พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ – บทที่ 315 ต้องกินอะไรบ้าง

บทที่ 315 ต้องกินอะไรบ้าง

ริมฝีปากซีดขาวของวารุณีขยับเบาๆ“ก่อนที่ยังไม่รู้ความจริงกับการตายของแม่ฉัน ฉันจะไม่ฝังศพให้แม่!”

ไม่งั้น แม่ก็คงไม่ยินดีนัก!

นัทธีเข้าใจอารมณ์ของเธอดี จึงไม่แปลกใจกับการตัดสินใจของเธอ

ตอนนั้นที่คุณปู่เสียชีวิตเขาก็เป็นแบบนี้ ลังเลไม่ยอมจัดงานศพให้คุณปู่

สุดท้ายก็เป็นญาติพี่น้องตระกูลไชยรัตน์พวกนั้นที่ร่วมกันเกลี้ยกล่อมเขา เขาจึงตอบตกลง

กลับไปที่ห้องคนไข้ วารุณีล้างหน้าและมือด้วยน้ำเย็นเสร็จ ก็นอนลงบนเตียง หลับตาลง

นัทธียืนอยู่ข้างเตียง“อย่าเพิ่งนอน กินอะไรสักหน่อยก่อนแล้วค่อยนอน ผมให้มารุตไปซื้อมาแล้ว”

“ไม่ล่ะ ฉันกินไม่ลง และก็ไม่มีอารมณ์กินด้วย”วารุณีส่ายมืออย่างอ่อนล้า ใบหน้าเล็กๆเท่าฝ่ามือนั้น เต็มไปด้วยความเศร้าโศกหมดอาลัย

นัทธีทนมองสภาพของเธอไม่ไหว หลังจากหรี่ตาลงแล้ว ก็ดึงมือของเธอขึ้นมา แล้วดึงเธอขึ้นมาจากเตียงคนไข้

วารุณีคิดไม่ถึงว่าจู่ๆเขาจะลงมือกะทันหัน ก็ตกใจ ลืมตาขึ้นมา“คุณทำ……”

“ประธาน ซื้อข้าวมาแล้วครับ”เธอพูดไปได้สองคำ ก็ถูกมารุตที่เข้ามาจากด้านนอกประตูตัดบท

นัทธีตอบอือ รับกล่องข้าวในมือมารุตมาเปิด แล้วยื่นให้วารุณี“กิน!”

วารุณีส่ายหน้า“ฉันกินไม่ลงจริงๆ!”

“กินไม่ลงก็ต้องกิน!”ริมฝีปากบางๆของนัทธีเม้มแน่น น้ำเสียงเต็มไปด้วยการออกคำสั่ง

ในใจของวารุณีก็โกรธขึ้นมาทันที เงยเบ้าตาแดงก่ำนั้นขึ้นมามองเขา“นัทธี คุณรู้อยู่แล้วว่าแม่ฉันเสียชีวิต ตอนนี้อารมณ์ฉันเป็นอย่างไร ยังจะให้ฉันกินข้าวอีก คุณ……”

“ถ้าคุณอยากพลังกำลังดีๆไปสืบความจริงของการเสียชีวิตแม่คุณ คุณก็กินข้าวอย่างเชื่อฟัง!”นัทธีตัดบทเธอเสียงหม่น

วารุณีอ้าปากเล็กน้อย แต่พูดอะไรออกมาไม่ออก

ใช่สิ เขาพูดถูก ถ้าเธอไม่กินอะไร ก็ไม่มีกำลังสืบเรื่องพวกนี้ และยังไม่มีพลังไปจัดการงานศพแม่ด้วย

คิดแบบนี้ วารุณีก็ปิดปาก แล้วร้องไห้อีกครั้ง ทัศนคติ ก็ไม่แข็งกร้าวยืนหยัดอีกต่อไป

นัทธีรู้ว่าตัวเองพูดโน้มน้าวเธอได้ ก็ถอนหายใจเบาๆ จับมือที่เธอปิดหน้าไว้ออกมา เอาตะเกียบคู่นั้นยัดใส่มือเธอ เสียงอ่อนโยนขึ้นมา“รีบกินเถอะ เพื่อแม่ยาย คุณจะล้มไม่ได้ เข้าใจไหม?”

วารุณีกัดริมฝีปาก ตอบอือออกไปอย่างครวญคราง

นัทธีเอากล่องข้าวยื่นให้เธออีกครั้ง

ครั้งนี้ วารุณีไม่ปฏิเสธอีก รับมาอย่างมือสั่นๆ จากนั้นร้องไห้ไป กินไป

ถึงแม้จะเสียใจไม่อยากอาหารแค่ไหน เธอก็ทนต่อความรู้สึกอยากอาเจียน กลืนข้าวลงไปในท้อง

แต่กินไปได้ประมาณครึ่งหนึ่ง นัทธีก็เอากล่องข้าวออกมาจากมือของวารุณี“โอเคไม่ต้องกินแล้ว คุณไม่ได้กินทั้งวัน จะกินมากไปทีเดียวไม่ได้ พักผ่อนเถอะ”

วารุณีไม่คัดค้านใดๆ ดึงผ้าห่มมาแล้วนอนลงไปอย่างเชื่อฟัง จากนั้นหันข้าง เอาหลังชนนัทธี

นัทธีเอากล่องข้าววางไว้ข้างๆ ไม่รบกวนเธอ หันกลับออกไปเบาๆ

“ประธาน คุณผู้หญิงหลับยัง?”มารุตถาม

นัทธีปิดประตูห้องคนไข้“หลับแล้ว คุณออกไปก่อนเถอะ สองวันนี้ผมต้องอยู่กับเธอ เรื่องที่บริษัทคุณก็ดูแลก่อน มีอะไรโทรหาผม”

“เข้าใจแล้วครับ”มารุตตอบรับ แล้วบอกลา

เขาเพิ่งไปไม่นาน ป้าส้มก็จูงเด็กทั้งสองมา

ป้าส้มก็เป็นหนึ่งในคนที่รู้ว่าวรยาเกิดเรื่อง ตอนที่วารุณีหมดสติ นัทธีโทรบอกเธอ ก็เพื่อให้เธอไปรับเด็กๆที่โรงเรียนอนุบาลตอนบ่าย เพราะว่าพวกเขาไม่ว่าง

ดังนั้นป้าส้มไปรับเด็กทั้งสองคน แล้วก็รีบพาเด็กทั้งสองมา

“คุณผู้ชาย”ป้าส้มมองนัทธี กำลังจะพูดอะไร

เด็กทั้งสองคนสะบัดแขนของเธอ วิ่งไปที่นัทธี

“พ่อ ยายผมเป็นอะไร?”ดวงตาของอารัณแดงก่ำ ยืนอยู่ตรงหน้านัทธี เงยหน้าเล็กๆขึ้นมา รีบถามออกไป

ไอริณก็เช่นกัน

พวกเขาไม่รู้ว่าวรยาเสียแล้ว ป้าส้มก็ไม่ได้บอกรายละเอียดพวกเขา บอกแค่ว่ายายพวกเขาเกิดเรื่อง

นัทธีก้มหน้าลงมองเด็กทั้งสองสักพัก จากนั้นจู่ๆก็คุกเข่าลง เอาเด็กทั้งสองมากอดไว้ในอ้อมแขน ตอบเสียงทุ้มเบาว่า:“ยายของพวกลูก……เสียชีวิต”

รูม่านตาของอารัณหดลง ตะลึงงันไปหมด

ไอริณก็ตอบสนองออกมาโดยตรง ร้องไห้ออกมาเสียงดัง

เสียงร้องไห้ของเธอทำให้อารัณได้สติคืนมา ส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ“จะเป็นไปได้อย่างไร ตอนเช้าคุณยายยังทักทายพวกเราอยู่เลย ทำไมถึงฮือๆ……”

พูดถึงตรงนี้ อารัณก็ไม่ทนอีกต่อไป ร้องไห้เช่นกัน

แม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้ใหญ่ แต่สุดท้ายเขาก็เป็นเพียงเด็กที่อายุไม่ถึงห้าขวบ คุณยายที่รักเขาจากไปแล้ว เขาจึงรับข่าวร้ายนี้ไม่ได้

นัทธีฟังเสียงร้องคร่ำครวญของเด็กทั้งสองคน ในใจก็รับไม่ได้ เหมือนถูกคนขูดออกมา เจ็บปวดอย่างมาก

แต่เขากลับไม่ได้ห้ามเด็กทั้งสองคน ไม่ได้ห้ามเหมือนกับวารุณี

พวกเขาสามคนแม่ลูก เป็นญาติสนิทที่สุดของวรยา วรยาตายแล้ว ที่เสียใจที่สุดก็คือพวกเขา ถ้าพวกเขาไม่ร้องไห้ อัดอั้นไว้อย่างเดียว ร่างกายจะทรุดลงได้

ดังนั้น เขาจึงปล่อยให้พวกเขาร้องไห้

ส่วนเขา ก็เป็นเสาหลักของพวกเขา

ป้าส้มก็เสียใจอยู่ข้างๆ ยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดขอบตา“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ คนดีแท้ๆ ทำไมจู่ๆก็จากไป”

นัทธีไม่พูด ตบหลังของเด็กทั้งสองคนอย่างอ่อนโยน เพื่อไม่ให้เด็กทั้งสองคนร้องไห้เร็วจนเกินไปจนสำลัก หรือหายใจไม่ทัน

ไม่รู้ว่าร้องไห้ไปนานแค่ไหน เด็กทั้งสองคนร้องไห้จนเหนื่อย แล้วนอนหลับอยู่ในอ้อมแขนของนัทธีทั้งคู่

นัทธีก็ไม่สนใจว่าขาทั้งคู่ของตัวเองจะเป็นเหน็บชา อุ้มเด็กทั้งสองคนขึ้นมา“ป้าส้ม เด็กสองคนหลับแล้ว ป้าพาพวกเขากลับไปหน่อย ดูแลพวกเขาดีๆ”

พูดไป เขาก็ยื่นเด็กทั้งสองคนไป

ป้าส้มทำงานมาหลายปี จึงมีแรงเยอะ รับเด็กทั้งสองไปอย่างสบายๆ“วางใจเถอะคุณผู้ชาย ป้าจัดการเอง”

นัทธีพยักหน้าเล็กน้อย

ป้าส้มมองประตูห้องคนไข้ด้านหลังเขา“ใช่สิคุณผู้ชาย คุณผู้หญิงเธอ……ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“ไม่เป็นไร ผมจะดูแลเธออยู่ข้างๆเธอเอง”นัทธีลูบขมับแล้วพูด

ป้าส้มพยักหน้า“งั้นก็ดี ตอนนี้คุณผู้หญิงอ่อนแอที่สุด คุณผู้ชายต้องปลอบเธอดีๆนะคะ งั้นพวกเราไปก่อน”

พูดจบ เธอก็อุ้มเด็กทั้งสองคนออกไป

นัทธีเปิดประตูเข้าไปใหม่ เดินไปที่ข้างเตียงคนไข้ รับเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่ง แล้วมองหญิงสาวที่หลับแล้ว บนเตียงคนไข้ หลังจากมองอยู่นาน ก็หลับไปที่ข้างเตียงคนไข้

ตอนที่วารุณีตื่นมา ก็ดึกแล้ว

เธอตื่นขึ้นมาเพราะเสียงคุย ถึงแม้เสียงพูดคุยนั้นจะเบามาก แต่ที่เข้ามาในหูเธอ ก็ยังหนวกหูอยู่

เธอจับหน้าผากแล้วนั่งขึ้นมา

คนที่พูดได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ก็ค่อยๆหันไปมอง

“คุณตื่นแล้วเหรอ”นัทธีทิ้งนวิยาแล้วเดินไป หยิบหมอนวางไว้ด้านหลังวารุณี

วารุณีเอนตัวลงพิงหมอน พูดอย่างหมดแรงหน่อยๆ“ขอบคุณค่ะ”

น่าจะเพราะว่าช่วงกลางวันร้องไห้มากไป ตอนนี้เสียงเธอจึงแหบ ไม่เพราะอย่างมาก

นัทธีถือแก้วน้ำมาให้เธอ“ดื่มสักหน่อย จะได้คล่องคอ”

วารุณียกมือที่ซีดขาวนั้นมารับแก้วน้ำไว้ จิบน้ำในแก้วไปเบาๆ

น้ำในแก้วนั้นอุ่น และหวานเล็กน้อย น่าจะเทไว้นานแล้ว และใส่น้ำผึ้งไปด้วย เพื่อรอเธอตื่นมาแล้วดื่ม

ชายหนุ่มดูแลเอาใจใส่แบบนี้ ทำให้หัวใจที่เจ็บปวดของวารุณี ในที่สุดก็ได้รับการปลอบโยน

“เอาอีกไหม?”เห็นวารุณีดื่มน้ำเสร็จ นัทธีก็หยิบแก้วน้ำมาแล้วถาม

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

Status: Ongoing

5ปีก่อน พ่อแม่หย่าร้าง พ่อสุดเหี้ยมไล่พวกเขาออกจากบ้าน เพื่อรักษาโรคหัวใจของน้องชาย วารุณีแอบแฝงเข้าไปในห้องนัทธีขึ้นแสดง ‘ใช้กายแลกเงิน’ 5ปีต่อมา เธอพาเด็กน้อยน่ารักสองคนกลับประเทศ เพื่อที่จะเอาทุกอย่างที่เป็นของเธอคืนมา กลับบังเอิญเจอชายผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในจังหวัดจันทร์อีกครั้ง เขาคือ นัทธี นั่นเอง “ลูกชายคุณทำไมหน้าเหมือนฉันจัง?” นัทธีถามเสียงต่ำ วารุณี:”…” เด็กน้อยน่ารัก: “แด๊ดดี้ รีบมีลูกกับหม่ามี๊อีกคนสิครับ!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท