“ฉันรู้”เฉินอินยอมรับข้อเท็จจริงอย่างใจเย็นกว่าที่เธอคิด
น่าจะติดคุกนานเกินไป
เธอไม่สนใจมากนักเกี่ยวกับนิสัยที่เลือดเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ
“คุณเถียนอยากให้ฉันทำอะไร คุณช่วยบอกฉันล่วงหน้าได้ไหม”ไม่มีข่าวคราวจากครอบครัวเธอ ดังนั้นเธอจึงเพ่งความสนใจไปที่เถียนเถียน
ตอนนี้เธอออกจากคุกแล้ว เธอรู้สึกว่าแม้ว่าเถียนเถียนจะมีความต้องการอะไรจากเธอ เธอก็ควรจะพูดตรงๆ
เถียนเถียนหัวเราะเบาๆในโทรศัพท์ แล้วพูดว่า: รีบร้อนอะไรขนาดนั้น นักแสดงยังไม่ครบเลย จะเริ่มแบบไม่เตรียมตัวได้ยังไง สองสามวันนี้คุณลองดูว่าเป่ยเฉิงในสองสามปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงยังไงบ้างดีกว่านะ อีกสองสามวันฉันจะบอกว่างานของคุณคืออะไร”
ทั้งคู่ไม่ได้เป็นคนพูดเก่งอะไร พูดอีกสองสามประโยคแล้วก็ร่ำลากันก่อนจะวางสาย
มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเฉินอินออกมาจากคุกแล้ว ถ้าเหยียนเฟิงไม่เคยเห็นเธอในบริษัทของซังหลินจวิน เขาคงไม่คิดว่าผู้หญิงที่มีผมสั้นอยู่ข้างหน้าเขาจะเป็นเธอ
เขาถูกมั่วอวี่ซึ่งอยู่ที่บ้านไล่ออกจากบ้านเพราะเขาคึกมาทั้งคืน ตอนแรกอยากจะหาร้านอาหารนั่งกินอาหารเช้า คิดไม่ถึงว่าอาหารยังไม่ทันได้มาเสิร์ฟ แขกไม่ได้รับเชิญก็มา
วันนี้เฉินอินแต่งตัวน่ารักสดใส กี่เพ้าสีเขียวอ่อนแหวกจากสะโพกถึงน่องขา
ปักดอกไม้เล็กๆ สองสามดอกที่คอเสื้อและหน้าอก เข้ากับใบหน้าที่แทบไม่แต่งหน้า เมื่อเข้าใกล้ก็จะได้กลิ่นที่หอมละมุนบนร่างกาย
ต้องบอกว่าชุดและกลิ่นหอมนี้สามารถดึงดูดความสนใจคนได้อย่างแน่นอน หลังจากที่เธอนั่งลงโดยไม่ได้รับเชิญในที่ของเหยียนเฟิงก็สังเกตเห็นว่ามีสายตาคนอื่นๆมองมา
เหยียนเฟิงเป็นพวกหัวสมัยใหม่เขาไม่ใช่คนโง่และไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เห็นกลอุบายเล็กๆ น้อยๆ ที่คนตรงหน้าเขากำลังเล่น
ในเวลานี้เองอาหารที่เขาสั่งก็มาเสิร์ฟและเขาก็หยิบตะเกียบกินราวกับว่าไม่มีคนอยู่ข้างหน้าเขาเลย
เฉินอินรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ได้เป็นคนหน้าบางอีกต่อไป
ในช่วงหลายปีที่ถูกคุมขังสอนอะไรให้เธอมากมาย เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือทำเรื่องในสิ่งที่เธออยากจะทำให้สำเร็จโดยไม่คำนึงถึงวิธีการ
“ตอนเช้าดื่มนมสักแก้วสิ นมอุดมไปด้วยโปรตีนและสามารถให้สารอาหารมากมาย”เฉินอินย้ายนมที่เพิ่งเสิร์ฟถึงตรงหน้าให้เหยียนเฟิงโดยแนะนำเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ
เหยียนเฟิงที่กินข้าวไม่อร่อยอยู่แล้วโดนเฉินอินพูดด้วยท่าทางเสแสร้งแบบนั้นเขาก็อยากจะอ้วก
เขาวางสิ่งที่อยู่ในมือลง ลุกขึ้นจะกลับ
เฉินอินคิดไม่ถึงว่าเหยียนเฟิงจะเมินเธอได้ขนาดนี้
เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้เขาไม่เคยปฏิเสธการออกเดทกับสาวสวย ทำไมตอนนี้กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว
เฉินอินยังคงพยายาม เธอลุกขึ้นแกล้งทำเป็นชนโต๊ะร่างเซล้มไปทางเหยียนเฟิง
ได้กอดสาวสวย ปกติผู้ชายจะปฏิเสธหรือจะยอมรับนะ
คำตอบนี้แสดงออกมาอย่างชัดเจนในคำพูดของอดีตเพลย์บอยและทาสของภรรยาคนปัจจุบัน
เท้าของเฉินอินเอียงไปทางเขา เขาอยากจะก้าวถอยหลังแต่จู่ๆ ก็มีส้นสูงดังขึ้นที่ทางเข้าร้านอาหาร
เสียงนี้เหมือนกับเครื่องควบคุมเครื่องจักร เขาแวบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว และไปต้อนรับที่ประตู
มั่วอวี่สวมเสื้อโค้ทแบบสบาย ๆ เธอเคยชินกับการไปร้านอาหารใกล้ ๆ เพื่อทานอาหารเช้าทุกเช้ามานานแล้ว
แม้ว่าเมื่อคืนนี้พวกเขาจะคลั่งไคล้กันทั้งคืน แต่พอเหยียนเฟิงอยากทำอีก เธอจึงไล่เขาออกไป วันสองวันนี้ไม่อยากตื่นขึ้นมาแล้วขาสั่นแต่หลังจากอยู่ในห้องนอนต่อไม่หลับ เธอก็ออกมาหาเขา
เธอนึกไม่ถึงว่า เหยียนเฟิงจะไปกินอาหารเช้าแล้วไปเด็ดดอกไม้เน่าๆ ถึงแม้เธอจะเห็นว่าเหยียนเฟิงปฏิเสธตลอด แต่ในใจก็ไม่มีความสุข เผชิญกับคนที่หยั่งรากลึกในใจเธอกำลังโดนคนอื่นอ่อย ความรู้สึกภูมิใจไม่มีอีกแล้ว
ทำไมผู้ชายของเธอต้องโดนคนอื่นอ่อยด้วย?
มั่วอวี่ใส่ส้นสูงเดินมาอย่างสง่างาม แต่ไม่รู้ว่าออร่าของเธอแรงไปหรือไม่ ทำให้ดูดุดันเลยไม่มีใครเข้ามาห้าม
“เสี่ยวอวี่ ทำไมคุณตื่นแล้วล่ะ”หลังจากที่เหยียนเฟิงเดินมา เขาก็เอาแขนโอบเอวเธอ และความใกล้ชิดของทั้งสองสามารถบอกได้ทันทีว่าพวกเขาเป็นแฟนกัน
ดังนั้นในร้านอาหารตอนนี้ คนที่ได้เห็นผู้หญิงอ่อยผู้ชายแต่อ่อยยังไงก็ไม่สำเร็จ คนคนนั้นเพิ่งล้มลงกับพื้นเพราะเขาไม่ได้ประคองเธอไว้
“ถ้าฉันไม่มา ก็ไม่รู้ว่าคุณแอบไปเหล่สาวข้างนอก”มั่วอวี่มองไปที่เหยียนเฟิงด้วยรอยยิ้มจางๆมองดูเขาด้วยท่าทางหยิ่งๆและใช้แรงแกะมือของเขาออก
เหยียนเฟิงเพียงรู้สึกว่าเขาผิดเห็นได้ชัดว่า ผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อเฉินอินเข้ามาแตะต้องเขาและมันไม่ได้เกี่ยวกับเขาเลยสักนิด
แต่มองไปที่เสี่ยวอวี่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดเลยเขาอธิบายพลางพาเธอเดินไปข้างนอก อีกมือก็ล้วงกระเป๋าหยิบเงินมาจ่าย
เฉินอินที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ได้ลุกขึ้นจากพื้นแต่ผู้คนรอบๆตัวเธอยังคงมองเธอเธอรู้สึกเหมือนเข็มที่แหลมคมที่แทงทะลุหัวใจและไม่สามารถดึงมันออกมาได้ .
เธอต้องการปิดหูของเธอไม่ฟังสิ่งที่พวกเขาพูด อยากจะตะโกนดังๆไปให้ทั่ว
แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ใช่คนที่เปราะบางและหยิ่งทะนงเหมือนเมื่อก่อน เมื่อเธอจ่ายเงินแล้วเธอก็ขึ้นรถแล้วจากไป
มั่วอวี่และเหยียนเฟิงที่แยกทางกับเธอกลับบ้าน และทั้งสองนั่งบนเก้าอี้เดียวกันและเหยียนเฟิงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อส่งข้อความ
ปกติแล้วมั่วอวี่จะไม่ดูโทรศัพท์มือถือของเขา แต่คราวนี้เขามองด้วยความสงสัยพบว่าเขาได้ส่งข้อความถึงซังหลินจวิน
“ผู้หญิงคนนั้นเกี่ยวอะไรกับซังหลินจวินทำไมเธอถึงบอกให้เขาระวังเธอล่ะ”หลังจากเหยียนเฟิงส่งข้อความและวางโทรศัพท์ลง มั่วอวี่ซบหน้าอกเขาพลางถาม
เหยียนเฟิงที่เพิ่งปฏิเสธการกอดของเฉินอินเมื่อเขาเผชิญหน้ากับอ้อมกอดของมั่วอวี่เขากลับกอดเธอแน่น“เฉินอินเป็นน้องสาวของเฉินเฉียวแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอจะไม่ชัดเจน แต่ผมรู้ว่าพวกเขามีแค้นที่ต้องชำระกัน”