“คุณหนูหลินได้รับการกระตุ้นอย่างรุนแรง ดวงตาของเธอคั่งเลือดก็เพราะเหตุนี้ เลือดคั่งถึงขั้นนี้ได้ เห็นได้ชัดว่า เส้นประสาทบางส่วน 80% อาจส่งผลกระทบใหญ่หลวง”
ดวงตา เส้นประสาท สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของสำคัญอย่างมากของร่างกาย ถึงแม้แพทย์ประจำบ้านไม่ได้พูดอย่างชัดเจนมากนัก แต่คุณพ่อหลินเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างมาก
เป็นไปอย่างที่คิด แพทย์ประจำบ้านค่อย ๆ พูดขึ้น “เลือดในดวงตากระทบต่อจอประสาทตาเป็นอย่างมาก หลังจากที่คุณหนูหลินตื่นขึ้นมา สายตาอาจจะต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน อาจจะมีอาการตาบอด”
“และก็ระบบประสาท แน่นอนว่านี่ต้องได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกที แต่เส้นประสาทตาถูกทำลายแบบนี้ เส้นประสาทเชื่อต่อกับศูนย์กลางของระบบประสาทมีผลกระทบอย่างแน่นอน เพียงแต่ไม่รู้ว่ากระทบถึงขึ้นไหน”
“ถ้าหากอาการหนักละก็…”
แพทย์ประจำครอบครัวไม่ได้พูดต่อ ทำได้เพียงถอนหายใจอย่างหมดหนทาง
ถึงแม้จะพูดไม่จบ แต่ความหมายที่อยากจะสื่อออกมามันชัดเจนมาก กระทบต่อจอประสาทตา แสดงว่าอาจจะกลายเป็นคนตาบอด สมองก็อาจจะมีผลกระทบ งั้นก็อาจจะกลายเป็น…คนเอ๋อ?
ผลลัพท์ที่น่ากลัวนี้ ทำให้ผู้คนตกตะลึงอีกครั้ง
คุณพ่อหลินอึ้งยิ่งกว่า
ส่วนลู่จิ้นยวนในเวลานี้ ถึงแม้จะรู้ผลลัพท์นี้ ก็ไม่มีทางสนใจใด ๆ ทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่าคือนี่คือผลลัพท์ที่เขาอยากได้
ยั่วโมโหเขา การลงโทษเล็ก ๆ น้อย ๆ จะสามารถกำจัดความโมโหในใจของเขาได้ยังไง
บนรถ โม่โยวยังคงใส่หูฟังอยู่ หลับตานอนอยู่ในอ้อมกอดของเขา ไม่ขยับเขยื้อน สีหน้ายังคงซีดขาว มองดูแล้วเหมือนกับกำลังหลับอยู่
แต่ลู่จิ้นยวนมั่นใจว่า เธอไม่ได้หลับ แต่ตั้งแต่ที่เขาจัดการกับสามคนนั้นตลอดจนจบสิ้น โม่โยวราวกับไม่ได้ยินอะไรสักนิด
สถานการณ์แบบนี้มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือ โม่โยวจมอยู่ในความคิดของตนเอง ประสาทสัมผัสหลีกเลี่ยงทุกสิ่งจากโลกภายนอก สิ่งนี้ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ในคืนดึก ภายในห้องมืด โม่โยวนอนอยู่บนเตียงคนเดียว ตอนนี้หลับไม่ค่อยสนิท ในความฝัน เธออยู่ในป่าที่มีหมอกสีขาว เธอวิ่งอยู่ไม่หยุด
ด้านหลัง มีเสียงขยับเขยื้อนที่ชัดเจนมาก เธอหันกลับไปมองเล็กน้อย งูเหลือมตัวใหญ่มหึมาม้วนตัวไปมา มันชูคอขึ้นสูง
สายตาเย็นชาจับจ้องมาที่เธอ งูแลบลิ้นออกมอย่างคึกคัก เมื่อเห็นเธอมองมา มันอ้าปากกว้างอย่างไม่ลังเล ฟันแหลมคมท้าแสงเย็นในยามราตรี ปากสีแดงเลือดราวกับมองเหวลึกอยู่
“ไม่ อย่าตามฉันมา กรี้ด…”
เสียงร้องดังขึ้น เธอลืมตาขึ้นอย่างพรวดพราด เธอลุกนั่งบนเตียงกระทันหัน ใบหน้าตื่นตระหนก สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
เธอไม่ทันสังเกตุเห็นว่า บนโซฟาในห้อง ในมุมมืดมีคนนั่งอยู่ หลังจากที่ได้ยินเสียงของเธอ เขาก็พุ่งตัวมาบนเตียงแล้วกอดเธอไว้ในอ้อมกอด
ลู่จิ้นยวนไม่วางใจให้เธอนอนคนเดียว เกรงว่าเธอจะรู้สึกกลัว ดังนั้นจึงตัดสินใจเฝ้าเธอนอนหลับ เห็นท่าทางของโม่โยว เห็นได้ชัดว่าเธอฝันร้าย
“โม่โยว ฉันอยู่นี่ ไม่ต้องกลัว แค่ความฝัน ความฝันเป็นของปลอม”
โม่โยวมองดูลู่จิ้นยวน และมองดูบรรยากาศโดยรอบ จิตใจสงบลงอย่างช้า ๆ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงถูกเธอนึกขึ้นมาได้
เธอหลับตาลงอย่างแรง สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง “ขอบคุณนะ ฉันดีขึ้นมากแล้ว” เสียงแหบทำให้เธอไอสองสามครั้ง
ลู่จิ้นยวนป้อนน้ำให้เธอ มองเธอด้วยใบหน้าเคร่งเครียด หลังจากที่วางแก้วน้ำลง เขาโอบเอวของเธอ พลิกตัวกอดเธอไว้แล้วนอนลงบนเตียง
“ฉันนอนกอดเธอไว้ วางใจได้ ฉันไม่ทำอะไรแน่นอน”
น้ำเสียงของเขาหนักแน่น ทำให้ยากที่จะปฏิเสธ เขาออกแรงกอดเธอ ทั้งสองกอดกันแน่นในท่วงท่าที่สนิทสนมกัน
แน่นอนว่าโม่โยวรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดี แต่เธอกลัวมากจริง ๆ คำพูดของลู่จิ้นยวนทำให้เธอค่อย ๆ เลิกดิ้นรน ร่างกายที่แข็งทื่อก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง
ความง่วงครอบนำอย่างรวดเร็ว เธอสลึมสลืมหลับไปอีกครั้ง จนกระทั่งท้องฟ้าสว่าง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สำหรับความกลัวในงานเลี้ยงที่เหลืออยู่ในใจ ก็หายไปจากใจของโม่โยวแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ
วันนี้เป็นวันที่ค่อนข้างสำคัญสำหรับบริษัทตระกูลลู่ เนื่องจากจะมีแขกหลายคนจากประเทศ M มาเจรจาการร่วมมือทางธุรกิจ
ตามหลักการแล้ว ควรจัดการต้อนรับแขกพวกนี้ที่สำนักงานใหญ่ของเมืองหลวง
แต่ไม่มีทางอื่น ใครใช้ให้ประธานขของบริษัทตระกูลลู่ไล่ตามคนในใจของเขา เขายินยอมที่จะอยู่ที่สาขาย่อยบริษัทตระกูลลู่ในเมืองเจียงเฉิง ทำให้ผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานใหญ่ ก็ต้องตามมาที่เมืองเจียงเฉิง เพื่อต้อนรับแขกพวกนี้
ในไม่ช้า แขกต่างชาติผมบลอนด์ตาสีฟ้าหลายท่านก็มาถึง
ทั้งหมดประมาณสิบกว่าคน นอกจากเด็กสาวสองคนที่เด่นชัดมากตรงกลาง คนอื่น ๆ สวมใส่ชุดสูทเป็นทางการ คนต่างชาติวัยกลางคนอายุราวสี่สิบกว่า ๆ
ภายในแผนกออกแบบ
เป็นเพราะลู่จิ้นยวนให้ข้อมูลกับโม่โยวไว้ก่อนแล้ว ทำให้เธอรู้ประวัติที่มาของแขกพวกนี้
บริษัทออกแบบเสื้อผ้าขนาดใหญ่หลายแห่งในประเทศ M เป็นธุรกิจครอบครัว อุตสาหกรรมเสื้อผ้าในประเทศของพวกเขา แทบจะถูกผูกขาดโดยธุรกิจครอบครัวใหญ่เหล่านี้
ส่วนนักธุรกิจที่มาในวันนี้ ก็คือตระกูลฮอร์ตันส่วนหนึ่งของธุรกิจครอบครัวพวกนี้
เด็กสาววัยรุ่นสองคนนั้น คือลูกสาวของตระกูลฮอร์ตัน คนหนึ่งชื่อตี้น่า อีกคนชื่อฟิล ส่วนคนอื่นมีอยู่สองคนที่เป็นคุณอาของทั้งสอง และคนอื่นที่เหลือคือผู้บริหารระดับสูงของธุรกิจของพวกเขา
โม่โยวมองดูสักพัก ก็ดึงสายตากลับจัดการธุระของตนเอง ในเมื่อแขกพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ
แต่ว่า…
“อะไรนะ?” โม่โยวมองลู่จิ้นยวนที่นั่งอยู่บนเก้าอีก สีหน้าตกใจเป็นอย่างมาก
หลังจากที่แขกพวกนั้นกลับไป เธอถูกเรียกไปที่ห้องทำงานท่านประธาน จากนั้นก็ถูกแจ้งให้ทราบว่า คนพวกนี้จะอยู่เที่ยวทที่เมืองเจียงเฉิงสองวัน จากนั้นค่อยเริ่มเจรจาถึงการร่วมมืออย่างเป็นทางการ
ส่วนสองวันที่จะเที่ยวที่นี่นั้น ลู่จิ้นยวนตัดสินใจ ให้เธอเป็นตัวแทนบริษัทตระกูลลู่ ในฐานะเจ้าภาพ พาคุณหนูตระกูลฮอร์ตันทั้งสองคนนั้นเที่ยวเมืองเจียงเฉิง
“วางใจได้ ยังมีลูกชายของพวกเราไปเป็นเพื่อนเธอ” ลู่จิ้นยวนกระพริบตาให้เธอ
“ไม่ได้ ฉันไม่พาไป นายหาคนอื่นเถอะ” โม่โยวรีบปฏิเสธ ล้อเล่นอะไร เธอมีคุณสมบัติทำงานนี้ที่ไหนหละ?
“ไม่มีทางอื่น ฉันต้องหาคนที่มีสถานะมากพอคนหนึ่งออกมา แบบนี้ถึงจะแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของบริษัทของพวกเรา” ลู่จิ้นยวนพูดไร้สาระ
“ฉันเป็นแค่ดีไซน์เนอร์เล็ก ๆ คนหนึ่ง มีสถานะอะไรที่ไหน? อ่อใช่ ไม่ใช่ว่ามีผู้ช่วยอันอยู่ไม่ใช่เหรอ? เขาถึงจะเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด”
“เธอคือภรรยาในอนาคตของฉัน คือแม่ของลูกชายฉัน ผู้ช่วยจะเทียบกับเธอได้ที่ไหน?” ชายบางคนพูดอย่างเต็มปากเต็มคำ
โม่โยวหน้าแดงอย่างรวดเร็ว เธออดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่เขา “นาย นายหุบปากไปเลย ภรรยาในอนาคตอะไร พูดมั่วอะไรเนี่ย?”
ลู่จิ้นยวนกอดอก ยักไหล่แล้วยิ้มอย่างมีเสน่ห์ “ฉันบอกกับพวกเขาไปเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ภรรยาของฉันจะพาพวกเธอไปชมทิวทัศน์ของเมืองเจียงเฉิง ฉันเป็นถึงประธานบริษัท ไม่สามารถพูดกลับกลอกไปมาได้หรอกนะ”
โม่โยว “…”
เธอโมโหจนกัดฟัน พูดกลับกลอกไปมาไม่ได้ งั้นนายก็พูดสุ่มสีสุ่มหาได้สินะ
ลู่จิ้นยวนไม่ได้พูดอะไร แต่มองเธออยู่แบบนั้น เขายิ้มมุมปาก ดวงตาดำเข้มราวกับจะดูดผู้คนได้ยังไงยังงั้น