พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ – บทที่ 272 พงศกรโทรมา

บทที่ 272 พงศกรโทรมา

“ใช่ไหมล่ะ?”วารุณีหัวเราะ แล้วดึงเก้าอี้มานั่งลงไป“โอเค เธอมีอะไรหรือเปล่า?”

“อ้อ มีจริงๆ”วารุณีพยักหน้า“ครึ่งชั่วโมงก่อน เลขาฯ เสกข์โทรมา ถามฉันว่าการออกแบบโครงการประมูลเป็นไงบ้าง เธอไม่อยู่ ฉันก็ไม่รู้ว่าจะตอบเขาอย่างไร”

“ฉันผิดเอง!”วารุณีตบหน้าผากอย่างหงุดหงิด“สองวันก่อนออกแบบเสร็จแล้ว ที่จริงจะส่งไปอยู่ แต่ตอนที่พิชญากระโดดตึก ฉันก็ดันลืมไปเลย”

พูดไป เธอก็ก้มเอวเปิดลิ้นชัก หยิบอัลบั้มออกแบบเล่มหนึ่งออกมา ด้านในแต่ละแผ่นเป็นการออกแบบอย่างสวยงามขั้นสุด

เป็นครั้งแรกที่ปาจรีย์เห็น ก็ประหลาดใจทันที เอามือปิดปากไว้“พระเจ้า สวยมาก!”

วารุณีหัวเราะ“แก้อยู่หลายครั้ง จะไม่สวยได้ไงล่ะ เธอตอบเลขาฯ เสกข์ไปหน่อย แล้วก็นัดเขาไปเลยด้วย จะได้เอาภาพออกแบบให้เขา”

“ได้ ฉันจะโทรไปเดี๋ยวนี้”ปาจรีย์ทำท่า OK ไปให้ จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรไปต่อหน้าเธอ

หลายนาทีถัดมา ก็โทรศัพท์เสร็จ

ปาจรีย์วางโทรศัพท์ลง“เลขาฯ เสกข์บอกว่าพรุ่งนี้ตอนเที่ยง เจอกันที่ร้านอาหารบลูสกาย”

“ทำไมต้องที่ร้านอาหารล่ะ?”วารุณีกะพริบตา ไม่ค่อยเข้าใจหน่อยๆ

ปาจรีย์บิดขี้เกียจ“ฉันถามแล้ว เขาบอกว่าพรุ่งนี้เขาต้องไปเจอลูกค้าที่นั่น ก็เจอพวกเราได้เลย”

“ที่แท้ก็แบบนี้เอง ได้ ฉันเข้าใจแล้ว”วารุณีพยักหน้า

ปาจรีย์หยิบอัลบั้มออกแบบมา“งั้นฉันเอาอันนี้ไปสแกนก่อนนะ แล้วก็ส่งอีเมลให้เขาฉบับหนึ่ง ให้เขาได้ตรวจดูก่อน ถ้าคิดว่ามีตรงไหนไม่ได้ เธอยังมีเวลาเปลี่ยน”

“อือ”วารุณีตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

พอปาจรีย์ไป เธอก็ถอนหายใจเบาๆ เปิดคอมแล้วเริ่มทำงาน

จากนั้นทำงานได้ไม่นานนัก โทรศัพท์ที่เธอวางไว้ที่โต๊ะก็ดังขึ้นมา

เธอหยิบขึ้นมาดู ดูเบอร์ที่โชว์ว่าโทรมา แล้วก็มีอาการคาดไม่ถึงเล็กน้อย จากนั้นก็ดูซับซ้อนขึ้นมา ปล่อยให้โทรศัพท์ดังอยู่นานไม่ยอมรับ

จนโทรศัพท์ดังอยู่นาน แล้วตัดสายไปเอง เธอจึงเอาโทรศัพท์วางกลับไปตรงที่เมื่อกี๊

แต่ยังไม่รอให้เธอโล่งใจ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เหมือนว่าเธอไม่รับ ที่ปลายสายก็ไม่ยอมแพ้ เอาแต่โทร

สุดท้าย วารุณีก็กัดริมฝีปาก กดรับสายไป

“ฮัลโหล?”วารุณีเอาโทรศัพท์วางไว้ที่ข้างหู พูดด้วยเสียงแผ่วเบา

คนที่ปลายสายก็เงียบไปหลายวินาที จึงตะโกนไปว่า“วารุณี……”

“โทรหาฉันมีอะไรหรือเปล่า พงศกร?”วารุณีกำโทรศัพท์ไว้แล้วถาม

ใช่ คนที่โทรมา ก็คือพงศกร

ตั้งแต่คืนนั้น ที่เขาทำนัทธีบาดเจ็บ เผยนิสัยที่แท้จริง พวกเขาก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย

ตอนนี้จู่ๆเขาโทรมา เธอไม่รู้ว่าจะคุยกับเขาอย่างไร เขาในคืนนั้น ทำเธอตกใจจริงๆ และก็ทำให้เธอไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไร

พงศกรสวมชุดคนไข้สีฟ้าขาวที่เห็นอยู่บ่อยๆ ยืนอยู่ตรงหน้าต่างจรดพื้นบานหนึ่ง มองฝนตกปรอยๆด้านนอก สีหน้าดูสงบนิ่ง“ผมมาขอโทษคุณ”

“ขอโทษ?”วารุณีตะลึงเล็กน้อย

พงศกรตอบอือ แล้วยกมือขึ้นมา ลูบหยดน้ำบนกระจกหน้าต่างจรดพื้น“ใช่ ผมขอโทษที่ผมมีเจตนาไม่ดีต่อคุณ ขอโทษนะวารุณี ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นผมทำเรื่องแบบนั้นไป ผมก็ไม่อยากทำ แต่ผมควบคุมตัวเองไม่ได้”

ได้ยินคำนี้ วารุณีก็ถอนหายใจ จากนั้นก็มีรอยยิ้มบางๆที่มุมปาก“ฉันรู้ ฉันได้ยินที่ปาจรีย์พูดหมดแล้ว เขาบอกว่าตอนคุณสิบกว่าขวบ มีสภาพทางจิตใจที่ผิดปกติ”

บอกว่ายังไง เขาก็เป็นคนหนึ่งที่น่าสงสาร

“เธอบอกคุณไปแล้วเหรอ”พงศกรละสายตาลง

วารุณีพยักหน้า“อือ ปาจรีย์บอกเรื่องพวกนี้กับฉันแล้ว หวังว่าฉันจะไม่โทษอะไรคุณ”

“เหรอ?”พงศกรวางมือลง“งั้นวารุณี คุณยอมให้อภัยผมไหม?”

วารุณีเอนไปที่พนักพิงเก้าอี้“ฉันให้อภัยคุณ แต่เงื่อนไขล่วงหน้าก็คือ คุณรักษาอาการป่วยที่ต่างประเทศให้ดี ปรับสภาพจิตใจ กับสภาพทางจิตวิญญาณให้ดี ต่อไปจะได้ไม่ถูกจิตวิญญาณของตัวเองควบคุมอีก”

“โอเค”แว่นตาของพงศกรสะท้อนแสง“ผมจะรักษาอย่างดี ที่จริงช่วงนี้ อาการของผมก็ดีขึ้นเยอะแล้ว”

“จริงเหรอ?”วารุณีก็หยุดเอนหลัง

พงศกรหัวเราออกมา เสียงหัวเราะเหมือนเมื่อก่อน เต็มไปด้วยความอบอุ่น“จริงๆ ผมได้ยินปาจรีย์บอกว่า คุณคบกับประธานนัทธีแล้ว อารมณ์แปรปรวน ก็ไม่มากแล้วนะ”

พอได้ยิน วารุณีก็หัวเราะ

ได้ยินว่าเธอคบกับนัทธี อารมณ์ก็ยังไม่แปรปรวนมากนัก ดูเหมือนว่าอาการของเขาจะดีขึ้นแล้วจริงๆ

ไม่อย่างนั้น เขาก็คงระเบิดความบ้าคลั่งออกมาแล้ว จะเหมือนคืนนั้น

“ดีจัง”รอยยิ้มที่ใบหน้าของวารุณีชัดมากขึ้น“ดูเหมือนว่าอีกไม่นาน พงศกรนายก็จะฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วสินะ”

“ใช่”พงศกรจับแว่น

จากนั้น หางตาเขาก็มองเห็นอะไร มีความหมองหม่นแวบเข้ามาในสายตา แล้วก็เปลี่ยนไปในพริบตา มีรอยยิ้มอันอบอุ่นอีกครั้ง:“โอเควารุณี ผมทางจิตใจของผมมาแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนนะ ไว้คุยกัน คุณขอโทษประธานนัทธีแทนผมด้วย บอกเขาว่า ที่แทงเขาจนบาดเจ็บผมไม่ได้ตั้งใจ หวังว่าเขาจะให้อภัยผม”

“อือ ฉันจะบอกให้นะ”วารุณีตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

พงศกรบอกขอบคุณ จากนั้นจึงวางสาย

วารุณีเอาโทรศัพท์ลงจากข้างหู ยิ้ม แล้ววางกลับไปที่โต๊ะ ทำงานต่อ

จนตอนเย็น นัทธีก็มา

วารุณีบอกลากับปาจรีย์ ก็ขึ้นรถของนัทธี

นัทธีมองเธอที่คาดเข็มขัดนิรภัย ริมฝีปากบางๆถามเบาๆ“อารมณ์ดีจัง?”

ดวงตาของวารุณีเบิกโตขึ้นมาอย่างแปลกใจ“คุณมองออกเหรอ?”

“ชัดเจนมาก”นัทธีพยักหน้า สตาร์ทรถออก

วารุณีลดกระจกรถลงเล็กน้อย“อือ อารมณ์ไม่แย่เลย เพราะว่าอาการป่วยของพงศกรดีขึ้นแล้ว”

ได้ยินเธอพูดถึงพงศกร ดวงตาของนัทธีจึงหรี่ลงทันที ความคมกริบก็แผ่ออกมาจากดวงตา“คุณติดต่อพงศกรเหรอ?”

“เปล่าค่ะ”วารุณีส่ายหน้า“เขาโทรหาฉัน ขอโทษฉันเรื่องครั้งที่แล้ว แล้วเขาก็ขอโทษคุณด้วยนะ ให้ฉันมาบอกคุณ บอกว่าครั้งที่แล้วที่เขาแทงคุณบาดเจ็บ เขาไม่ได้ตั้งใจ”

นัทธีได้ยินคำนี้ ริมฝีปากบางๆก็เม้มลง ส่งเสียงเหน็บแนมออกไปอย่างเย็นชา“คุณเชื่อเหรอ?”

“แล้วทำไมถึงไม่เชื่อล่ะ?”วารุณีหันไปมองเขา“ตอนนั้นเขาเสียการควบคุมจริงๆ อยู่ในสภาะวะที่ไม่มีสติ ถ้าเขามีสติ ฉันเชื่อว่าเขาไม่เอามีดไปทำร้ายคุณแน่”

นัทธีไม่พูด สีหน้าหม่นหมองลงอย่างมาก ลมหายใจรอบๆตัวก็ดูกดดัน

เธอเชื่อพงศกรจริงๆด้วย

วารุณีรู้สึกถึงความไม่พอใจของชายหนุ่ม รู้ว่าเขาไม่ดีใจ จึงยื่นมือไปดึงแขนเสื้อของเขา“โกรธเหรอ?”

นัทธียังคงไม่พูด

วารุณีชักมือกลับมา“ฉันรู้ว่า คุณต้องคิดว่าแบบนี้ฉันประมาทเกินไปแน่ ถึงคิดว่าตอนนั้นพงศกรไม่ได้ตั้งใจจริงๆได้อย่างง่ายดายแบบนี้ แต่ความจริงก็เป็นแบบนี้จริงๆนี่”

“พอแล้ว”นัทธีขยี้คิ้วอย่างไม่พอใจ“เขายังพูดอะไรกับคุณอีก?”

“เขาบอกว่า ตอนนี้การรักษาของเขาได้ผลมาก สามารถควบคุมสภาวะทางจิตใจของตัวเองได้คงที่แล้ว”วารุณีพูดตรงๆ

มุมปากของนัทธีก็ยกขึ้นเป็นมุมอย่างเย็นชา“คุณก็เชื่ออีก?”

วารุณีหลบสายตาอย่างร้อนตัว“ฉันรู้สึกได้ว่า สภาพของเขาคงที่ขึ้นเยอะจริงๆ……”

“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ”นัทธีหมุนพวงมาลัย

เขาไม่เชื่อว่าพงศกรจะรักษาจนดี ภายในเวลาสั้นๆนี้

อย่างมาก ก็แค่หลอกคนอื่น

วารุณีก็รู้ว่านัทธีไม่เชื่อคำพูดของเธอ ถอนหายใจข้างในใจ ไม่พูดอะไรมากอีก มองไปที่ด้านนอกกระจก แล้วหุบปาก

เวลานั้นในรถ ก็เงียบลงทันที ทั้งสองคนไม่พูดอะไร จนถึงโรงเรียนอนุบาล เด็กทั้งสองคนมาถึง จึงทำลายความเงียบที่น่ากดดันนี้

“หม่ามี๊ พ่อ ทั้งสองคนกำลังทะเลาะกันเหรอครับ?”อารัณมองนัทธีตรงที่นั่งคนขับ แล้วก็มองวารุณีตรงที่นั่งข้างคนขับ ถามไปอย่างแปลกใจ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

Status: Ongoing

5ปีก่อน พ่อแม่หย่าร้าง พ่อสุดเหี้ยมไล่พวกเขาออกจากบ้าน เพื่อรักษาโรคหัวใจของน้องชาย วารุณีแอบแฝงเข้าไปในห้องนัทธีขึ้นแสดง ‘ใช้กายแลกเงิน’ 5ปีต่อมา เธอพาเด็กน้อยน่ารักสองคนกลับประเทศ เพื่อที่จะเอาทุกอย่างที่เป็นของเธอคืนมา กลับบังเอิญเจอชายผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในจังหวัดจันทร์อีกครั้ง เขาคือ นัทธี นั่นเอง “ลูกชายคุณทำไมหน้าเหมือนฉันจัง?” นัทธีถามเสียงต่ำ วารุณี:”…” เด็กน้อยน่ารัก: “แด๊ดดี้ รีบมีลูกกับหม่ามี๊อีกคนสิครับ!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท