ในใจยังคงงุนงงสับสน ผ่านไปสักพัก เฉี่ยนอินจึงค่อยๆเอ่ยถามขึ้นมาว่า “พระชายาตื่นแล้วใช่ไหมเพคะ?”
พระชายาไม่ตอบ แต่กลับได้ยินเสียงแหบแห้งของจิ้งอ๋องตอบกลับมาแทน “เจ้าออกไปก่อน ไม่ต้องเก็บข้าวของแล้ว เมื่อถึงเวลารับอาหารเที่ยง ค่อยมาเรียกพวกข้า”
เฉี่ยนอินรับคำ แล้วรีบถอยออกไปข้างนอก แต่ยังไม่ทันที่จะเดินพ้นจากประตู ก็ได้ยินเสียงหยุนชางตวาดดังลั่นขึ้นมา “กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!”
เฉี่ยนอินถึงกับหยุดชะงัก หยุนชางพูดต่อไปว่า “เก็บของต่อไป ให้คนเตรียมม้าเอาไว้ด้วย”
เฉี่ยนอินทำตัวไม่ถูก นางเป็นสาวใช้ของพระชายา ควรจะทำตามคำสั่งของพระชายา แต่เมื่อนึกไปถึงท่าทางอันน่าเกรงขามของท่านอ๋องแล้ว นางก็เกิดความสับสน
ท่ามกลางสถานการณ์อันน่าอึดอัด จิ้งอ๋องก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “เอาล่ะๆ ไม่ทะเลาะกันแล้วนะ ข้าผิดเอง ข้าไม่ควรหายตัวไป ทำให้เจ้าต้องเป็นกังวล ข้ามันไม่ดีเอง เจ้าอย่าโกรธไปเลยนะ”
เฉี่ยนอินได้ฟังก็ครุ่นคิด นั่นคือเสียงของจิ้งอ๋องนี่ แต่น้ำเสียงที่อ่อนโยนเช่นนี้ ฟังอย่างไรก็ไม่เข้ากับท่าทางอันน่าเกรงขามของเขาเลย
แล้วนางก็ได้ยินเสียงหยุนชางพูดขึ้นมาราวกับเป็นเด็ก “ท่านออกไปเลยนะเพคะ หม่อมฉันไม่อยากเห็นหน้าท่านแล้ว”
เสียงนั้นฟังดูประชดประชัน ผิดวิสัยการพูดของหยุนชาง
เฉี่ยนอินยังคงวางตัวไม่ถูก นางตัดสินใจทูลลาออกไปทันที
บนเตียง จิ้งอ๋องหยิบมีดออกมาจากมือของหยุนชาง แล้วโอบกอดนางเอาไว้ เขาส่งยิ้มให้นาง “เป็นเด็กดีนะ ข้ายอมรับผิดแล้ว ขอพระชายายอมฟังข้าน้อยอธิบายเสียหน่อยได้ไหมขอรับ? หืม?”
คำว่า “หืม” ในตอนท้ายถูกเน้นหนักเป็นพิเศษ หยุนชางได้ฟังก็ถอนหายใจ “จะอธิบายอะไรล่ะเพคะ จะอย่างไรท่านก็ไม่ผิดอยู่ดี ทุกอย่างที่ท่านทรงทำล้วนมีเหตุผลเสมอ”
เมื่อจิ้งอ๋องได้ฟังก็รับปฏิเสธ “ไม่นะ ครั้งนี้ข้าผิดจริงๆ ข้าเพียงแต่ เคยชินกับการไปไหนมาไหนคนเดียว จนหลงลืมไปว่า ในจวนของข้าเวลานี้ มีสาวงามเข้ามาอยู่ด้วยกันแล้ว นางเป็นภรรยาของข้า นางเป็นคนที่คอยเป็นห่วงข้าและทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อข้ามาโดยตลอด นางต้องเหนื่อยเพราะข้ามานับครั้งไม่ถ้วน คราวนี้ข้าผิดไปแล้วจริงๆ ต่อไปข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะมาปรึกษาเจ้าเป็นคนแรก จะไม่ปิดบังอะไรกับเจ้าอีก ดีไหม?”
หยุนชางครุ่นคิด นางรู้จักนิสัยของผู้ชายคนนี้เป็นอย่างดี เขาเป็นคนสุขุม ดูน่าเกรงขาม แต่ตอนนี้เขากลับยอมมาขอโทษและอ้อนนาง หากยังปฏิเสธเขาต่อไปล่ะก็ นางคงจะดูเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโต
นางเงียบไปสักพักก่อนจะถอนหายใจออกมา “หลายๆคนบอกว่า คำสัญญาของผู้ชายนั้นเชื่อถือไม่ได้ แต่ท่านอ๋องพิเศษกว่าชายทั่วไป หากเอ่ยคำมั่นใดๆออกมาแล้ว คงจะยึดมั่นถือมั่นจริงจัง ท่านอ๋องอภิเษกกับหม่อมฉันมาได้ยังไม่ทันครบ 1 ปี เวลาที่เราสองคนได้อยู่ด้วยกันก็มีไม่มากนัก หลายๆคู่ก็คงเป็นเช่นนี้ เรื่องของบุรุษไม่จำเป็นต้องปรึกษาสตรี เรื่องนี้หม่อมฉันคงโกรธท่านไม่ได้หรอกเพคะ”
เงียบไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า
“ถึงแม้ว่าหม่อมฉันจะเป็นถึงองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ ได้รับการอบรมที่ดีจากท่านตามาตั้งแต่เล็กๆ ความสามารถหลายๆด้านก็ไม่ด้อยไปกว่าผู้ชายเลย หม่อมฉันโตมากับท่านตา ไม่ได้รับการอบรมมาจากเสด็จแม่ หม่อมฉันเชี่ยวชาญแค่เพียงศาสตร์ศิลป์และการศึกสงคราม สิ่งเดียวที่หม่อมฉันไม่เคยเรียนรู้มาก่อนก็คือการเป็นภรรยาที่ดี แต่หม่อมฉันก็ไม่อยากเป็นเหมือนภรรยาบ้านอื่น ที่ทำตัวเป็นนกน้อยเฝ้าอยู่แต่เรือน หากท่านอ๋องอยากให้หม่อมฉันเป็นผู้หญิงเช่นนั้นล่ะก็ ต้องขออภัยด้วย หม่อมฉันทำไม่ได้หรอกเพคะ”
พูดยังไม่ทันขาดคำ ร่างกายของหยุนชางก็ถูกจิ้งอ๋องโอบกอดอีกครั้ง จิ้งอ๋องก้มหน้า เขามองดูผู้หญิงที่นัยน์ตาเริ่มแดงผู้ซึ่งอยู่ตรงหน้าเขา พลางถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “เจ้าเป็นของเจ้าแบบนี้น่ะดีที่สุดแล้ว ข้าชอบเจ้า ก็เพราะความแตกต่างไม่เหมือนใครของเจ้านี่แหละ หากเจ้าเป็นเหมือนผู้หญิงทั่วไป เราสองคนก็คงจะไม่มีวันนี้ด้วยกัน ครั้งนี้ข้าทำไม่ถูก ข้าเพียงแต่เคยชินกับการใช้ชีวิตคนเดียวมา 20 กว่าปี เจ้าอย่าถือโทษโกรธข้าเลยนะ ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว เห็นเจ้าเป็นแบบนี้แล้ว ข้ารู้สึกเจ็บปวดในใจเหลือเกิน”
หยุนชางนิ่งอึ้ง แล้วตกปากรับคำเขาเบาๆ นางซบอกเขา และอยู่ในอ้อมกอดของเขา “หม่อมฉันไม่เคยเห็นท่านเป็นเช่นนี้มาก่อน ช่วงนี้คงเหนื่อยมากเลยใช่หรือไม่เพคะ? รีบพักผ่อนก่อนเถอะเพคะ”
จิ้งอ๋องพยักหน้า แล้วหลับตาลง เขาหลับไปพร้อมกับหยุนชาง
หยุนชางอมยิ้ม หลายวันมานี้นางต้องสูญเสียพลังงานไปกับเรื่องราวต่างๆมากมาย แต่ตอนนี้จิ้งอ๋องกลับมาแล้ว นางก็รู้สึกว่าได้เติมเต็มเรี่ยวแรงขึ้นมาอีกครั้ง นางรู้สึกสุขใจ นางหาวออกมาและผล็อยหลับไปอีกคน
“ท่านอ๋อง พระชายา ตื่นมาเสวยพระกระยาหารมื้อเที่ยงได้แล้วเพคะ” เสียงของเฉี่ยนอินดังขึ้น หยุนชางยังสะลึมสะลือ เมื่อนางลืมตาก็เห็นว่าจิ้งอ๋องกำลังจ้องมองนางอยู่ก่อนหน้านั้นก็รู้สึกเขิน เมื่อจิ้งอ๋องเห็นท่าทางของนางแล้วก็ยิ้ม เขาจูบหน้าผากนาง แล้วจึงลุกจากเตียง
เฉี่ยนอินถือเสื้อผ้าของหยุนชางเข้ามา นำม่านคลุมเตียงเก็บอย่างเรียบร้อย “พระชายา ตื่นเถิดเพคะ”
หยุนชางพยักหน้า แล้วค่อยๆลุก เมื่อเฉี่ยนอินเห็นว่าจิ้งอ๋องเดินออกไปแล้วก็กระซิบบางอย่างกับหยุนชาง “พระชายาเพคะ หม่อมฉันได้ยินมาว่า เมื่อเช้านี้ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่ทำการสอบสวนเรื่องจวนมหาเสนาบดีเกิดเพลิงไหม้โดยละเอียดเลยเพคะ”
“ก็ต้องมีการสอบสวนเป็นธรรมดา จิ่งขุยเป็นถึงมหาเสนาบดี เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ถ้าเสด็จพ่อไม่ทรงสั่งคนสอบสวนคงจะสร้างความไม่พอใจให้กับบรรดาขุนนางทั้งหลาย เดี๋ยวข้าจะถามท่านอ๋องว่ากำจัดร่องรอยเรียบร้อยแล้วหรือยัง ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย คนพวกนั้นจะมาค้นหาอะไรก็ปล่อยให้เขาค้นไป เสด็จพ่ออาจจะทรงทราบว่าเป็นฝีมือของข้า พระองค์คงจะคอยช่วยข้าอย่างลับๆ” หยุนชางสวมเสื้อคลุมเสร็จก็เห็นจิ้งอ๋องเดินกลับเข้ามา นางจึงเดินออกไปที่ห้องสรงน้ำพร้อมกับเฉี่ยนอิน
เมื่อกลับเข้ามาก็เห็นจิ้งอ๋องกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนตั่ง เขาไม่ได้สวมชุดนอก ดูเหมือนวันนี้จะไม่ออกไปไหน เฉี่ยนอินแปรงผมให้หยุนชางสักพัก แล้วหยุนชางก็ไปนั่งข้างๆจิ้งอ๋อง “วันนี้ท่านอ๋องไม่เสด็จไปไหนหรือเพคะ?”
“ใช่” จิ้งอ๋องพยักหน้า “วันนี้ไม่มีธุระอะไร ข้าไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับเจ้ามานานแล้ว วันนี้ข้าจะอยู่ที่จวน”
หยุนชางยิ้มและมองจิ้งอ๋อง “แย่จังเลยนะเพคะ วันนี้หม่อมฉันต้องเข้าวัง แล้วอีกอย่าง เมื่อไม่นานมานี้ ตอนที่หม่อมฉันป่วย ฮูหยินจิ่งก็มาเยี่ยมอาการของหม่อมฉันทุกวัน ตอนนี้จวนจิ่งกำลังมีเรื่องใหญ่ เห็นทีว่าหม่อมฉันต้องไปเยี่ยมพวกเขาเสียหน่อยแล้วเพคะ”
“อะไรนะ?” จิ้งอ๋องเลิกคิ้วแล้ววางหนังสือลง เขาจับแขนของหยุนชางไว้ “วันนี้เจ้าอย่าออกไปไหนเลย หลี่จิ้งเหยียนและอ๋องเจ็ดแห่งแคว้นเซี่ยหายตัวไป คนของพวกเขาคงกำลังออกลาดตระเวณตามหาพวกเขาไปทั่วเมือง ข้างนอกตอนนี้จึงอันตรายมาก ถ้าเจ้าออกไปข้าคงไม่วางใจ”
หยุนชางได้ยินดังนั้นแล้ว แววตาของนางทอประกายแวววับ “นี่พวกเขาถูกท่านจับตัวมาเองหรือเพคะ?”