ความคิดเช่นนี้ทำให้ในใจของเธออดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจอย่างหดหู่ แต่ก็ราวกับว่าเป็นได้เพียงแค่ความสะเทือนใจก็เท่านั้นเอง
ตั้งแต่ที่ลู่อันหรานลูกชายคนนี้ปรากฏตัวขึ้นมา จิตใจอันล่องลอยไม่มั่นคงของโม่โยวก็มีความสุขจนล้นอกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ขอเพียงแค่มีลูกชาย เรื่องอื่นก็หาได้สำคัญไม่
ห้าปีก่อนหน้า เธอได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลโม่ ภายใต้สถานการณ์ที่สูญเสียความทรงจำในอดีตไปนั้น แน่นอนว่าทำให้เธอรู้สึกไม่สงบใจ จึงเอาตระกูลโม่ และโม่เทียนยวี๋มาเป็นซึ่งทุกสิ่งอย่างในชีวิตของเธอ
ตอนนี้ ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
โม่โยวเรียกสติของตนกลับคืนมา เหล่มองด้วยหางตาไปทางถุงหลายใบที่อยู่ข้างๆ ลู่อันหราน “อันหราน ของพวกนี้มันอะไรกัน”
ใจของเจ้าตัวน้อยสั่นระรัว เผลอเอาตัวเข้าไปบังอย่างไม่รู้ตัว เสร็จกัน ดันลืมเรื่องไอ้ของพวกนี้ไปหมดเลย
ถ้าหากว่าแม่ได้รู้ถึงราคาที่แท้จริงของข้าวของพวกนี้ล่ะก็ จะต้องโกรธเอามากๆ แน่ ลู่อันหรานทราบดีว่าจะต้องไม่พูดออกไปอย่างเด็ดขาด ในหัวก็รีบคิดแล้วพูดออกมาว่า
“แม่ครับ นี่ก็คือคนจากบ้านสกุลโม่ซื้อให้ครับ สองถุงนี้เป็นเสื้อผ้าหมดเลย ทั้งหมดก็เป็นยี่สิบกว่าชุดได้ ผมบอกไปแล้วว่าไม่เอาๆ เขาก็จะซื้อให้ผมครับ”
“เขาไม่ได้เป็นคุณชายจากตระกูลที่ร่ำรวยเหรอครับ? เสื้อผ้าเยอะขนาดนี้รวมกันแล้วยังพึ่งจะแค่แปดพันหยวนเอง” ลู่อันหรานพูดถึงแค่ราคาที่เป็นจำนวนเศษของเสื้อผ้าพวกนี้แทน ทิ้งส่วนที่จำนวนเป็นแสนนั้นไป
สำหรับแนวคิดที่ประหยัดอดออมของโม่โยวแล้ว แปดพันหยวนก็ไม่ใช่จำนวนที่น้อยเลยทีเดียว แต่เมื่อมาคำนวณดูอย่างละเอียดแล้ว เสื้อผ้าหนึ่งชุดก็ประกอบไปด้วยเสื้อแล้วก็กางเกง ยี่สิบกว่าชุด ราคาต่อหนึ่งตัวก็จะตกอยู่ที่ประมาณสามสี่ร้อย
ถ้าหากว่าเป็นสำหรับเด็กทั่วไปก็ถือว่าดีมากแล้ว
แต่ลูกชายของตนเป็นหลานชายของตระกูลลู่ และโม่โยวก็ยังไปนึกถึงกำลังทรัพย์ของตระกูลโม่ขึ้นมาอีก จึงได้เผลอขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ไม่ใช่ว่าเป็นการสบประมาท แต่เพียงแค่รู้สึกว่าโม่เทียนยวี๋ต้องมองว่าลูกชายของเธอยังเด็ก ก็เลยหลอกเพื่อจะซื้อใจเขามาแน่ สิ่งนี้จึงยิ่งทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจมากยิ่งขึ้นไปอีก
“แล้วกล่องของขวัญอันนั้นล่ะ” โม่โยวเอ่ยถามอีกครั้ง
“อันนี้เป็นน้ำองุ่น ผมรู้สึกว่ามันหวานอร่อยดี เลยให้พนักงานเอาห่อกลับบ้านมาไม่กี่ขวด ขวดหนึ่งก็ไม่แพงครับ สามสิบแปดหยวนเอง”
จากสามหมื่นแปดกลายเป็นสามสิบแปด คนที่จะสามารถพูดออกมาได้โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงเกรงว่าก็คงมีแต่เจ้าตัวเล็กนี้แล้ว
โม่โยวไม่ทราบเลยว่า ร้านอาหารอวี๋เหม่ยเหรินร้านนั้น ไม่มีทางที่จะมีของราคาหลักสิบอยู่แน่นอน แม้แต่กระดาษทิชชูยังได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถันอบกลิ่นน้ำหอมมาอย่างดี ราคานั้นก็ขึ้นไปถึงตัวเลขสามหลักเลยที่เดียว
ลู่อันหรานวางแผนมาอย่างดี เพราะสำหรับราคาที่เขาบอกออกไปนั้น เชื่อว่าแม่จะไม่นำมาใส่ใจ และยิ่งไม่มีทางที่จะไปขอหลักฐานหาความจริงกับโม่เทียนยวี๋แน่นอน
แต่เขาไม่รู้เลยว่า หลังจากที่ไปส่งเขาแล้ว โม่โยวก็โอนเงินไปให้โม่เทียนยวี๋หนึ่งหมื่นหยวน ซ้ำยังอธิบายว่าเป็นเงินที่วันนี้เขาได้ซื้อเสื้อผ้าแล้วก็น้ำผลไม้ให้ลูกชายของเธอไป
ใบหน้าของโม่เทียนยวี๋เต็มไปด้วยความโกรธ ตนที่พึ่งมาถึงบ้านก็ได้รับเงินที่โอนเข้ามาและข้อความอธิบายดังกล่าว เป็นฉับพลันที่แทบที่จะหายใจไม่ทัน โกรธขึ้งจนเวียนหัวแทบหมดสติลงไป
หนึ่งหมื่น? น้ำองุ่น?
เขาจ่ายเงินซื้อของไปตั้งหลายแสน ยัยผู้หญิงชั้นต่ำนี่คิดจะใช้เงินแค่หมื่นหยวนนี้มาแกล้งเขารึไงกัน
โม่เทียนยวี๋สูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามควบคุมอารมณ์เนื่องจากการที่ตนโมโหจนเลือดขึ้นหน้ามากจนเกินไปจึงทำให้รู้สึกเวียนหัวขึ้นมา สายตาจับจ้องไปที่ข้อความนี้จนเลือดแทบขึ้นตา มองไปที่คำว่าน้ำองุ่นไม่กี่ตัวอักษรนี้ซ้ำไปมาอยู่หลายรอบ
ไม่ถูกสิ ตามลักษณะนิสัยของยัยผู้หญิงคนนั้นแล้ว ไม่มีทางที่จะทำเรื่องแบบนี้ได้ ผู้หญิงคนนั้นคิดว่าเอาเงินหนึ่งหมื่นมาคืนเขา นอกจากที่ว่า?
หลังจากที่คิดจนกระจ่างแล้ว สีหน้าของโม่เทียนยวี๋ของดำขรึมหนักขึ้นมาอีกครั้ง ไม่จำเป็นที่จะต้องอธิบายเลย ต้องเป็นเพราะไอ้เด็กเปรตนั่นมันทำเรื่องส้นตีนอะไรอีกแน่ เวรเอ้ย
เขาใช้ชีวิตมาแล้วยี่สิบกว่าปี เป็นคุณชายใหญ่ของบ้านตระกูลโม่ ก็กลับได้มีวันที่ถูกเด็กผีอายุห้าขวบวางแผนจัดการเขาจนกลายเป็นแบบนี้ไปเสียได้
ดี นี่มันเยี่ยมไปเลย ในดวงตาของโม่เทียนยวี๋ปรากฏแววความแค้นเคืองออกมา ทางที่ดีไอ้เด็กเปรตนั่นอย่าเผลอมาตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาแล้วกัน ไม่อย่างนั้นล่ะก็……..
โม่เทียนยวี๋นั่งอยู่บนโซฟา ใบหน้าอันงดงามเปล่งประกายของเขาพลันดูโหดเหี้ยมอำมหิต เขาจะไปเอาอารมณ์โกรธสุมใส่ยัยผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้นไม่ได้ ไม่เพียงเท่านั้น ที่เขาได้เผลอระเบิดอารมณ์ออกไปในวันนี้ ยังจะต้องหาวิธีไปอธิบายกับเธอด้วย
เขาจะต้องให้ผู้หญิงคนนั้นตกลงสัญญาว่าจะแต่งงานกับเขาให้ได้ โม่เทียนยวี๋ไม่เคยรู้สึกกดดันขนาดนี้มาก่อนเลย
“ลูกแม่ นี่เป็นอะไรไปลูก ทำไมหน้าตาดูไม่ดีเลย ไม่สบายตัวตรงไหนรึเปล่า”
พานจื้อหลานที่กลับมาจากเดินเล่นในสวน เมื่อเห็นว่าลูกชายตนมีท่าทางดังว่าก็พลันเดินเข้ามาหาด้วยใจที่เป็นกังวล
โม่เทียนยวี๋ไม่มีทางที่จะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้แม่ทราบได้ จึงทำได้เพียงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ “ไม่มีอะไรครับ”
เธอเห็นน้ำเสียงที่หดหู่เสียขนาดนี้ของลูก ก็นึกว่าเพราะตนบังคับให้ลูกเลิกกับโม่โยวถึงได้ดูไม่สบายใจแบบนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นไม่มีความสุขขึ้นมา
“เทียนยวี๋ ลูกกำลังนึกถึงยัยผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้นเหรอ”
สีหน้าของโม่เทียนยวี๋ดูดำขรึมขึ้นไปอีก ไม่เอ่ยอะไรออกมา ตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดีเอามากๆ มองไปที่ใครก็รู้สึกไม่รื่นหูรื่นตา แม้ว่าอีฝ่ายจะเป็นแม่ของตนก็ตามแต่
พานจื้อหลานกลับนึกว่าที่ลูกชายตนเงียบไปเพราะไม่อยากเถียงกับเธอ ก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหลมบาดหูอยู่ไม่น้อย
“โม่เทียนยวี๋ แม่ขอพูดไว้ตรงนี้อีกครั้งเลยนะว่า ถ้าอยากจะให้โม่โยวเข้าประตูตระกูลเรามาล่ะก็ แม้ว่าแม่จะตายจนลงโลงไปแล้วก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ลูกรีบตัดใจไปเสียจะดีกว่านะ”
“หุบปาก”
โม่เทียนยวี๋สติหลุดผึงแล้ว เขาพลันลุกขึ้นยืน ตะคอกใส่พานจื้อหลานอย่างควบคุมสติอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ ตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ราวกับสัตว์ร้ายที่ระเบิดอารมณ์โกรธออกมา ขบฟันแน่นพูดออกมาว่า
“ผมก็ขอพูดอีกครั้งนะว่า เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง เรื่องไร้สาระเรื่องอื่นก็หุบปากไปได้เลย แม่ชักจะพูดจาเพ้อเจ้อเกินไปแล้วนะ” พูดเสร็จเขาก็สาวเท้าก้าวออกไปในทันที
พานจื้อหลานดวงตาเบิกโพลง สติหลุดออกจากร่างไปเป็นเวลานาน ราวกับไม่อยากจะเชื่อว่าเมื่อสักครู่นี้คนที่ระเบิดอารมณ์ใส่เธอ ทำตัวไม่เคารพกับเธอ จะเป็นลูกชายของตนเองได้
เธอโกรธจนหายใจไม่ทัน เป็นลมหมดสติล้มไปทั้งอย่างนั้นเลย
“พระเจ้าช่วย นายหญิง นายหญิงเป็นลมล้มลงไปแล้ว”
“เร็ว รีบเรียกรถพยาบาลเร็ว……”
ตระกูลโม่ตกอยู่ในความโกลาหล
ณ ตระกูลลู่
ลู่อันหรานใบหน้าอารมณ์ดี เดินเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลลู่ด้วยความเบิกบานใจ แล้วจึงออกคำสั่งกับผู้ดูแลบ้านให้ไปจัดการเก็บเสื้อผ้าและไวน์แดงให้เรียบร้อย
“คุณหนูหมายความว่า ให้ทิ้งทั้งหมดนี่?” ผู้ดูแลถามด้วยความไม่แน่ใจ
เจ้าเด็กน้อยกระพริบตา แล้วเอามือจับคางครุ่นคิด แม้ว่าเขาจะสบประมาทของเด็กเล่นพวกนี้อยู่ แต่จะให้ทิ้งทั้งหมดก็รู้สึกเสียดายอยู่บ้าง
“อ๊ะ นึกออกแล้ว เสื้อผ้าพวกนี้ให้เอาไปบริจาค ส่วนไวน์แดงพวกให้คุณป้าผู้ดูแลเอาไปแบ่งกับคนอื่น ไปดื่มกันนะครับ”
อย่าดูแคลนผู้ดูแลของคฤหาสน์ตระกูลลู่โดยเด็ดขาด ไวน์ที่ดียิ่งกว่านี้ก็เคยได้ลิ้มชิมรสมาแล้ว ไม่แน่ว่าจะปรายตามองเจ้ารัฟเฟียขวดละสามหมื่นแปดขวดนี้ได้ลงไหม
แต่กับพวกบรรดาคนรับใช้คนอื่นๆ ก็ไม่เหมือนกันแล้ว ของพวกนี้สำหรับพวกเขาเหล่านั้นแล้วถือว่าเป็นของดี
“ได้ค่ะ คุณหนู”
เขาพยักหน้า “แล้วคุณพ่อล่ะครับ”
“คุณชายใหญ่อยู่ในห้องหนังสือค่ะ”
ลู่อันหรานก็วิ่งขึ้นไปข้างบนเพื่อไปหาลู่จิ้นยวนในทันที ไปทำอะไรล่ะ? แน่นอนว่าเพื่อไปเอาของขวัญ วันนี้เขาแสดงออกไปอย่างทุ่มเทเสียขนาดนั้น จะต้องได้ของรางวัลตอบแทนอย่างแน่นอน
ถายใต้การนำของลู่จิ้นยวน เขาก็ได้รับรู้ถึงเรื่องราววีรกรรมอันเกริกก้องทั้งหมดของลูกชายที่เกิดขึ้นในวันนี้ นี่ทำให้เขาประหลาดใจและในขณะเดียวกันก็รู้สึกปรีดาสบายใจ มองดูลูกชายที่ดูน่าเอ็นดู สมแล้วที่ตัวเขาได้ให้กำเนิดขึ้นมา
ผลปรากฏว่า ตนเองคาดการณ์เอาไว้ไม่ผิด ให้ลูกชายไปจัดการคนพวกนั้น ถือว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว
……….
และในเวลานี้ พานจื้อหลานที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาลก็ฟื้นตัวได้สติคืนมา นึกถึงสิ่งที่ลูกชายตนเองได้ทำกับเธอลงไป ในใจก็ทั้งโกรธทั้งแค้น ในขณะเดียวกันก็ได้โยนเอาความผิดทั้งหมดไปให้โม่โยว
ใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอก็ขรึมลงเล็กน้อย ในดวงตามีความอาฆาตแค้นปรากฏอยู่ ทำให้คนที่ได้เห็นรู้สึกหวาดผวา