เมื่อหยุนชางกลับมาที่สวนชมดอกเบญจมาศ เฉี่ยนอินก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา และแววที่นางมองหยุนชางดูหยอกล้อเล็กน้อย “พระชายาเพคะ เมื่อสักครู่คุณชายฉีกำลังใช้กลวิธีวีรบุรุษช่วยสาวงามกับท่านหรือเพคะ?”
แววตาของหยุนชางก็เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่นางกลับส่ายหน้า “เจ้านี่นะ เขาใช้ชีวิตมาลงทุนเชียวนะ อย่างที่เห็นเขาถูกแทงไปหนึ่งแผลจริงๆ ข้าเกรงว่าคงจะใช้เวลานานจึงจะฟื้นตัวได้ เจ้ายังใจดำเยาะเย้ยเขาอีก แต่การแสดงนี้ของเขาแย่ไปนิดหน่อย หรือว่าคนในจวนฉีชอบทำเช่นนี้กันหรือ? จัดแสดงบทละคร “มู่หลาน” แต่กลับนำคนที่อ่อนแอเช่นนั้นมาแสดง จัดแสดงวีรบุรุษช่วยสาวงาม แต่ก็มีจุดน่าสงสัยเต็มไปหมด”
ดวงตาของเฉี่ยนอินเต็มไปด้วยความสงสัย “เมื่อสักครู่พระชายาดึงหม่อมฉันไว้ไม่ให้เข้าไปช่วย เพราะดูออกว่าคุณขายฉีกำลังเล่นละครหรือ?”
หยุนชางพยักหน้า “สถานที่ที่เขาปรากฏตัวนั้นบังเอิญเกินไป ช่วงนี้เจ้าสั่งให้คนดูตัวจวนฉีนี้ให้ทั่ว ทางนี้มีเพียงพวกเราอาศัยอยู่ เดิมทีเวลานี้ไม่ควรมีคนปรากฏตัวที่นี่ อีกทั้งเจ้าเคยเห็นใครที่เดินเล่นอยู่ในบ้านตัวเองและยังพบดาบติดตัวหรือไม่? แม้จะเป็นคนที่ระมัดระวังอย่างท่านอ๋อง ก็ไม่ทำเรื่องเช่นนี้”
เฉี่ยนอินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จริงอย่างที่พระชายากล่าว นางรู้สึกชื่นชมหยุนชางอยู่ในใจ รอยยิ้มที่อยู่บนหน้ายังคงไม่หายไป ” คุณชายฉีจัดฉากออกมาทุ่มเทเช่นนี้ พระชายาจะชดเชยอย่างไรหรือเพคะ? คุณชายฉีได้รับบาดเจ็บเพราะว่าช่วยพระชายานะเพคะ อีกทั้งยังสลบแล้วด้วย”
หยุนชางหาวแล้วเดินไปเอนกายลงที่เบาะๆ ” เขาอยากที่จะฉากแสดงเช่นนี้ก็เป็นเรื่องของเขา เกี่ยวข้องกับฉันอย่างไรหรือ?”
เมื่อเฉี่ยนอินเห็นว่านางดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย เฉี่ยนอินก็หยุดแกล้งนาง จึงไปต้มน้ำเพื่อปรนนิบัติหยุนชางให้นางได้พักผ่อน แต่กลางดึกมีสาวใช้คนหนึ่งรีบเข้ามาและเคาะประตูของสวนชมดอกเบญจมาศที่ใกล้ที่ประทับของหยุนชาง
องครักษ์ฝ่ายในนำสาวใช้นั้นเข้ามาให้เฉี่ยนอิน เฉี่ยนอินขมวดคิ้วและพูดว่า “พระชายาพักผ่อนแล้ว เจ้ามายามดึกเช่นนี้ มีเรื่องกระไรหรือ?”
ดวงตาของสาวใช้นั้นเป็นสีแดงราวกับว่านางเพิ่งร้องไห้ และแววตาที่นางมองเฉี่ยนอินช่างน่าสงสารอย่างมาก ” คุณพี่เฉี่ยนอินเจ้าคะ ช่วยส่งสารให้พระชายาได้หรือไม่เจ้าคะ ขอให้ท่านไปพบคุณชายของหม่อมฉันด้วยเถิด วันนี้คุณชายของหม่อมฉันได้รับบาดเจ็บและสลบไปเป็นเวลานาน จู่ๆ ท่านก็เรียกหาพระชายาไม่หยุด หม่อมฉันคิดว่า คุณชายคงเป็นห่วงว่าพระชายาจะได้รับบาดเจ็บ ฉะนั้นจึงได้เป็นเช่นนี้ หม่อมฉันจึงมาขอร้องให้พระชายาทรงไปเยี่ยมคุณชาย”
เฉี่ยนอินได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของนางก็ค่อยๆ เย็นชาลง และนางก็ตำหนิอย่างรุนแรงว่า “เหลวไหล!”
ดูเหมือนสาวใช้จะสะดุ้งตกใจกับสิ่งที่เฉี่ยนอินกล่าว นางจ้องมองไปที่เฉี่ยนอินด้วยความงุนงง ดวงตาของนางมีน้ำตาคลอ “พี่เฉี่ยนอิน…”
สีหน้าของเฉี่ยนอินเย็นชา และขัดจังหวะของนาง ” พระชายาของเรามีตำแหน่งอะไรหรือ? ท่านเป็นภรรยาของจิ้งอ๋อง และเป็นพระชายาจิ้งอ๋อง แล้วคุณชายของเจ้าคือใคร? ดึกดื่นเช่นนี้หากว่าพระชายาได้เกิดความเมตตาและไปเยี่ยมดูคุณชายของเจ้าที่ห้อง เช่นนี้พรุ่งนี้แม้มีสิบปากก็ยากที่จะอธิบายแล้ว เจ้ากำลังทำให้พระชายานั้นตกเป็นคือผู้เสียเปรียบ เรื่องนี้ไม่มีทางปรึกษาได้อีก ไปหาท่านหมอเถิด แม้ว่าท่านหมอจะจัดการไม่ได้ ก็ขอให้เจ้าไปเชิญฮูเหรินของคุณชายของเจ้าเสีย”
สาวใช้ก้มตาลง นัยน์ตาแดงก่ำ น้ำตาของนางร่วงลงมาเล็กน้อย น้ำเสียงของนางสั่นนางจึงกล่าวด้วยเสียงเบาว่า “เข้าค่ะ หม่อมฉันทราบเจ้าค่ะ หม่อมฉันทำผิดกฎไปเองเจ้าค่ะ พี่เฉี่ยนอินโปรดอย่างถือสานะเจ้าคะ หม่อมฉันแค่เป็นห่วงคุณชายมากเกินไป หม่อมฉันจะกลับไปประเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” ขณะที่กล่าวนางก็โค้งคำนับเฉี่ยนอิน แล้วถอยกลับไป
แววตาของเฉี่ยนอินฉายแววตาเย็นชาออกมา ก่อนหน้านี้คุณชายใหญ่ของตระกูลฉีทำตัวเหลวไหลเช่นนั้น นางก็คิดเสียว่าเป็นการหยอกล้อ จึงกล่าวตักเตือนไปไม่กี่คำก็ปล่อยเรื่องนี้ผ่านไป เพียงแต่เรื่องในวันนี้ หากเป็นฝีมือของคุณชายใหญ่ฉีล่ะก็ ก็บอกได้แค่ว่าคุณชายใหญ่ฉีนั้นมีความประสงค์ร้ายที่ยากจะคาดเดา
หากว่าวันนี้พระชายาไปตามคำเชิญจริงๆ แล้วจู่ๆ ขณะที่เยี่ยมไข้นั้น มีคนโผล่มาก ชื่อเสียงของพระชายาก็คงเสื่อมเสียไปเช่นนี้กระมั้ง
เฉี่ยนอินเงียบไปครู่หนึ่ง มิได้รายงานเรื่องนี้ให้หยุนชางทราบในทันที นางกลับไปพักผ่อนที่ห้องด้านข้างก่อน
เช้าวันรุ่งขึ้น หยุนชางขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินเฉี่ยนอินพูดถึงเรื่องนี้ แต่นางก็เข้าใจบางอย่างในใจขึ้นมาทันที ข้าเกรงว่าจุดประสงค์ของฉีอวี้เฟิงนั้นมิใช่การจัดฉากละครวีรบุรุษช่วยสาวงาม เพื่อให้หยุนชางรู้สึกขอบคุณเขาจากใจ เกรงว่าจะมิใช่จุดประสงค์ธรรมดาเช่นนี้
วิธีการนี้เมื่อตอนที่อยู่ในพระราชวังตนเคยใช้กับหัวจิ้งเช่นกัน จุดประสงค์ของคนในจวนฉี เพียงแค่ต้องการทำให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียงก็เท่านั้น
นางเป็นหญิงสาวที่อภิเษกสมรสแล้ว อีกทั้งยังอภิเษกสมรสกับจิ้งอ๋อง ฉีอวี้เฟิงได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยนาง อีกทั้งยังเอาเรื่องนี้มาโวยวายกลางดึกเช่นนี้ ก็แค่อยากให้คนอื่นรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ งานเลี้ยงต้อนรับเมื่อวานนี้ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น และหยุนชางก็ออกไปก่อนที่งานเลี้ยงจะจบลง แต่ในเวลานี้กลับมีเหตุการณ์ลอบสังหารเกินขึ้นอย่างกะทันหัน ตามหลักเหตุผลแล้ว ด้วยตำแหน่งของหยุนชาง มีคนคิดอยากจะสังหารนางก็มิใช่เรื่องแปลกกระไร แต่สิ่งที่จะทำให้ผู้อื่นครุ่นคิดคือ เพราะเหตุใดตอนนั้นฉีอวี้เฟิงจึงอยู่กับหยุนชาง?
หยุนชางเข้าใจในทันที ความเยือกเย็นปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง เราควรจัดการกับสถานการณ์ดังกล่าวอย่างไร? วิธีที่ดีที่สุดคืออยู่ให้ห่างจากฉีอวี้เฟิง แต่ตอนนี้ตนอาศัยอยู่ในจวนฉี ไม่ว่าอย่างไรก็มีพบเจอกันบ้าง หากว่าคิดจะออกห่างจริงๆ จึงต้องย้ายออกจากจวนฉี หากเป็นเช่นนั้นก็คงถูกใจฉีหล่างเป็นอย่างมาก
เดิมทีฉีหล่างนับว่าเป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองคังหยาง เขาอิสระ มีอำนาจอย่างมาก แต่อยู่ดีๆ กลับมีหยุนชางโผล่ออกมา ตำแหน่งของนางสูงเสียด้วย ไม่ใช่คนที่ฉีหล่างแตะต้องได้ อีกทั้งยังมาพร้อมพระราชโองการ อยากจะเข้ามาแทรกแซงในอาณาเขตของเขา เช่นนี้จะมิให้เขาเกลียดชังได้อย่างไร
ถ้าหยุนชางออกไปเพราะเรื่องนี้จริงๆ ฉีหล่างคงจะดีใจจนตื่นจากความฝันพร้อมรอยยิ้มอันสดใส เพียงแต่ว่า หากว่าไม่จากไป พลังของข่าวลือนินทานี้หยุนชางเข้าใจมันดี
ด้วยเรื่องนี้ทำให้หยุนชางขังตัวเองอยู่ในห้องทั้งวันและไม่ได้ออกไปไหนจนถึงเย็น ทันทีที่นางออกมา นางก็ดึงเฉี่ยนอินมาและสั่งการเป็นเวลานาน เฉี่ยนอินได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของนามเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แต่นางก็จัดการให้คนไปเตรียมของให้เรียบร้อบ จากนั้นก็นำของที่เตรียมไว้ไปที่ลานที่ฉีอวี้เฟิงอาศัยอยู่
ในเวลานี้ ในห้องของฉีอวี้เฟิงนั้นมีคนอยู่มากมาย เนื่องจากฉีอวี้เฟิงเป็นบุตรชายของฉีหล่าง และเขาทำหน้าที่เป็นนายพันเอกในกองทัพ ตำแหน่งของเขาจึงไม่ต่ำมาก เมื่อได้ยินว่าฉีอวี้เฟิงได้รับบาดเจ็บ นายพลจำนวนมากในกองทัพก็มาเยี่ยมเยียนที่จวนฉี
“ฮ่าๆๆๆ นายพันเอกก็เป็นคนโรแมนติกหรือเนี่ย วันนี้ทหารของข้าบอกกับข้าว่านายพันนั้นได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยองค์หญิงอะไรนั่นหรือ ข้าตกใจอย่างมาก ได้ยินมาว่าองค์หญิงอะไรนั่นงดงามยิ่งนัก เมื่อวานนี้ข้าต้องลาดตระเวน จึงมิได้มาร่วมงานต้อนรับ ทำให้ข้านั้นเศร้ายิ่งนัก นายพันเอกได้รับบาดเจ็บ องค์หญิงนั้นไม่มาเยี่ยมเยียนหรือ?”
“นายพันขอรับ เล่าเรื่องที่กล้าหาญของเมื่อวานนี้ให้พวกเราฟังหน่อย ทุกคนสงสัยเป็นอย่างมากเชียวนะ”
ฉีอวี้เฟิงนอนอยู่บนเตียง สีหน้าของเขาไม่มีความขาวซีดของคนที่ได้รับบาดเจ็บควรมี ตรงกันข้าม เขากลับหน้าแดงเล็กน้อยเพราะคำหยอกล้อของทุกคน เขาอู้อี้อยู่นานมิได้กล่าวกระไรออกมา จึงทำให้เหล่าทหารนั้นหยอกล้ออยู่ครู่หนึ่ง
“ดูจากทรงของนายพันเอกแล้ว ช่างเหมือนกับเด็กหนุ่มที่กำลังหวั่นไหวต่อความรักเชียวนะ นายพันเอกนั้นรูปหล่อ หญิงสาวที่โปรดปรานนายพันเอกก็มีไม่น้อย ดูข้าเห็นว่าหญิงสาวที่มอบของให้นายพันเอกอยู่บ่อยๆ นั้นก็มีสาวงามอยู่บ้าง แต่นายพันเอกกลับไม่แม้แต่จะมอง หรือว่าองค์หญิงนั้นงามเช่นนั้นเชียวหรือ?”
ขณะที่เขากำลังพูดคุยนั้น ก็มีสาวใช้คนหนึ่งรีบเดินเข้าไปในห้องและโค้งคำนับฉีอวี้เฟิงพร้อมกล่าว ” คุณชายใหญ่เจ้าคะ แม่หญิงเฉี่ยนอินที่เป็นสาวใช้คนสนิทขององค์หญิงมาเยี่ยมเจ้าค่ะ”
ดวงตาของฉีอวี้เฟิงเผยความคาดหวังออกมาเล็กน้อย และเขาไม่มีเวลาสนใจว่าในห้องนั้นมีคนกี่คน ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ประตู เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินว่าองค์หญิงได้ส่งคนมา พวกเขามองไปที่ประตูด้วยความสงสัย แม้ว่าพวกเขาจะไม่เห็นองค์หญิง แต่ก็ดีที่ได้เห็นสาวใช้ขององค์หญิง องค์หญิงนั้นคือผู้สูงส่งที่อยู่ในนครหลวง คนอย่างพวกเขาเฝ้าอยู่ที่ชายแดนนี้ ทั้งชีวิตนี้ก็ไม่มีโอกาสได้พบองค์หญิงตัวจริงหรอก
เฉี่ยนอินในชุดมีน้ำเงินเดินเข้ามาภายใต้การจ้องมองของทุกคน แม้ว่าจะมีคนจับจ้องอยู่มากมาย นางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ก็มิได้แสดงอาการไม่สบายใด ๆ ออกมา นางกวาดสายตามองดูทุกตน จากนั้นก็จ้องมองไปที่ฉีอวี้เฟิง นางโค้งคำนับ ” หม่อมฉันเฉี่ยนอินขอคารวะคุณชายใหญ่ฉีเจ้าค่ะ พระชายาได้สั่งให้หม่อมฉันนำยากบำรุงเหล่านี้มาให้ เพื่อเป็นการตอบแทนที่คุณชายช่วยชีวิตไว้เมื่อวานนี้เจ้าค่ะ ” ในขณะที่พูด นางก็โบกมือไปทางข้างหลัง
มีหญิงสาวแปดคนที่แต่งกายเป็นสาวใช้เดินขึ้นมาจากข้างหลัง ในมือของทุกคนถือจานไว้ ซึ่งมีสิ่งของต่างๆ อยู่มากมาย บนจานหลายใบมียาบำรุงล้ำค่า เช่น โสม และเห็ดหลินจือ และของบนจานบางใบเป็นหายากและแปลกใหม่