ถ้าจะให้ถามโม่เทียนยวี๋ว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร งั้นคงจะเป็นความรู้สึกที่อยากตายแล้วตายไม่ได้ ชีวิตที่เหมือนต้องตายทั้งเป็น
ในห้องทำงานของประธานลู่
เมื่อเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในห้องผู้ป่วย อันเฉินดีใจจนต้องถอนหายใจออก ” ประธานลู่ครับ อันหรานไม่ได้เสียชื่อที่เป็นลูกชายของคุณจริงๆ แกเหมือนคุณมาก”
อายุน้อยแค่นี้ โดยเฉพาะวิธีการทรมานคนนั้น น่าประทับใจมากและไม่จำเป็นต้องสอนรู้ได้ด้วยตัวเอง
ริมฝีปากของลู่จิ้นยวนกระตุกเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
ตัวเขานั้นอยากจะสั่งสอนผู้ชายคนนี้ยังไม่สามารถทำได้อย่างเปิดเผยแบบนี้ ทำได้แค่ลับหลัง แต่ลูกชายนั้นไม่เหมือนกัน รูปร่างเล็กๆที่อยู่ตรงนั้น สามารถสั่งสอนโม่เทียนยวี๋ได้อย่างสบายและเปิดเผย ยังไม่ทำให้ผู้คนต้องสงสัย
ข้างนอกโรงพยาบาล ยังมีบอดี้การ์ดหลายคนคอยเฝ้าอยู่ในที่ลับ
ลู่อีได้รับข่าวโม่โยวกำลังกลับมา พลิกข้อมือและมีเข็มเรียวยาวปรากฏขึ้น ข้างในเต็มไปด้วยของเหลวสีฟ้าอ่อนแล้วทำกันฉีดเข้าไปที่ขาของโม่เทียนยวี๋
เจ้าตัวเล็กเห็นแบบนี้ก็เข้าใจทันใด ” คุณแม่กลับมาแล้วเหรอ”
ลู่อีพยักหน้า
เข็มนี้ลงไปฤทธิ์ของยานั้นออกฤทธิ์เร็วมาก โม่เทียนยวี๋ที่เจ็บปวดทรมานมากอย่างกับจะเป็นจะตาย ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้เป็นเพียงแค่ความฝัน
ใบหน้าของเขายังคงบวมแดงและเขียว แต่ศีรษะของเขามีเหงื่อออกเต็มไปหมด และร่างกายกระตุกเล็กน้อยราวกับว่าวิญญาณไม่อยู่กับตัว
น้ำยาเข็มนั้นเป็นยาแก้ปวด ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาโดยสถาบันวิจัยต่างประเทศของตระกูลลู่ ซึ่งเหมือนกับครั้งก่อนที่ลู่จิ้นยวนได้ใช้กับมือของโม่โยวที่โดนลวก
เพียงแค่ว่า ครั้งก่อนที่ใช้กับโม่โยวนั้นเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป หลังจากใช้แล้วสามารถบรรเทาอาการปวดได้อย่างถาวร แต่หลอดนี้เป็นผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปและประสิทธิภาพจะอยู่ได้เพียงสองชั่วโมงเท่านั้น
ลู่อันหรานเห็นโม่เทียนยวี๋ที่นอนอยู่บนเตียงเหมือนคนกำลังตาย แล้วทำปากแบนๆ ” เห็นไหมผมทำได้อย่างที่พูดจริงๆ ผมมีวิธีที่จะทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวดน้อยลง”
โม่เทียนยวี๋หันหน้ากลับมามองเขาด้วยดวงตาสีแดงอย่างเกลียดชัง สภาพนั้นช่างน่ากลัวจริงๆ
หนุ่มน้อยตะคอกใส่เขา ” คุณแม่ของผมกำลังจะกลับมาถึงเร็ว ๆ นี้ ขอเตือนคุณ เรื่องอะไรที่ไม่ควรพูดช่วยปิดปากให้มิดด้วย ”
หลังจากรู้ว่าตัวเองนั้นสามารถพูดได้ จู่ๆเขาก็ยิ้มออกมา ใบหน้าบูดบึ้ง เสียงหัวเราะนั้นแปลก ๆ ราวกับไม่พอใจอย่างมาก “ไอ้ลูกหมาน้อย แกก็รู้สึกกลัวเหมือนกันเหรอ ฉันจะบอกแก แกกล้าทำกับฉันแบบนี้ ฉันมั่นใจ … ”
คำพูดยังไม่ทันพูดจบ ลู่อันหรานขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ มองเขาอย่างเหยียดหยาม: ” คุณมั่นใจอะไร ฉันทำเพื่อหวังดีกับคุณ เพราะต่อให้คุณพูด คุณแม่ของผมก็ไม่มีทางเชื่อในสิ่งที่คุณพูดหรอก”
“แต่สำหรับผม ผมอาจจะโกธร ถ้าผมโกธรขึ้นมา ไม่แน่บางทีขาของคุณอาจจะหักจริงๆก็ได้”
โม่เทียนยวี๋เบิกดวงตากว้าง รู้สึกถึงอะไรบางอย่างจนตื่นตระหนก ตอนนี้ขาของเขาไม่เจ็บแล้วก็จริง แต่ … เขารู้สึกว่าขาของเขาขยับไม่ได้และไม่มีความรู้สึกใดๆ
เมื่อลู่อันหรานเห็นเขาเหงื่อออกเต็มหัว จึงหยิบผ้าขนหนูจากมือของลู่อีมา เดินไปที่ข้างเตียงเช็ดเหงื่อให้เขาอย่าง “น่ารัก” แล้วกระซิบเบา ๆ
“ ถ้าคุณยังกล้าทำอะไรที่ไม่ควรทำแล้วล่ะก็ ผมก็จะทำให้คุณไม่สามารถลุกขึ้นมาอีก ” เพียงประโยคสั้นๆเบาๆ ทำให้โม่เทียนยวี๋นั้นตัวแข็งทื่อไปทันทีปล่อยให้ผ้าขนหนูเช็คไปตามใจชอบบนหน้าผากของเขา
ในมือของโม่โยวที่หิ้วกล่องอาหารที่บรรจุอยู่นั้น เปิดประตูเข้ามาก็เห็นพฤติกรรมที่น่ารักของลูกชายตัวเอง ก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน
“ อันหรานเก่งจัง”
โม่เทียนยวี๋ “… ”
ลู่อันหรานโยนผ้าขนหนูทิ้ง แล้ววิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของโม่โยว ” คุณแม่กลับมาแล้วเหรอครับ ผมได้เล่านิทานเรื่องอุลตร้าแมนให้คุณลุงโม่ฟังครับ ลุงโม่ชอบมากเลยครับ ”
โม่เทียนยวี๋ “… ”
โม่โยวจูบหน้าผากของลูกชายตัวเอง แล้วเปิดกล่องอาหารขึ้นมา กลิ่นนั้นหอมอบอวลไปทั่ว “เทียนยวี๋ฉันได้ซื้อโจ๊กไก่เส้นและโจ๊กผักมาให้คุณ”
เธอกางโต๊ะเรียบๆที่อยู่ข้างเตียงออก วางโจ๊กลงที่บนโต็ะ แล้วถามอย่างลังเล ” มือคุณโอเคไหม ”
โม่เทียนยวี๋หายใจเข้าลึก ๆ แล้วกระตุกมุมปากของเขา ” มันอาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่ โม่โยวคุณป้อนผมได้ไหม ”
คำพูดนี้ออกมา ทำให้ใบหน้าของลู่อันหรานนั้นเปลี่ยนเป็นสีดำทันที เสียงกัดฟันของเขาดังเอี๊ยด เอี๊ยด
ไอ้คนตระกูลโม่สารเลวคนนี้ ไม่จำความเจ็บเอาสักเลยจริงๆ ดูเหมือนว่าตัวเองนั้นจะใจดีกับเขาจนเกินไป ฮึ่ม
ขณะที่คิด เขาก็รีบวิ่งเข้าไปคว้าช้อนมาอยู่ในมือ ” คุณแม่ครับ ให้ผมป้อนนะครับ”
หัวใจของโม่เทียนยวี๋นั้นเต้นขึ้นมาอย่างแรง แล้วรีบปฏิเสธขึ้นมาอย่างไม่คิด “ไม่เป็นไรครับ”
เจ้าตัวเล็กหันหน้ามามองเขาด้วยรอยยิ้มอันสดใส “ ไม่เป็นไรครับคุณลุง ไม่ต้องเกรงใจเลยครับ”
ขณะที่พูดอยู่นั้น ก็ทำการส่งสายตาไปให้ลู่อี คนข้างหลังมายืนอยู่ข้างๆเตียงอย่างไม่ทันสังเกต ออกมือเร็วอย่างกับสายฟ้าแลบ ทำการฉีกเข้าไปที่กรามของเขาอีกครั้ง ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก
ลู่อันหรานมองไปที่โม่โยวทันทีแล้วพูดว่า ” คุณแม่ครับ เมื่อกี้คุณหมอเข้ามาดูอาการที่ห้องแล้วครับ แต่ดูเหมือนว่ามีบางอย่างผิดปกติแล้วก็ออกไป คุณแม่จะออกไปดูหน่อยไหม จะได้ถือโอกาสนี้ถามถึงอาการบาดเจ็บของคุณลุงโม่ด้วยไงครับ ”
คำพูดประโยคเดียว โม่โยวก็ถูกเบี่ยงแบนออกไปอีกครั้ง
ทันทีที่ประตูปิดลง ใบหน้าของลู่อันหรานก็เปลี่ยนไปทันที ใช้สายตาที่เย็นชาจ้องมองไปที่โม่เทียนยวี๋ “ มือไม่สะดวก ต้องการคนป้อนใช่ไหม ไม่เป็นไร ผมมาป้อนคุณกินเอง วางใจได้ ผมจะป้อนให้คุณกินอิ่มนอนหลับอย่างสบายอย่างแน่นอน ”
โม่เทียนยวี๋รู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเสียใจแทบตาย ทำไมเมื่อกี้นี้เขาถึงกระซิบประโยคเช่นนี้ออกไป รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าตัวเล็กคนนี้ยั่วยุไม่ได้
เขาอ้าปากกว้าง ใบหน้าหวาดกลัว ส่ายหัวไปมา แต่เขาพูดอะไรไม่ออกสักคำ
เมื่อลู่อันหรานเห็นว่าปากของเขาใหญ่มาก จึงรีบตักโจ๊กขึ้นมาช้อนใหญ่ๆหนึ่งช้อนแล้วยัดมันเข้าไป
“แอ่ว. แอ่ว..”
โจ๊กของร้านอาหารสมุนไพรแม้ว่าจะเป็นกล่องบรรจุอาหาร แต่สามารถเก็บความร้อนของอาหารได้เป็นอย่างดี โจ๊กช้อนนี้ลงไป มันยังร้อนมาก
คนปกติทั่วไปยังไม่กล้ายัดเข้าไปทันทีเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงผนังด้านในปากของโม่เทียนยวี๋ที่ได้รับบาดเจ็บ คำนี้ลงคอ รสชาตินั้นเผ็ด เปรี้ยว ขม เค็มก็ไม่อาจรู้แล้ว
โม่เทียนยวี๋รู้สึกเพียงว่าปากของเขาร้อนมากราวกับว่าถูกไฟเผาไปครึ่งหนึ่ง มันเจ็บปวดมาก จมูกฉุน น้ำตาและน้ำมูกไหลออกมาทันที
จากนั้นลู่อันหรานยัดเข้าไปให้เขาอีกสองสามคำ จนรู้สึกขยะแขยงถึงได้หยุดมือ
ในตอนนี้ ลู่อีเดินเข้ามา ” คุณชายน้อยครับ คุณโม่กำลังมาครับ ”
หนุ่มน้อยผงะแล้วพูดว่า “เร็ว ๆ ๆทำให้เขาสลบไป ”
ขณะที่เขาพูด ก็หยิบผ้าขนหนูที่อยู่ข้างเตียงมาเช็ดน้ำมูกกับน้ำตาบนใบหน้าแล้วโยนลงถังขยะพร้อมกับโจ๊กบนโต๊ะ
โม่โยวเปิดประตูเข้ามาพอดี ลู่อันหรานรีบวิ่งเข้าไปทันที ” คุณแม่ครับ ลุงโม่กินโจ๊กเสร็จก็หลับไปเลยครับ พวกเราอย่าไปรบกวนคุณลุงเขาดีกว่าครับ ”
นอนหลับแล้วเหรอ
โม่โยวได้มองไปที่เตียง แน่นอนว่าโม่เทียนยวี๋นอนหลับตาอยู่ หายใจอย่างสม่ำเสมอ เธอจึงเบาฝีเท้าลง พยักหน้า แล้วอุ้มลูกชายออกไป
ฝีมือการควบคุมของลู่อีนุ่มนวลและนิ่งมาก หลังจากปล่อยให้โม่เทียนยวี๋สลบไปแค่สิบนาทีเขาก็ตื่นขึ้นมาเอง หลังจากตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขารู้สึกได้ ยังเป็นความเจ็บปวดที่ปากของเขา
“มีคนไหม ช่วยด้วย … ” ตะโกนอย่างคลุมเครือไม่ชัดเจน
โม่เทียนยวี๋ยังไม่ลืมขาที่ไม่มีความรู้สึกของเขา กดกริ่งฉุกเฉินอย่างร้อนรนบ้าคลั่ง ในไม่ช้าแพทย์และพยาบาลหลายคนในเสื้อคลุมสีขาวก็เข้ามาถึง
กับเรื่องทั้งหมดนี้ โม่โยวไม่ได้รู้เห็นอะไรเลย
หลังจากการถ่ายทอดสดการแข่งขันครั้งล่าสุด โม่โยวก็ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะชื่อเสียงเมื่อเทียบกับแต่ก่อนนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึง