกว่าปี และไม่น่าจะตั้งใจ เลยพูดอย่างไม่ได้ติดใจเอาความ“ไม่เป็นไรค่ะ”
พูดไป วารุณีก็เดินไปทางห้องน้ำ ลืมเรื่องกระเป๋าถือของเธอไปเลย
พิชญาที่หลบอยู่มุมมืดมาตลอด หลังจากไม่เห็นเงาของวารุณี เธอจึงเดินออกมา
เธอรีบเอากระเป๋าถือที่พื้นขึ้นมา ถือโอกาสที่คนไม่สังเกต เอาสร้อยเพชรยัดใส่กระเป๋าถือ จากนั้นจึงเอากระเป๋าถือวางกลับไปที่เดิมแล้วทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากทำทุกอย่างนี้เสร็จอย่างรวดเร็ว ก็หายไปในมุมอีกครั้ง
หลังจากออกมาจากห้องน้ำ วารุณีจึงตระหนักได้ว่ากระเป๋าถือของตัวเองหายไป
เธอคิดว่าตอนที่ชนเข้ากับบริกร น่าจะเป็นไปได้ที่หล่นไปตอนนั้น
ตอนเธอกลับมา กระเป๋าถือวางไว้ที่พื้นจริงๆ ตอนที่เธอเก็บกระเป๋าถือขึ้นมา
ทันใดนั้นเองกลุ่มคนก็ล้อมรอบเธอไว้
วารุณีแอบขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกว่าเรื่องราวผิดปกติไป
“ส่งมา”เมธาวีเดินออกมาจากด้านหลังฝูงชน พูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง
“ส่งอะไร??”วารุณีรู้สึกแปลกๆ เธอไม่รู้จักคนตรงหน้านี้