มันคืออะไร?
ไม่น่าจะใช่ของสิ่งนั้นที่เธอคิดใช่ไหม? โกศ…ของผู้หญิงคนนั้น?
มู่เยียนหรานเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของลู่จิ้นยวน เป็นครั้งแรกที่เกิดความกลัวเล็ดลอดออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจสำหรับผู้ชายคนนี้
“จิ้นยวน นายบ้าไปแล้วเหรอ…”
มู่เยียนหรานฝืนยืนขึ้น เธอพุ่งเข้าไปในห้องอย่างบ้าคลั่ง เธอมองของสิ่งนั้นที่ทำให้เธอขนลุกไปทั้งตัว
คนธรรมดาจะเอาโกศคนตายมาถือไว้ราวกับของรักของหวงได้ยังไง?
ลู่จิ้นยวนต้องไม่ปกติตรงไหนแน่ ๆ ไม่อย่างงั้นคนที่ไม่ปกติก็คือเธอเอง
มู่เยียนหรานส่ายหน้า เดินถอยหลังไปทีละก้าว ไม่ทันได้ระวังขวดเหล้าที่อยู่ข้างหลัง เธอเหยียบโดนมัน แล้วล้มลงอย่างแรงบนพื้น
แต่ว่าเจ็บปวดอะไรหละ ตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรแล้ว
ความเป็นจริงที่ร้ายแรงเกินไป ทำให้เธอความรู้สึกแทบจะพังทลายลง
“อ้ะ!”
มู่เยียนหรานมองดูใบหน้าของเวินหนิงบนภาพขาวดำ ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว
รู้ว่าคนคนนึงตายไปแล้ว และได้เห็นโกศของเธอวางผาดอยู่ตรงหน้าแบบนี้ ระดับการโจมตีไม่เหมือนกัน
“นายอยากจะหย่ากับฉัน ก็เพื่อ…สิ่งนี้?”
มู่เยียนหรานเสียงสั่น
“ฉันเคยพูดไว้ ว่าเธอไม่เหมาะจะเป็นภรรยาของฉัน ฉันต้องการใช้ชื่อของภรรยา ขุดหลุมฝังให้เวินหนิง…”
ความเคร่งขรึมแวบผ่านในดวงตาของลู่จิ้นยวน
ในสายตาของเขา ตระกูลเวินไม่เคยมอบความอบอุ่นให้กับเวินหนิงมาก่อน ไม่คู่ควรที่เธอตายไปแล้วก็ยังผูกมัดอยู่กับชื่อนั้น เขาทำได้อย่างเดียวก็คือ คืนสิ่งที่ติดหนี้ให้กับเธอ…
เธอคือก็คนเดียวที่เขาอยากได้เป็นภรรยา ถึงเวลานั้นถึงแม้ว่าเขาจะตกนรก ก็สามารถหาเธอเจอได้…
“นายบ้าไปแล้ว…บ้าไปแล้ว…”
มู่เยียนหรานส่ายหน้า นี่มันอะไรกัน?
เดิมทีคิดว่าเวินหนิงตายไปแล้ว เรื่องทุกอย่างก็จบลง แต่ตอนนี้เธอกลับพบว่า ในใจของลู่จิ้นยวน แม้กระทั่งคนตายเธอก็ยังสู้ไม่ได้
ความเจ็บปวดบนมือแผ่ซ่าน มู่เยียนหรานรู้สึกตัวในภายหลัง เป็นแบบนี้ต่อไป มือของเธอจะทิ้งความเสียหายที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วเธอก็ไม่สามารถเล่นเปียโนต่อไปได้อีกแล้ว
“ฉันจะออกไปจากที่นี่ ออกไปจากคนบ้าแบบนาย…”
มู่เยียนหรานพูดพึมพำ เธอลุกขึ้นจากพื้นอย่างทุลักทุเลต้องการจะออกไป
แต่ลู่จิ้นยวนกลับจับมือเธอไว้ เขาออกแรงเยอะมาก ราวกับจะบีบข้อมือของเธอให้แตกหัก
“ฉันพูดไว้แล้ว เซ็นสัญญาหย่า เธอถึงจะกลับไปได้!”
ลู่จิ้นยวนไม่ได้มีความสนใจที่อยากจะอืดอาดกับมู่เยียนหรานอีกต่อไป เวินหนิงต้องรีบลงดินอย่างสงบ ไม่มีเวลาที่จะเสียที่นี่กับเธอ
“ไม่…”
มู่เยียนหรานขัดขืน ตอนนี้พวกเขาหมั้นกันไม่ถึงหนึ่งเดือน จะยกเลิกงานแต่งแบบนี้ หน้าตาของเธอ หน้าตาของตระกูลมู่จะเอาไปไว้ที่ไหน?
เธอจะกลายเป็นเรื่องหัวเราะของทุกคน
“ปล่อยฉันนะ ฉันจะไปโรงพยาบาล ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป มือของฉัน…”
“มือของเธอ…” มู่เยียนหรานเห็นท่าทางเจ็บปวดของมู่เยียนหราน แต่กลับไม่รู้สึกอะไร “ตอนนี้เธอได้รับความเจ็บปวดแค่นี้ แล้วหล่อนหละ? หล่อนต้องรับความเจ็บปวดเท่าไหร่ เธอรู้บ้างไหม?
“เธอจะเป็นยังไง มันเกี่ยวอะไรกับฉัน เป็นตระกูลลู่ที่ให้เธอถอยออกไป มันเกี่ยวข้องอะไรกับฉัน?”
มู่เยียนหรานพูดอย่างงั้น แต่กลับใจฝ่อเป็นอย่างมาก เพราะว่าเรื่องของเวินหนิง เธอรู้ นายท่านลู่ทำเรื่องแบบนั้นเพื่อให้เธอสบายใจ ทำไมเธอถึงจะไม่รู้เรื่องอะไร
เพียงแต่เป็นเพราะความเห็นแก่ตัว เธอไม่ได้บอกใครทั้งสิ้น และก็ไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นได้รับการช่วยเหลือ
เมื่อรู้ว่าเวินหนิงตายไปแล้ว เธอรู้สึกกลัวเล็กน้อย แต่ที่มากไปกว่านั้นก็คือความดีใจ
ของที่ขัดหูขัดตา ในที่สุดก็ถูกกำจัดไป ในที่สุดเธอก็สามารถเป็นคุณนายลู่ได้อย่างสบายใจ
ลู่จิ้นยวนจะมองไม่เห็นการหลบหลีกและครุมเครือในสายตาของเธอได้ยังไง
ผู้หญิงคนนี้ ทำไมถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้
“วันนี้ ถ้าไม่ตกลงยกเลิกงานแต่ ไม่ก็…มือของเธอ ต้องเสียไปที่นี่”
ลู่จิ้นยวนปิดประตู่ดังปัง แล้วลงล็อกกลอน
เขาดึงมู่เยียนหรานไปตรงกลางห้องนั่งเล่น แล้วมองเธออย่างเย็นชา
เขาจะไม่ยินยอมให้ผู้หญิงคนนี้ ยึดตำแหน่งคุณผู้หญิงลู่อีกต่อไป
“ไม่นะ…จิ้นยวน นายลืมความรู้สึกก่อนหน้าของพวกเราไปแล้วเหรอ?”
มู่เยียนหรานถูกสายตาเย็นชาของชายหนุ่มมองจนขนลุกไปทั้งตัว เธอรู้ตัวแล้วว่า เธอทำร้ายตัวเองอย่างน่าอนาถ พาตัวเองมาให้ลู่จิ้นยวนทรมานถึงที่
กลัวว่าจะพูดอะไรผิด ๆ ยั่วโมโหผู้ชายคนนี้ จึงพยายามวางไพ่ความรู้สึก
ในเมื่อเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เขาไม่น่าจะเด็ดขาดขนาดนั้น…
“นายลืมแล้วเหรอว่าเมื่อก่อน ฉันแสดงดนตรีเพื่อนาย นายเคยพูดไว้ว่า เพลงของฉันเป็นเพลงที่เพราะที่สุดในโลก อยากจะฟังไปตลอดชีวิต เรื่องพวกนี้นายจำไม่ได้แล้วเหรอ?”
มู่เยียนหรานวิงวอน ความหยิ่งผยองและเย่อหยิ่งของลูกคุณหนูไม่สามารถวางมาดได้อีกต่อไป
การขอร้องวิงวอนของมู่เยียนหราน ไม่ได้อยู่ในสายตาของลู่จิ้นยวนสักนิด “ตอนนี้เธอมีวิธีเดียวที่จะสามารถออกไปจากที่นี่ได้ อย่าบังคับให้ฉันต้องพูดรอบที่สอง”
มู่เยียนหรานปากสั่น ร่างกายก็สั่นสะท้านอยู่ตลอดเวลา “จิ้นยวน…”
“อย่าเรียกชื่อของฉัน ไม่เช่นนั้น ฉันจะให้เธอหุปปากไปตลอดกาล”
ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วพูดกับมู่เยียนหรานอย่างเย็นชา
ถูกเธอเรียกชื่อของตัวเอง เขารู้สึกสะอิดสะเอียน
คิดไม่ถึงว่าจะปล่อยผู้หญิงร้ายกาจคนนี้ไว้ได้นานขนาดนี้
มู่เยียนหรานหน้าซีดดขาว เวลาผ่านไปแต่ละวินาทีแต่ละนาทีอย่างรวดเร็ว
บาดแผลบนมือยิ่งอยู่ยิ่งเจ็บ มู่เยียนหรานริมฝีปากขาดเลือด ตอนนี้เธอรู้สึกว่ามือของเธอแทบจะสูญเสียไปแล้ว ส่วนลู่จิ้นยวนไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมาสักนิด
“ฉันยอม ฉันยอมแล้ว!”
มู่เยียนหรานร้องไห้พยักหน้า ลู่จิ้นยวนโยนสัญญาไปข้างหน้าเธอ “เซ็นชื่อ”
มู่เยียนหรานมองดูตัวอักษรขนาดใหญ่ข้างบน เธอไม่ยินยอม วางแผนมานานขนาดนี้ เธอใช้ความคิดอย่างมากเพื่อเอาใจตระกูลลู่ เธอจะยอมแพ้อย่างงี้ได้ยังไง
สายตาเคียดแค้น มองไปที่โกศที่วางอยู่บนโต๊ะ ความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นมาโดยธรรมชาติ
แกตายไปแล้วยังจะมารบกวนความสงบสุขของฉัน
งั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องเห็นใจอะไรแกอีก!
มู่เยียนหรานมือสั่น หยิบปากกาขึ้นมา ลู่จิ้นยวนถูกดึงดูดความสนใจ จู่ ๆ เธอก็พุ่งตัวออกไปหยิบโกศของเวินหนิงมาไว้ในมือ แล้วยกขึ้นสูง “ให้ฉันออกไปจากที่นี่ ไม่อย่างงั้น ฉันจะทุบโกศขี้เถ้ากระดูกของเธอ ให้เธอตายอย่างไม่สงบสุข!”