“เสด็จพ่อ…” หยุนชางเอ่ยปากอย่างแผ่วเบา ระงับความตึงเครียดระหว่างทั้งสองเอาไว้ และกระซิบเบา ๆ “ตอนนี้เสด็จพี่เป็นนางสนมสุดโปรดปรานจององค์รัชทายาทแห่งแคว้นเย้หลาง และตอนนี้มีครรภ์ ในเมื่อองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเย้หลางได้พานางสนมสุดโปรดปรานมาเยือน ไม่ว่างอย่างไรพวกเราก็ต้องให้เกียรติพวกเขาอยู่บ้าง เสด็จพี่ก็อย่างได้ตื่นตระหนก เจ้า…… คงจะกินยาหว่านเสน่ห์ไปมาก ทารกในครรภ์จึงไม่แข็งแรงนัก อีกทั้งก่อนหน้านี้เสด็จพี่เคยแท้งมาก่อน หากว่าครั้งนี้ไม่รักษาทารกในครรภ์ให้ดี เกรงว่าทารกในครรภ์ก็คงจะแท้งเช่นกัน”
หนิงหัวจิ้งตกตะลึง สีหน้าของนางเย็นชาอย่างมาก นางหันไปมองสีหน้าที่สงสัยของชางเจียคังหนิง และตะโกนใส่หยุนชางอย่างดุร้าย ” เจ้ากำลังพูดเรื่องเหลวไหลอะไรกัน?”
เมื่อตอนที่หยุนชางทราบว่าหนิงหัวจิ้งปลอบตัวเป็นจิ่งเหวินซีแล้วเข้าวังมา นางก็ครุ่นคิดตลอดว่า นางทำเช่นนี้เพื่อเหตุอันใดหรือ เพียงแต่ว่าเมื่อเข้าตำหนักจินหลวนแล้วก็ทราบแล้วว่า พิธีในวันนี้ชางเจียคังหนิงที่อยู่ในพิธีเช่นกัน ก่อนหน้านี้หนิงหัวจิ้งได้พูดเท็จไปเยอะมากเนื่องจากที่นางต้องการทำให้ชางเจียคังหนิงหลงใหลในตัวนาง หนิงหัวจิ้งคิดว่าหลังจากนี้นอกจากตนต้องใช้อำนาจของชางเจียคังหนิงเพื่อรักษาชีวิตตนไว้ และทำให้ชางเจียคังหนิงหลงใหลในตัวนาง ให้แคว้นเย้หลางนั้นกลายเป็นผู้สนับสนุนของนางแล้ว แน่นอนนางต้องห้ามไม่ให้ชางเจียคังหนิงทราบเรื่องที่น่าอับอายในอดีตของนางเด็ดขาด
เพียงแต่เหตุการณ์ก่อนหน้าของนางที่เกิดในแคว้นหนิงนั้น ทุกคนก็ทราบกัน หากไม่อยากให้ชางเจียคังหนิงทราบเรื่องนี้ วิธีที่ดีที่สุดคือการเก็บตัวไม่เจอใคร แต่หากว่านางไม่ปรากฏตัว แล้วนางจะจัดการกับหยุนชางได้อย่างไร ดังนั้น นางจึงคิดจะใช้จิ่งเหวินซีเป็นเครื่องมือ นางคิดว่าวิธีกักตัวจิ่งเหวินซีไว้ เพียงแต่สิ่งเดียวที่นางวางแผนพลาดนั่นก็คือจิ่งเหวินซีถูกจิ้งอ๋องจับตัวไปอย่างกะทันหัน
แน่นอน สิ่งที่นางคาดไม่ถึงยิ่งกว่านั้นก็คือ หยุนชางสามารถดูออกได้อย่างรวดเร็วว่าสิ่งที่นางให้คนใช้นำมานั้นมิใช่น้ำแต่เป็นน้ำมัน
หยุนชางชมความตื่นตระหนกในดวงตาของหนิงหัวจิ้ง นางขำเบาๆและหันไปมองชางเจียคังหนิง
ตอนนี้จิ้งอ๋องกลับยิ้มและบอกกับชางเจียคังหนิงว่า “องค์ชายขอรับ หรือว่าองค์หญิงหัวจิ้งไม่เคยบอกว่าเจ้าหรือว่า เมื่อก่อนนางเคยเก็บตัวชายงามไว้หลายคน อีกทั้งยังเคยแท้งลูกด้วย อีกเรื่องหนึ่ง ทารกที่นางแท้งไปเป็นขององค์ชางเจียชิงซู น้องชายของท่าน ดูจากสีหน้าของเจ้าแล้ว เจ้าไม่เคยทราบจริงหรือ?”
สีหน้าของจิ้งอ๋องตกตะลึงเล็กน้อย เขากวาดสายตาไปที่ชางเจียคังหนิงอย่างเฉยเมย จากนั้นก็มองไปที่ท้องของหนิงหัวจิ้ง ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
สีหน้าของชางเจียคังหนิงโกรธเคืองอย่างมาก เขากัดฟัน และมองไปที่หัวจิ้ง เวลาเพียงไม่นาน แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
หนิงหัวจิ้งกัดริมฝีปาก ความโกรธแค้นที่ปรากฏในใจนั้นแทบจะกลืนกินนางไปทั้งตัวแล้ว กว่านางจะรอดชีวิตจากชางเจียชิงซูมาได้นั้นยากลำบากยิ่งนัก และนางขอไปอยู่กับชางเจียคังหนิง เพียงเพื่อรักษาชีวิตตัวเองไว้ ชางเจียคังหนิงมีนางสนมนับไม่ถ้วน นางความพยายามอย่างมากเพื่อที่จะได้รับความโปรดปรานจากชางเจียคังหนิง โดยไม่คำนึงถึงชีวิตของทารกในครรภ์ของตน และถึงขั้นที่ยอมทิ้งชีวิตของทารกในครรภ์ไป เพียงเพื่อสามารถได้รับความโปรดปรานนี้อย่างมั่นคง เสด็จแม่ได้สิ้นพระชนม์แล้ว เสด็จพ่อก็ไม่ยอมพบนาง ชางเจียชิงซูมองนางเป็นเพียงเครื่องมือ และตอนนี้ข้างกายของชางเจียคังหนิงเป็นที่พักสุดท้ายของนางแล้ว เพียงแต่หลับถูกทำลายโดยคำพูดไม่กี่คำของหนิงหยุนชางและจิ้งอ๋อง นางจะไม่โกรธแค้นได้อย่างไร!
หนิงหัวจิ้งรู้สึกเพียงว่านางแค้นจนตัวสั่น และนานจึงจะสงบอารมณ์ตัวเองได้ นางจึงเอ่ยปาก ” เจ้าอย่าคิดว่าการหยดเลือดเพื่อพิสูจน์สายเลือดนั้นสามารถพิสูจน์ตัวตนของเจ้าได้ สองสามวันนี้ข้าได้ตรวจสอบอยู่ที่วิหารแคว้นหนิง มันวิเศษมาก สิ่งที่พระสงฆ์นั้นกล่าวมาเมื่อสักครู่นี้เป็นความจริงทั้งหมด และเจ้าก็คงร้อนตัวอยู่บ้าง หึ…….ข้าจำได้ว่าก่อนที่น้องจะไปที่วิหารแคว้นหนิง น้องไม่รู้จักตัวอักษรใดๆเลย แต่เมื่อกลับมากลับกลายเป็นคนที่เก่งทุกด้าน แม้กระทั่งศิลปะการต่อสู้และทักษะทางการแพทย์ เจ้าก็ใช้ข้ออ้างว่าเจ้าอาวาสอู๋น่าสอนมา แต่หลังจากที่ข้าสิบมาในวิหารแคว้นหนิงแล้ว พระภิกษุสงฆ์ทุกรูปในวิหารล้วนกล่าวว่า หลังจากที่เจ้าไปถึงวิหารแคว้นหนิงแล้ว เจ้าอาวาสอู๋น่าได้พบเจ้าเพียงเจ็ดครั้ง หนึ่งปีหนึ่งครั้ง เจ้ามีพรสวรรค์เช่นนี้เลยหรือ เจ้าอาวาสอู๋น่าสอนเจ้าเพียงเจ็ดครั้งเจ้าก็ทำได้แล้วหรือ? ช่างเป็นเรื่องน่าตลกสิ้นดี!”
เมื่อเห็นแววตาของทุกคนเริ่มจับจ้องมาอีกครั้ง หนิงหัวจิ้งก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “พระภิกษุสงฆ์ในวิหารล้วนบอกว่าเจ้าทำได้เพียงเขียนคัดลอกพระไตรปิฎกธรรมดา อีกทั้งทำได้แค่เขียนคัดลอก ตัวหนังสือพวกนั้นก็คงจำได้ไม่หมดหรอก แล้วเหตุใดเจ้าจึงเก่งกาจขึ้นมาเช่นนี้? ข้าได้ข่าวมาว่า เมื่อตอนที่เจ้าอยู่ในเมืองคังหยาง เจ้าคุ้นเคยกับกลยุทธ์การทำสงครามอย่างมาก เจ้าคงจะบอกกับพวกเราอีกว่ากลยุทธ์แห่งสงครามนั้น จิ้งอ๋องเป็นคนสอนเจ้าใช่หรือไม่?”
หยุนชางเงยหน้าขึ้นและหัวเราะเบา ๆ นางไม่เคยคิดเช่นนี้จริง แม้จะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ หนิงหัวจิ้งก็ยังไม่หยุดที่จะสงสัยตัวตนที่แท้จริงของนาง
เสียงที่นุ่มนวลดังขึ้นในตำหนักจินหลวง “องค์หญิงหัวจิ้งก็คิดมาไปกระมั้ง แม้ว่าข้าจะอยู่ในตำหนักเย็นมาตลอด แต่ชางเอ๋อร์เป็นบุตรสาวของข้า ข้าจึงให้ความสนใจกับนางเป็นอย่างมาก ชางเอ๋อร์ถูกนำตัวไปที่วิหารแคว้นหนิงก็เพื่อพักฟื้นเพราะสุขภาพไม่ดี ข้าได้สั่งให้คนไปตามท่านพ่อ หลังจากที่ท่านพ่อลาออกจากตำแหน่งขุนนางแล้ว ท่านก็ไปซ่อนตัวอยู่ในป่า ด้วยเหตุที่ท่านสนิทกับเจ้าอาวาสอู๋น่าอย่างมาก สถานที่ที่ท่านพักอาศัยนั้นก็อยู่ไม่ไหลจากวิหารแคว้นหนิงนัก ก่อนหน้านี้ที่กล่าวว่าจะมีคนเข้าไปอาศัยในวิหารเดือนละหนึ่งช่วงเวลานั้น ก็คือท่านพ่อของข้าเอง ข้าเป็นคนขอร้องให้ท่านพ่อดูแลสอนหยุนชางให้ดี ทั้งขิมจีน หมากรุก การเขียนตัวอักษร การวาดภาพ กลยุทธ์การรบและศิลปะการต่อสู้นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะท่านพ่อของตนเป็นคนสอน หากคนที่คนที่คุ้นเคยกับท่านพ่อ เมื่อเห็นตัวอีกษรที่หยุนชางเขียน หรือภาพวาดที่วาดก็จะสามารถทราบได้ว่า การเขียนของหยุนชางนั้นมีความคล้ายกันกับท่านพ่ออย่างมาก”
คนที่พูดนั้นคือจิ่นกุ้ยเฟย
สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่คนที่ประทับอยู่ที่นั่นอย่างงดงามราวกับภาพวาดที่ถูกลืมไว้ เมื่อได้ยินสิ่งที่นางพูด ก็มีคนนึกขึ้นมาได้ว่า “บิดาของจิ่นกุ้ยเฟย เป็นอดีตมหาราชครูเชียวหย่วนซาน ”
“โอ้… พรสวรรค์ของอาจารย์เซียว แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่น้อยคนจะเทียบได้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่องค์หญิงหยุนชางมีความสามารถเช่นนี้”
จักรพรรดิหนิงหยุดตะลึง เขาเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่จิ่นกุ้ยเฟย นานจึงละสายตาออกมา “หนิงหัวจิ้งกล่าวใส่ร้ายพระราชธิดา อีกทั้งยังทำผิดข้อหาหลอกลวงเบื้องสูง เพียงแต่ว่าตอนนี้หนิงหัวจิ้งเป็นนางสนมคนโปรดขององค์รัชทายาทชางเจีย องค์รัชทายาทชางเจียยอมที่จะปล่อยให้เจิ้นจัดการกับนางหรือไม่?”
แววตาของชางเจียคังหนิงจ้องไปที่ท้องส่วนล่างของหนิงหัวจิ้ง เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง แต่ทันใดนั้นสิ่งที่จิ้งอ๋องกล่าวมาเมื่อสักครู่นี้ก็ปรากฏขึ้นในใจ ทันใดนั้นเขาก็โกรธเคืองขึ้นมา เมื่อตอนนั้นที่เขาพบหนิงหัวจิ้ง เขาก็หลงใหลในรูปร่างหน้าตาของนาง เขาไม่ได้สนใจว่านางบริสุทธิ์หรือไม่ แต่ก็ยังเก็บนางไว้ข้างกาย และคิดในใจว่า นางเป็นเพียงของเล่น ไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรมากมายเช่นนั้น
ต่อมาปรากฏว่านางดูมีเสน่ห์ และเมื่ออยู่บนเตียงนางยิ่งดูน่าหลงใหลมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งหลังจากนั้นไม่นานนางก็ตั้งท้อง เขาไม่มีบุตรอยู่แล้ว ในฐานะที่เป็นองค์รัชทายาท อีกทั้งอายุเขาก็ไม่น้อยแล้ว แน่นอนว่าเขาจึงคาดหวังในการมีบุตรเป็นอย่างมาก จากนั้นด้วยเหตุที่ทางตั้งครรภ์ เขาจึงโปรดปรานหนิงหัวจิ้งมากขึ้นกว่าเดิม
เขาคาดไม่ถึงว่า ความจริงมันจะเป็นเช่นนี้