“เมื่อกี๊ทางนิตยสารโทรมา บอกว่านักร้องที่เหลือมาถึงแล้ว จะให้เธอไปเข้าใจข้อมูลของพวกเราหน่อย”เชอรีนตอบ
วารุณีพยักหน้า“ฉันเข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันไป”
“งั้นฉันลงไปก่อนนะ เธอก็รีบลงมากินข้าวเช้าล่ะ ตอนที่ประธานนัทธีไป ตั้งใจให้คนมาทำให้เธอเชียวนะ”เชอรีนไม่ลืมที่จะเตือน
วารุณีตอบอือ สื่อว่าเข้าใจ
หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ เธอก็ออกไปหาทางนิตยสาร ด้านหลังตามด้วยบอดี้การ์ดสองคน
น่าจะเป็นเรื่องคนผิวสีสองคนครั้งที่แล้ว และก็น่าจะเป็นเรื่องที่เมื่อวานพิชญาบีบคอเธอ
ดังนั้นนัทธีไม่สนใจว่าเธอจะคัดค้านอย่างไร จัดให้บอดี้การ์ดสองคน คอยปกป้องเธออยู่ด้านหลังตลอดเวลา
ดีที่นัทธีก็รู้ว่าเธอไม่ชอบให้บอดี้การ์ดอยู่ใกล้เกินไป จึงตั้งใจกำชับให้บอดี้การ์ดอยู่ห่างเธอหน่อย แค่มองเธอเห็น
แบบนี้ ก็ไม่ต้องห่วงว่าเธอจะเกิดเรื่อง บอดี้การ์ดทั้งสองคนก็ไม่สามารถตามได้ทันเวลา
ออกมาจากทางนิตยสาร ก็ตอนบ่ายแล้ว
วารุณีดูเวลา หลังจากหาอะไรกินง่ายๆที่ร้านอาหารใกล้ๆ ก็ไปโรงพยาบาลจิตเวชอีกครั้ง เตรียมไปดูพิชญา
ภายใต้การนำมาของพยาบาล วารุณีมาถึงห้องของพิชญา
ห้องของพิชญาถูกจัดมาเป็นพิเศษ นอกจากเตียงตัวหนึ่งก็ไม่มีอะไรเลย แม้แต่เตียงก็ยังเป็นเตียงเป่าลม
และหน้าต่างก็ไม่มี มีแค่ช่องระบายอากาศที่ใหญ่เท่าฝ่ามือไม่กี่อันอยู่ข้างกำแพง ก็เพื่อหลีกเลี่ยงพิชญาฆ่าตัวตายอีกครั้ง
พยาบาลเปิดประตูห้องออก
วารุณียืนอยู่หน้าประตู ไม่ได้เข้าไป
พิชญาได้ยินเสียงเคลื่อนไหว นั่งขึ้นมาจากเตียง มองเห็นคนที่มาเป็นวารุณี สีหน้าเปลี่ยนไปทันที กัดฟัน“เธอเองเหรอ!”
“ฉันเอง”วารุณีตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
มือทั้งสองข้างของพิชญากำแน่น“ทำไม เธอจะมาดูความน่าตลกของฉันเหรอ?”
“ความน่าตลกของเธอต้องให้ฉันมาดูโดยเฉพาะด้วยเหรอ?อยากดูก็ไปเสิร์ชในเน็ต ก็ได้แล้วนี่”วารุณีพูดเยาะเย้ย
พิชญากระอักกระอ่วน พูดไม่ออก หลังจากผ่านไปสักพัก จึงถามอย่างโกรธๆว่า“งั้นเธอมาทำอะไร?”
“ฉันแค่มาบอกเธอ สุภัทรกับขยานี รู้แล้วว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาดีใจมาก”วารุณีตอบ
พิชญาทำเสียงฮึดฮัด“รู้แล้วยังไง พวกเขาจะมาช่วยฉันออกไปได้เหรอ?”
“ไม่ได้อยู่แล้ว”วารุณีพิงขอบประตู บอดี้การ์ดสองคนด้านหลังก็ยืนนิ่งเหมือนภูเขา ทั้งตัวนั้นแพร่กระจายความแข็งแกร่งออกมา ทำให้พิชญาไม่กล้าเข้ามา
“ฉันมาครั้งนี้ นอกจากบอกเธอเรื่องนี้แล้ว ยังอยากรู้ว่า ตอนนั้นเธอแกล้งตาย ทำไมต้องปิดบังสุภัทรกับขยานี?”วารุณีถาม
พิชญายิ้มอย่างเย็นชา“คนโง่สองคนนั้น อะไรก็ช่วยฉันไม่ได้ ฉันไม่ปิดบังพวกเขา พวกเขาก็ต้องเปิดเผยฉันไม่ช้าก็เร็ว”
“พูดแบบนี้ก็ถูก”วารุณีพยักหน้า จากนั้นก็คิดอะไรได้ ถามไปอีกว่า “ใช่สิ เธอเกลียดขยานีใช่ไหม?ทำไมล่ะ?”
เธอจำได้ว่า ตอนเธอยังทำงานที่บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ขยานีเคยมาหาเธอและสร้างปัญหา
ตอนนั้นพิชญาเคยปรากฏสายตาคับข้องใจต่อขยานี ดังนั้นเธอแปลกใจมาก ระหว่างสองแม่ลูกนี้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ทำไม?ถ้าเธอมีแม่ที่ให้ตัวเองเป็นลูกนอกสมรส เธอจะเกลียดไหม?”พิชญาจ้องมองวารุณี“เธอเป็นลูกถูกต้องตามกฎหมาย เหมือนเจ้าหญิงตั้งแต่เด็ก ส่วนฉันล่ะ กลับเป็นลูกนอกสมรสที่ถูกคนรังแกไม่เห็นอนาคต ดังนั้นฉันจะไม่เกลียดพวกเธอทุกคนได้ไง!”
ตั้งแต่เด็กเธอก็รู้ว่าตัวเองเป็นลูกนอกสมรส เป็นเด็กที่ชู้คลอดออกมา ถูกคนทอดทิ้ง
คนรอบๆต่างรู้ ดังนั้นไม่มีใครชอบเธอ เด็กยังรังแกเธอ ทั้งหมดนี้ ล้วนแต่เป็นขยานีที่ให้เธอ
นอกจากนี้ ถึงแม้สุภัทรจะไปเยี่ยมเธอบ่อยๆ ให้เธอรู้ว่า เธอมีพ่อเช่นกัน แต่เธอเรียกเขาว่าพ่อไม่ได้
เพราะเขาคือประธานของบริษัท ศรีสุขคํา กรุ๊ปเป็นคนสาธารณะ ถ้าเธอเรียกเขาพ่อ โลกภายนอกจะรู้ว่าเขามีลูกนอกสมรส ถึงตอนนั้นวรยาก็จะหย่ากับเขา แบ่งทรัพย์สินไปครึ่งหนึ่ง ดังนั้นจนเจ็ดปีก่อน เธอถูกสุภัทรพากลับตระกูลศรีสุขคํา ถึงได้รับอนุญาต เรียกเขาว่าพ่อได้
ดังนั้นเธอเกลียดชังทุกอย่าง เกลียดชังทุกคน
“ที่แท้ก็แบบนี้เอง”วารุณียิ้ม สุดท้ายก็เข้าใจสาเหตุที่พิชญาเกลียดชังขยานี
แต่เธอไม่เห็นใจ และก็ไม่คิดว่าพิชญาน่าสงสาร
การมีอยู่ของพิชญา ก็เป็นหลักฐานที่ครอบครัวเธอถูกทำลาย
“โอเค สายมากแล้ว ฉันควรไปแล้ว เธอก็สนุกกับที่นี่ดีๆล่ะ”สายตาวารุณีกวาดมองรอบๆห้องที่แสนเยือกเย็นของพิชญา แล้วยิ้มออกมาอย่างมีความหมาย“เธออย่าบ้าจริงๆล่ะ ไม่งั้นเธอจะแก้แค้นได้อย่างไร ต้องรู้ว่าศัตรูของเธอไม่ใช่แค่ฉัน ยังมีนวิยาด้วยนะ”
“นวิยา!”ได้ยินชื่อนี้ สีหน้าของพิชญาเหยเกไปทันที
วารุณีพยักหน้า“ถูกต้อง ก็นวิยานั่นแหละ เธอบอกฉัน ว่าเธอคือพิชญา เธอรู้ไหมว่าทำไมเธอถึงทำแบบนี้?”
“ทำไม?”พิชญากำฝ่ามือ อย่างไม่ปิดบังความเกลียดของตัวเองเลยสักนิด กัดฟันถาม
“เพราะนวิยาคิดจัดการนัทธี เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง จึงถูกนัทธีขัง ดังนั้นเธอน่าจะรู้สึกว่าตัวเองจะจบเห่แล้ว อยากดึงคนไปตายด้วยกัน เลยแฉเธอออกมา อยากให้เธอไปอยู่กับเธอด้วย”วารุณีพูดด้วยสายตาสั่นคลอนเล็กน้อย
พิชญาเชื่ออย่างไม่ลังเล
เพราะการแกล้งตายและหนีไปของเธอ รวมทั้งศัลยกรรมล้วนแต่เป็นนวิยาที่จัดการให้
นอกจากนวิยา ก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอคือพิชญา
ดังนั้นไม่ใช่นวิยาที่แฉเธอ แล้วจะเป็นใครได้
“ผู้หญิงคนนั้น……”สีหน้าพิชญาดูเหยเก ตาแดงก่ำทั้งคู่ เหมือนจะฉีกเธอเป็นชิ้นๆ
วารุณีเห็นเธอเกลียดนวิยาอย่างมาก รู้ว่าแผนของตัวเองสำเร็จ ก็ยกมุมปากขึ้นมา พูดไปอีกว่า:“ดังนั้นต่อไป เธอจะต้องทำตัวให้ดี มีสติตลอดเวลา อย่าอาละวาดออกมา เพราะว่าเป็นไปได้ที่นวิยาจะถูกส่งไปต่างประเทศ ถึงตอนนั้น เธอก็จะแก้แค้นเธอได้”
นัทธีไม่ให้นวิยาไปตายแน่ ยังไงไม่ว่าอย่างไรนวิยา ก็เคยเป็นลูกสาวบุญธรรมของแม่เขา
แต่เขาก็ไม่อาจให้นวิยาอยู่ในประเทศต่อไปได้ หลังจากรอให้ตระกูลผดุงธรรมล้ม เขาก็อาจจะส่งนวิยาไปต่างประเทศ ปล่อยไตามยถากรรม
ตอนนั้น เธอก็สามารถแนะนำนัทธี เอานวิยามาไว้ที่พิชญา ทำให้ทั้งสองคนเจอหน้ากัน ให้พวกเธอทะเลาะกันเอง
ผู้หญิงสองคนนี้ ต่างมีความอาฆาตพยาบาทต่อเธออย่างมาก และต่างก็อยากให้เธอตาย งั้นเธอก็จะให้พวกเธอเป็นหมากัดกันเอง
คิดไป แววตาวารุณีก็เป็นประกาย หันกลับออกไป
ส่วนพิชญา ก็จำคำพูดของเธอไว้ หลังจากตัดสินใจว่ารอนวิยามา จะฆ่านวิยาให้ตาย
ถ้าไม่ใช่นวิยาที่แฉเธอ ตอนนี้เธอก็ยังเป็นโสรยา และไม่ถูกขังในที่แบบนี้
วารุณีเดินไปที่ลิฟต์ ไปถึงหน้าลิฟต์ ลิฟต์ก็เปิดออก พยาบาลคนหนึ่งออกมาจากด้านใน ไม่เห็นว่าข้างหน้ามีคน จึงจนไปจังๆ
ดีที่บอดี้การ์ดสองคนด้านหลังวารุณี มีคนจับไว้ จึงไม่มีผลตามมาจากการที่วารุณีกับพยาบาลคนนั้นชนกัน
“ขอโทษค่ะๆ คุณผู้หญิงคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”พยาบาลได้สติคืนมาว่าตัวเองเกือบจะชนคน จึงรีบขอโทษ
วารุณีส่ายมือ แสดงออกว่าไม่เป็นไร จากนั้นก้มหน้าไปมองของที่พื้น
ข้อมูลที่พื้น พยาบาลเพิ่งเก็บมา
แต่เพราะว่าถูกบอดี้การ์ดดึงไว้ พยาบาลจึงตกใจ แล้วข้อมูลที่อยู่ในมือก็หลุด ร่วงลงไปที่พื้นโดยไม่รู้ตัว
วารุณีเห็นหนึ่งใบในนั้นเขียนชื่อของพิชญา จึงก้มไปเก็บ“นี่คือ……”
“นั่นคือข้อมูลตรวจร่างกายของคุณโสรยาท่านนั้นค่ะ”พยาบาลตอบกลับ
วารุณีพยักหน้า กำลังจะคืนเธอ จู่ๆก็เห็นคอลัมน์กรุ๊ปเลือดนั้น“Oกรุ๊ป?”