“ดูเหมือนว่าคุณจะเกลียดเขาจริงๆ คุณต้องการหาเขาและฆ่าเขาอีกครั้งใช่ไหม?”นิรุตติ์เยาะเย้ย
ใบหน้าของนวิยาเต็มไปด้วยความดุร้าย “ใครให้เขาทำผิดต่อฉันล่ะ มันคงจะดีถ้าเขาตายจริงๆ ถ้าเขาไม่ตาย ฉันจะฆ่าเขาอีกครั้งแน่นอน เพื่อให้เขารู้ถึงความเจ็บปวดของฉัน!”
นิรุตติ์กลอกตา
เธอมีความเจ็บปวดบ้าอะไร นัทธีจะทำผิดต่อเธอได้ยังไง เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะตัวเธอไม่ได้นัทธีมาครอบครอง ก็เลยพูดว่านัทธีทำผิดต่อเธอ
วงจรความคิดแบบนี้ มันแปลกใหม่จริงๆ!
แน่นอนนิรุตติ์จะไม่พูดในสิ่งที่เขาคิด เขาผลักแว่นตาของเขากลับและพูดว่า “ได้ เดี๋ยวผมจะส่งคนไปถาม”
นวิยาเม้มริมฝีปากของเธอและไม่พูดอะไร
ไม่นานรถตู้ก็ขับออกไป และก็หายไปอย่างรวดเร็ว ทำเหมือนว่าไม่เคยมาที่นี่ก่อน
ห่างจากเขตอุตสาหกรรมที่ถูกไฟไหม้นี้ราวๆ 20 ไมล์ มีโรงพยาบาลในเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่
ผู้หญิงหน้าตาดีอายุ 20 ปีเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยพร้อมกับกระติกน้ำร้อน
พยาบาลในห้องผู้ป่วยเห็นเธอและยิ้มให้เธอ “คุณจุ๊บแจง มาแล้วหรอคะ”
ใช่ ฉันทำซุปมาให้เขา รอเขาตื่นแล้วให้เขาดื่ม” จุ๊บแจงมองไปยังชายบนเตียงในโรงพยาบาล ที่สวมชุดโรงพยาบาลไว้ เขามีใบหน้าซีดเซียว และมีผ้าพันแผลอยู่บนหัว แต่กลับไม่ทำให้ความหล่อของชายหนุ่มหายไปเลย เธอพูดอย่างเขินอาย
เมื่อเห็นสิ่งนี้ นางพยาบาลก็ยิ้มและแซวว่า “คุณจุ๊บแจงดูแลแฟนของตัวเองดีมากเลย”
เมื่อได้ยินคำแฟน คุณจุ๊บแจงก็ใจเต้นเร็ว และใบหน้าของเธอก็แดงก่ำ และเธอก็ก้มหน้าลงอย่างเขินอาย “นี่…ก็เป็นเรื่องที่ควรจะทำ เพราะยังไงนี่ก็แฟนฉันเอง”
เธอหันหลังกลับ ในแววตาของเธอแอบแฝงไปด้วยความรู้สึกเศร้า
แต่พยาบาลไม่เห็นสิ่งนั้น เธอก็ปิดสมุดเวชระเบียนแล้วบอกว่า “คุณจุ๊บแจงดีจังเลย แฟนคุณโชคดีจริงๆ เอาล่ะ ฉันจะไม่รบกวนคุณกับแฟนคุณจุ๊บแจง ฉันขอตัวก่อนนะ”
“อืมคุณพยาบาลนิสาโชคดีค่ะ” จุ๊บแจงพยักหน้า
หลังจากที่พยาบาลจากไป มีเพียงจุ๊บแจงและชายที่อยู่บนเตียงเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ในห้องผู้ป่วย
จุ๊บแจงถอนหายใจออกด้วยความโล่งอก จากนั้นก็วางกระติกน้ำร้อนไว้ข้างเตียง ก่อนจะมองไปที่ชายคนนั้นบนเตียงในโรงพยาบาล
อันที่จริงเธอโกหก ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่แฟนของเธอ ระหว่างทางกลับจากญาติ เธอได้ขับผ่านแม่น้ำ และเจอเขาที่ริมแม่น้ำ
เธอไม่เคยเห็นผู้ชายหน้าตาดีขนาดนี้มาก่อน เธอรู้สึกประทับใจตั้งแต่แรกเห็น จากนั้นจึงพาชายคนนั้นขึ้นไปที่รถและกลับไปที่เมืองเล็กๆ ที่เธอเติบโตขึ้นมา
เธอไม่รู้ว่าชายคนนี้เป็นใครและชื่ออะไร
ชายคนนี้ไม่มีเอกสารแสดงตัวและโทรศัพท์มือถือ และเธอก็ไม่สามารถติดต่อกับในครอบครัวของเขาได้
แต่นี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับเธอ แม้ว่าเธอจะไม่รู้จักแบรนด์เสื้อผ้าของผู้ชายคนนี้ แต่เมื่อดูจากคุณภาพของผ้าแล้ว ก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีราคาสูง
ซึ่งก็หมายความว่า ชายคนนี้น่าจะมีฐานะที่ร่ำรวย ถ้าเธอติดต่อกับครอบครัวของเขาได้ บางทีครอบครัวของเขาอาจมารับเขา และเธอจะไม่มีวันได้พบเขาอีกเลย
ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่ามันเห็นแก่ตัวที่จะเก็บเขาไว้ แต่เพื่อความรักของเธอ เธอก็เต็มใจที่จะต่อสู้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จุ๊บแจงก็ยื่นมือออกไปแตะคิ้วและริมฝีปากบางๆ ของชายคนนั้น เธออดไม่ได้ที่จะจินตนาการว่าชายผู้นี้มองเธอด้วยดวงตาที่อ่อนโยน และจูบเธอด้วยริมฝีปากบางที่สวยงามของเขา
ในต่างประเทศ ในโรงพยาบาล
หลังจากการปฐมพยาบาลเป็นเวลาหลายชั่วโมง ในที่สุด วารุณีก็ผ่านพ้นความยากลำบากไปได้ และเด็กในท้องของเธอคลอดออกมาอย่างปลอดภัย
เด็กที่อายุเพียง 6 เดือนมีขนาดเล็กกว่าเด็กที่ครบกำหนดมากกว่าครึ่ง และทั้งตัวก็แดงก่ำ ร่างกายเพิ่งจะเติบโตสมบูรณ์ เสียงเล็กๆ เหมือนเสียงของแมว ถ้าไม่ตั้งใจฟังก็จะไม่ได้ยินเลย
ลีน่ายืนอยู่นอกห้องเด็กทารก เธอมองดูเด็กน้อยในตู้อบผ่านกระจก หัวใจของพวกเขาสั่นเทา
“ตัวเล็กขนาดนี้ การมีชีวิตรอดได้จริงๆ เหรอ?” เชอรีนกระซิบ
มารุตไอ “คุณพูดอะไรเนี่ย”
“ฉันรู้ว่าไม่ควรพูดอย่างนั้น แต่เด็กคนนี้ยังตัวเล็กและตัวไม่ใหญ่ไปกว่าลูกแมวเลย จริงๆ แล้วฉัน…”
ประโยคหลังจากนั้น เชอรีนไม่ได้พูดต่อ
แต่มารุตและลีน่าก็รู้ว่าเธอหมายถึงอะไร
ใช่ เจ้าตัวเล็กน่าจะเกิดในอีกสี่เดือนหลังจากนี้ แต่ตอนนี้เขาออกมาก่อนสี่เดือน แม้ว่าพยาบาลจะบอกว่าตราบใดที่เด็กแข็งแรงและอยู่ในตู้อบจนครบกำหนด เขาก็สามารถมีชีวิตรอดได้
แต่เมื่อเห็นเจ้าตัวเล็กคนนี้อ่อนแอมาก พวกเขาก็ไม่มีความมั่นใจเลยจริงๆ
ถ้าคุณนัทธีจากไปจริงๆ และเด็กคนนี้ก็ตาย ไม่รู้ว่าวารุณีจะเป็นยังไง พวกเขาไม่กล้าจะคิดเลย
ในเวลานี้ มีเสียงก้าวเดินเข้ามา
ผู้ใหญ่สามคนมองหน้ากัน อารัณและไอริณที่วิ่งจับมือกันมา
มารุตทรุดตัวลงอย่างรวดเร็วและจับพวกเขาไว้ “นายน้อย คุณหนู คุณหญิงไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“หม่ามี๊ไม่เป็นไร หม่ามี๊ถูกส่งตัวไปที่ห้องผู้ป่วยแล้ว” อารัณตอบด้วยดวงตาสีแดง
ไอริณก็สูดน้ำมูก “เรามาจากห้องผู้ป่วยของหม่ามี๊ เราอยากเห็นน้อง”
“อืม อยู่ที่นั่น!” มารุตหันกลับมาและพูดพลางชี้ไปที่ตู้อบที่อยู่ตรงกลางในห้องทารก
ไอริณและอารัณวางมือบนกระจกแล้วมองไปที่ตู้อบ
ไอริณกะพริบตา “อ่า ทำไมเขาตัวเล็กจัง เล็กกว่าไอริณมากๆ!”
เธอยกมือขึ้นทำท่า
อารัณเม้มปากและไม่พูดอะไร
มารุตแตะศีรษะของไอริณและยิ้ม ก่อนจะตอบว่า “เพราะเขาเพิ่งเกิด เขายังเด็กมาก ตอนไอริณยังเด็กมากๆ ก็ตัวเล็กแบบนี้”
“จริงเหรอ?” ไอริณทำหน้าบึ้งอย่างเห็นได้ชัด
มารุตเหลือบมองไปอารัณและพยักหน้า “แน่นอนว่าเป็นความจริง ถ้าคุณหนูไม่เชื่อ ถามนายน้อยได้นะ”
ไอริณหันไปมองอารัณ “พี่ชาย สิ่งที่อามารุตพูดจริงเหรอ?”
อารัณกล่าวว่า “ใช่”
อันที่จริง เขารู้ว่ามารุตกำลังโกหกและจงใจหลอกล่อไอริณให้พูดเช่นนี้ เพียงเพื่อป้องกันไม่ให้ไอริณเสียใจ
เพราะยังไง น้องชายคนนี้ก็ยังเล็กมาก และยังไม่ทราบว่าเขาจะมีชีวิตรอดตามที่พยาบาลบอกหรือไม่
ถ้าบอกไอริณโดยตรง ว่าน้องชายคนนี้อาจจะไม่รอด ไอริณจะต้องเสียใจมากแน่ๆ
เมื่อมารุตเห็นว่าอารัณเข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อผ่านดวงตา เขาก็โล่งใจ
เขาเป็นลูกของประธานจริงๆ เขาเป็นคนฉลาดมาก
“เยี่ยมมาก” เมื่อเห็นอารัณก็พูดเช่นเดียวกัน ไอริณก็ไม่สงสัยอีกต่อไปแล้ว เธอเชื่อว่าตอนที่เด็กๆ เกิดมาจะมีตัวเล็กขนาดนี้
ไอริณเอามือกลับไปวางไว้บนกระจก เธอมองดูเด็กน้อยในตู้อบด้วยดวงตาที่สดใส แล้วพูดอย่างมีความสุขว่า “น้องชาย หนูจะต้องออกจากกล่องนั้นเร็วๆนั พี่สาวรอให้หนูออกมาเล่นด้วยกัน พี่สาวมีของขวัญมาให้มากมาย พี่ชายก็มีเหมือนกัน ใช่ไหม”
ไอริณมองไปที่อารัณ
อารัณพยักหน้า “ใช่”
ไอริณหัวเราะอีกครั้ง
ในบรรดาคนไม่กี่คนที่อยู่ด้วย เธอเป็นคนเดียวที่ไม่รู้สถานการณ์ที่แท้จริงของเด็กน้อย ดังนั้นเมื่อได้ฟังคำอวยพรของเด็กหญิงตัวเล็กๆ ในใจก็เลยรู้สึกเจ็บปวด
หลังจากเฝ้าดูอยู่นาน ทั้งหมดต่างก็พากันกลับไปยังห้องผู้ป่วยของวารุณี
วารุณียังไม่ตื่น เธอนอนหลับอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล
ใบหน้าของเธอขาวราวกับกระดาษ และผิวของเธอก็ดูโปร่งใสเล็กน้อย ราวกับว่าในวินาทีถัดมา มันอาจจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ลีน่า เธอกลับไปก่อน ฉันจะอยู่ที่นี่กับวารุณี” เชอรีนมองไปที่วารุณี และพูดกับลีน่า
ลีน่าอยากจะปฏิเสธ แต่ก็อยากอยู่ที่นี่ด้วยกัน
เชอรีนพูดอีกครั้งว่า “ในกรณีของวารุณี ยังไงก็ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลระยะหนึ่งเลย เธอกลับไปเก็บข้าวของเครื่องใช้ให้เธอ แล้วก็หนังสือออกแบบของเธอด้วย”
“ตกลง ฉันเข้าใจแล้ว” ลีน่าพยักหน้าไม่คัดค้านอีกต่อไป
“ผมก็จะอยู่ที่นี่ด้วย เพื่อดูแลนายน้อยและคุณหนู นายน้อยและคุณหนูจะไม่ทิ้งคุณหญิงไว้อย่างแน่นอน” มารุตกล่าวพร้อมแตะศีรษะของเด็กทั้งสอง