“งั้นเหรอ” วารุณีกัดริมฝีปากของตัวเอง “อย่างนั้นก็ดี”
“พี่อยากไปหาเขาสักหน่อยไหม” ศรัณย์ถามเธอ
วารุณีส่ายหน้า “ไม่แล้วล่ะ ช่วยจัดการให้บริษัทจัดการศพมารับเขาต่อด้วย พี่ไม่ไปหาเขาแล้ว”
“ได้ครับ อย่างนั้นผมจะติดต่อกับบริษัทจัดการศพให้” ศรัณย์กล่าว
วารุณีตอบรับคำหนึ่งแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ
หลังจากนั้นเธอก็ออกจากโรงพยาบาลไปพร้อมกับนัทธีเพื่อกลับไปยังคฤหาสน์ตระกูลไชยรัตน์
ศรัณย์รับช่วงต่อในการจัดการร่างของสุภัทร เขาจัดการเรื่องทุกอย่างอย่างรวดเร็ว วันรุ่งขึ้นก็ดำเนินพิธีฌาปนกิจศพของสุภัทร โดยไม่รับเถ้ากระดูกกลับมาแต่ฝากไว้ให้บริษัทจัดการศพดูแลต่อ
นัทธียื่นเอกสารฉบับหนึ่งให้วารุณี
วารุณีรับมาอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก “นี่คืออะไรเหรอคะ”
“สัญญาจองสุสานให้คุณสุภัทรน่ะ จริงๆ แล้วที่ข้างๆ หลุมศพแม่ยายมีคนมาซื้อไปแล้ว ผมเลยให้มารุตลองไปติดต่อคนซื้อดู โดยให้ราคามากกว่าเท่าหนึ่ง เจ้าของคนนั้นเลยยอมขายต่อให้” นัทธีนั่งลงข้างๆ เธอ
วารุณีนวดหัวคิ้ว “ที่แท้คุณก็ให้คุณมารุตไปซื้อมานี่เอง ฉันนึกว่าเป็นคนอื่นซื้อไป”
เมื่อครู่นี้เธอก็ติดต่อไปยังสุสานเตรียมจะซื้อที่ข้างๆ หลุมศพของแม่
แต่ผู้ดูแลสุสานบอกว่า ที่ตรงนั้นมีคนซื้อไปก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว
เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการติดต่อผู้ที่ซื้อไปคนนั้น แต่สุดท้ายผู้ซื้อไปกลับบอกเธอว่าที่ตรงนั้นได้ขายต่อไปให้คนอื่นแล้ว
ตอนนี้สถานการณ์หักมุม ที่แท้เป็นนัทธีนั่นเองที่ตัดหน้าเธอไป
“อืม เมื่อวานหลังจากที่คุณยอมทำตามคำขอของคุณสุภัทรแล้ว ผมก็ให้มารุตไปช่วยจัดการให้ทันที” นัทธีรับแก้วมาจากเธอแล้วดื่มเข้าไปคำหนึ่งก่อนเอ่ยตอบ
วารุณีเปิดดูสัญญา “เดี๋ยวฉันโอนเงินให้คุณนะคะ”
สีหน้าของนัทธีเคร่งขรึมขึ้น “ไม่ต้องหรอก ผมคือสามีของคุณ คุณจะเอาเงินให้ผมทำไม”
“มันไม่เหมือนกันค่ะ ถ้าเกิดคุณซื้อให้แม่ฉัน ฉันคงไม่คืนเงินให้คุณ แต่ที่สุสานตรงนี้คือของคุณสุภัทร” วารุณีตอบ
นัทธีเม้มปาก “ไม่ต้องโอนเงินให้ผมหรอก โอนไปให้มูลนิธิของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปแทนก็แล้วกัน”
“ก็ดีค่ะ ถือว่าเป็นการทำบุญให้เขาด้วย” วารุณีพยักหน้า
เวลานั้นเองศรัณย์ก็เดินเข้ามา “พี่ เมื่อกี้มีทนายโทรมาหาผม บอกว่าอยากเจอพวกเรา”
“ทนาย?” นัทธีมองเขาด้วยความสงสัย “ทนายอะไร ทนายของใคร”
“เขาบอกว่าคุณสุภัทรส่งเขามา” ศรัณย์ตอบ
นัทธีอมยิ้ม “สงสัยคุณสุภัทรจะมีของมอบให้พวกคุณ”
วารุณีเลิกคิ้ว “ใครอยากได้สมบัติของเขากัน”
“พี่จะให้ทนายเข้ามาไหมครับ” ศรัณย์อู้อี้ถาม
วารุณีปิดสัญญาที่อยู่ในมือแล้วเอาไปวางไว้บนโต๊ะน้ำชา “ให้เขาเข้ามา พี่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าคุณสุภัทรส่งทนายมาทำอะไร”
“ครับ” ศรัณย์พยักหน้าแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาทนาย
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง ทนายก็มาถึง
“สวัสดีครับประธานนัทธี คุณหญิงวารุณี คุณชายศรัณย์” ทนายกล่าวทักทายคนทั้งสามอย่างสุภาพ
วารุณีชี้ไปยังที่นั่งตรงข้าม “ทนายพิศาล เชิญนั่งก่อน”
“ขอบคุณครับ คุณหญิงวารุณี” ทนายพิศาลนั่งลงอย่างสุภาพเรียบร้อย
นัทธีมองไปที่เขา “ผมรู้จักคุณ คุณมีชื่อเสียงมากทีเดียวในจังหวัดจันทร์ เชี่ยวชาญในคดีความเรื่องมรดกมากที่สุด ดังนั้นวันนี้ที่คุณมาเกี่ยวกับเรื่องมรดกของคุณสุภัทรใช่ไหมครับ”
ทนายพิศาลขยับแว่นแล้วพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “ประธานนัทธีกล่าวถูกต้องแล้วครับ ผมมาในวันนี้เกี่ยวกับเรื่องมรดกของนายท่านสุภัทร”
“คุณเดาถูกจริงด้วย” วารุณีเอาศอกดันชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ตน
เขาจึงยิ้มตอบ “ไม่เห็นจะยาก คุณสุภัทรตายไปแล้ว แต่เขาติดต่อทนายไว้ก่อนตาย ถ้าไม่ใช่เรื่องมรดกแล้วจะมีเรื่องอะไรได้อีกล่ะ”
“ทนายพิศาล เขาจะจัดการเรื่องมรดกของเขายังไงครับ” ศรัณย์ที่นั่งอยู่ด้านข้างรินน้ำชาพลางถามขึ้น
ทนายพิศาลหยิบเอกสารปึกหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเอกสารของตัวเอง “นี่คือสมบัติทั้งหมดของนายท่านสุภัทรครับ บ้านเจ็ดหลัง คฤหาสน์สองหลัง บริษัทหกที่ และยังมีของเก่าหายากรวมทั้งเงินสดด้วย ทุกท่านสามารถตรวจดูได้ครับ”
เมื่อวารุณีได้ยินทรัพย์สมบัติมากมายของคุณสุภัทรก็เกิดความประหลาดใจ “สงสัยตอนที่ตระกูลศรีสุขคำล้มละลาย สมบัติในมือของเขายังเหลือมากกว่าที่ฉันคิดเอาไว้”
“ก็ไม่แปลก ของพวกนี้คงเป็นของที่คุณสุภัทรซื้อเอาไว้ก่อนที่เขาจ้ะมละลาย อีกอย่างการล้มละลายของเขาเป็นเพราะผมฟ้อง ไม่ได้ล้มละลายเพราะสถานะทางการเงินของเขา ดังนั้นหลังจากที่เขาล้มละลายแล้วยังคงสามารถเห็บสมบัติที่ซื้อไว้ก่อนหน้านั้นได้ เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ” นัทธีพลิกดูตารางผู้ถือหุ้นพลางอธิบาย
หากสุภัทรล้มละลายเนื่องจากมีปัญหาทางการเงิน สมบัติพวกนั้นคงถูกธนาคารยึดเอาไว้หมดแล้วตอนล้มละลาย
“ทนายพิศาล เขาจะยกสมบัติพวกนี้ให้ใครคะ” วารุณีวางรายการทรัพย์สินลงแล้วถามขึ้น
ศรัณย์เองก็มองไปทางทนายพิศาล
ทนายพิศาลจึงตอบว่า “นายท่านสุภัทรบอกว่า บ้านทั้งหมดเจ็ดหลัง ห้าหลังยกให้คุณชายศรัณย์ สองหลังยกให้คุณหญิงวารุณี ส่วนวิลล่ายกให้คุณหญิงกับคุณชายคนละหลัง ส่วนของเก่า เจ็ดส่วนยกให้คุณชาย ศรัณย์อีกสามส่วนยกให้คุณหญิงวารุณี ส่วนเงินสดยกให้คุณหญิงวารุณีกับคุณชายศรัณย์คนละครึ่ง อย่ามองว่านายท่านสุภัทรลำเอียงเลยนะครับ ท่านแบ่งแบบนี้ก็คงมีเหตุผลของท่าน”
“เหตุผลอะไรถึงต้องแบ่งแบบไม่ยุติธรรมแบบนี้” วารุณีไม่รู้สึกอะไรเมื่อได้ยินการแบ่งสมบัติแบบนี้ แต่ศรัณย์กลับไม่พอใจขึ้นมา
ในใจของเขา เขากับพี่สาวเหมือนกัน
ดังนั้นการจัดสรรสมบัติ พวกเขาสองคนพี่น้องควรได้รับสมบัติเท่ากัน
“เอาเถอะศรัณย์ อย่าเพิ่งโมโหเลย ลองฟังคำอธิบายของทนายพิศาลก่อน” วารุณีตบไหล่ของศรัณย์อย่างขบขันและรู้สึกซาบซึ้งในเวลาเดียวกัน
น้องชายรู้จักคิดเผื่อเธอ จะไม่ให้เธอซาบซึ้งได้อย่างไร
แม้แต่นัทธีเองก็มองศรัณย์ไปในทางที่ดีขึ้นอีก
เห็นชัดๆ ว่าศรัณย์ได้สมบัติมากกว่า แต่ศรัณย์กลับไม่สบายใจที่จะรับ แถมยังต้องการให้แบ่งให้วารุณีอย่างเป็นธรรม
น้องชายแบบนี้ถือว่าหาได้ไม่ยากนัก
เขารู้ดีว่าไม่ว่าจะเป็นตระกูลที่มั่งคั่งหรือว่าคนทั่วๆ ไป พี่น้องไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันขนาดไหน สุดท้ายก็อาจจะทะเลาะกันได้ถึงขั้นตายกันไปข้างหนึ่งได้ด้วยเรื่องมรดก
ต่อให้ไม่ทะเลาะกัน คนที่ได้รับสมบัติมากที่สุดก็ไม่มีทางคิดอยากจะให้ทุกคนได้รับการแบ่งสมบัติอย่างเท่าเทียม เพราะอะไรที่มีผลดีต่อตน ทำไมจะต้องแบ่งปันให้คนอื่นด้วย
ดังนั้นถ้าพิชญาทำแบบนี้ได้ เขาคงมองเธอดีขึ้นบ้าง
“นายท่านสุภัทรบอกว่า ตอนนี้คุณหญิงวารุณีมีครอบครัวแล้ว แถมยังแต่งงานกับครอบครัวที่เพียบพร้อม ดังนั้นวันข้างหน้าจึงไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลอีก แต่คุณชายศรัณย์นั้นร่างกายไม่แข็งแรงและยังไม่ได้แต่งงาน ดังนั้นนายท่านสุภัทรจึงอยากยกให้คุณชายศรัณย์มากหน่อย หวังว่าคุณหญิงวารุณีจะไม่โกรธนะครับ” ทนายพิศาลอธิบายเจตนาของสุภัทรต่อหน้าทุกคน
“ฉันไม่โกรธหรอก เขาแบ่งแบบนี้ก็เหมาะสมแล้ว แต่ฉันขอไม่รับในส่วนของฉันแล้วยกให้ศรัณย์แทน” วารุณีเลื่อนเอกสารที่อยู่ตรงหน้าตนให้ศรัณย์
ศรัณย์ตกใจ “พี่ไม่เอาเหรอ”
“พี่ของนายคงไม่ได้ใช้หรอก” วารุณียังไม่ทันได้เอ่ยปากตอบ นัทธีก็โอบเอวของเธอเอาไว้แล้วตอบแทนเธอ “พี่สาวนายอยากได้อะไร ฉันให้ได้ทุกอย่าง อีกอย่างนายคิดว่าฉันเห็นค่าสมบัติพวกนี้เหรอ”
นัทธีมองไปยังเอกสารพวกนั้นด้วยสายตารังเกียจ
ริมฝีปากของศรัณย์สั่นไหว
ใช่ พี่เขยรวยมาก ไม่สนใจสมบัติพวกนี้ก็ไม่แปลกอะไร
แต่……
“พี่ สมบัติพวกนี้เขายกให้พี่ ผมรับไว้ไม่ได้หรอก อีกอย่างผมอยากให้พี่รับไว้ด้วย ถ้าพี่ไม่ต้องการก็ยกให้ไอริณกับอารัณก็ได้ ถือว่าคุณตาสุภัทรไม่เอาไหนคนนี้ยกให้พวกเขาก็แล้วกันนะครับ” ศรัณย์กล่าวอย่างจริงจัง
ริมฝีปากของวารุณีขยับ คล้ายกำลังรู้สึกซาบซึ้ง
แต่สุดท้ายเธอก็ยังผลักเอกสารพวกนั้นออกไปแล้วเก็บไว้เพียงบ้านสองหลัง “ฉันเอาบ้านสองหลังนี้ก็พอ เอาไว้ให้ไอริณกับอารัณ ส่วนอย่างอื่นน้องเก็บเอาไว้เถอะถือว่าพี่สาวคนนี้ให้ก็แล้วกัน”
“พี่……”
“เป็นเด็กดีหน่อย” วารุณีทำหน้าดุใส่เขา