หลังจากกลับมา เวินหนิงได้เตรียมคำที่จะกล่าวบนเวทีอย่างตั้งอกตั้งใจ
ไม่ทันรู้ตัวก็ถึงเวลาแล้ว เมื่อลู่จิ้นยวนมา เห็นเวินหนิงก้มหน้าดูกระดาษที่ปริ้นออกมาในมือ กำลังอ่านอย่างพลางกระซิบ ท่าทางค่อยข้างจะตื่นเต้น
อย่างไรก็ตาม ท่าทางที่จริงจังกับเรื่องเรื่องหนึ่งอย่างงี้ ดูมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันอย่างมาก พูดกันว่าผู้หญิงที่จริงจังนั้นสวยที่สุด ในตอนนี้ลู่จิ้นยวนเห็นด้วยอย่างยิ่ง
เวินหนิงได้ทำการท่องจำไปหลายครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงแม้ว่าบทความที่จะกล่าวนั้นไม่ได้ยาวอะไรเลย แต่เพื่อที่จะให้ผลลัพธ์ออกมาได้ดีที่สุด เธอจึงพยายามท่องให้ชำนาญที่สุด
เมื่อรู้สึกว่าท่องได้ค่อนข้างโอเคแล้ว เงยหน้า ก็พบว่าลู่จิ้นยวนนั้นยืนอยู่ไม่ไกลแถมยังมองมาที่ตัวเองด้วยรอยยิ้ม
ทำให้หัวใจของเวินหนิงเต้นไม่เป็นจังหวะไปสักพัก
ต้องบอกเลยว่า เมื่อเห็นใบหน้าที่ดูดีหล่อเหลาแบบนี้แสดงท่าทีอ่อนโยนต่อตัวเองแล้ว ต่อให้เป็นใครก็ต้องรู้สึกสะเทือนใจ
“ คุณมาแล้ว ทำไมไม่เรียกฉันล่ะคะ ”
เวินหนิงรีบลุกขึ้นทันที แล้วจัดการกับสิ่งของที่อยู่ในมือแล้วเดินไป
ลู่จิ้นยวนยืนมือเข้าไปช่วยเธอรับของมาถืออย่างเป็นกันเอง “ ผมก็เพิ่งมาถึงไม่นานไม่ได้รอนานอะไร เห็นคุณกำลังท่องจำอย่างจริงจังมาก มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่อยากจะไปรบกวนคุณ”
ในน้ำเสียงของชายหนุ่มปรนเปรอด้วยความเข้าใจและเอาใจใส่
เมื่อเวินหนิงฟังแล้ว รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเล็กน้อย ทำให้อุณหภูมิที่หน้าเพิ่มขึ้นอย่างบังคับไม่ได้ ” รู้จักพูดจริงๆ”
เมื่อลู่จิ้นยวนเห็นเธอหน้าแดง ก็เลยพูดอย่างยิ้ม ” พูดกับเฉพาะคุณเท่านั้น คุณเชื่อหรือเปล่า ”
ทีนี่เวินหนิงไม่สามารถทนได้อีกต่อไป หน้าแดงอย่างกับลูกตำลึงแล้วเดินออกไป
ลู่จิ้นยวนเห็นพื้นหลังที่กำลังหลบหนี่ของเธอ อดส่ายหัวไม่ได้ แต่รอยยิ้มบนริมฝีปากของเขาไม่ได้หายไปแม้แต่น้อย
ถึงแม้ว่าพวกเขาพลาดจากกันไปถึงห้าปี แต่ในบางครั้งความน่ารักของผู้หญิงคนนี้ยังคงอยู่ จะมีช่วงเวลาหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่าเวลาถูกย้อนกลับไปที่เดิม
เวินหนิงลงมาข้างล่างรออยู่สักพัก ลู่จิ้นยวนถึงได้ออกมา เธอเหลือบไปเห็นว่าลู่จิ้นยวนเป็นคนขับรถ ” แค่เราสองคนเหรอคะ”
” อืม พิธีปิดนี้ไม่จำเป็นต้องให้ดูยิ่งใหญ่จนเกินไป”
ขณะที่ลู่จิ้นยวนกำลังพูด ก็ได้เบียดเข้ามารัดเข็มขัดนิรภัยให้เวินหนิง ” งานแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ ตี้น่าคว้าเหรียญทองไปเรียนร้อย พวกเราไม่จำเป็นต้องพาคนทั้งกลุ่มไปยินดีกับเธอ”
“ อ๋อ … เธอเหรอ … ”
เมื่อเวินหนิงนึกถึงตี้น่าคนนั้น ที่ไม่มีความรู้สึกดีๆอะไร แต่เธอรู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้กับการที่เธอสามารถคว้าเหรียญทองมาได้
งานแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ ผู้ที่เข้าร่วมงานแต่ละคนนั้นเป็นคนชั้นสูงจากทั่วทุกมุมโลก ถ้าจะเทียบระดับการออกแบบ แม้ว่าจะไม่ถึงระดับโลก แต่ก็ไม่ถือว่าต่ำอย่างแน่นอน
ตี้น่าคนนี้ ถ้าเธอมีความสามารถขนาดนี้ตั้งแต่แรก ทำไมเธอถึงถูกฟิลเอ๋อครอบงำจนไม่อาจออกหน้าออกตาได้
เรื่องพวกนี้เวินหนิงคิดยังไงก็คิดไม่ออก แต่คิดไปคิดมา นี่มันเป็นเรื่องภายในบ้านของตระกูลฮอร์ตัน เธอจะกังวลไปทำไม
ตราบใดที่คนเหล่านั้นไม่มายุ่งวุ่นวายกับตัวเอง ต่อให้พวกเขาจะตีกันตายมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ
รถขับไปเรื่อย ๆ ไม่นานก็มาถึงสถานที่จัดงาน
เนื่องจากพิธีปิดยังเชื่อมโยงกับพิธีมอบรางวัล จึงดูยิ่งใหญ่อลังการกว่าพิธีเปิด
ทันทีที่ลู่จิ้นยวนมาถึง ก็ถูกคนจำนวนมากล้อมรอบเพื่อหารือเกี่ยวกับการร่วมมือกัน
เวินหนิงไม่อยากมีส่วนร่วมกับการร่วมมือของบริษัทตระกูลลู่ ดังนั้นเธอจึงเดินออกไป เดินเล่นรอบๆงานคนเดียว
แต่ดันเหลือบไปเห็นตี้น่าที่แต่งตัวเต็มยศเข้างาน ในมือเธอถือแก้วแชมเปญไว้ กำลังสนทนากับคนตรงหน้าอย่างยิ้มเล็กยิ้มน้อย ซึ่งไม่มีความเป็นตี้น่าคนเดิมที่ค่อนตามหลังฟิลเอ๋ออย่างอ่อนๆโยนๆ ให้เห็นเลย
โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ในวันนี้ ชุดสีแดงเพลิงประดับด้วยด้ายสีทองส่องแสงและเข้ากับเครื่องประดับวาบหวิวนั้นดูงดงามมากยิ่งขึ้นไปอีก … หรูหราสุด ๆ
เวินหนิงเหลือบมองเธอ แต่ก็ถอนสายตาออกอย่างรวดเร็ว แต่เธอยังไม่ทันได้นั่งลง ตี้น่าที่ยังสนทนากับคนอื่นเขาอยู่ก็เดินเข้ามา
“ คุณเวิน คุณมาแล้วเหรอ”
ตี้น่าเดินเข้ามาอย่างยิ้มๆ ” การออกแบบคราวนี้ ยอมรับหรือยัง ”
จู่ๆเวินหนิงก็พูดไม่ออก
ระดับฝีมือตัวเองนั้นเธอรู้ชัดเจนดี มีคนโดดเด่นมากมายที่เข้าร่วมงานแฟชั่นโชว์นี้ สำหรับการออกแบบของตัวเองนั้นยังสามารถได้รับรางวัลเหรียญเงิน เธอรู้สึกพอใจมากแล้ว แต่สิ่งที่่คิดไม่ถึง รู้สึกว่าตี้น่าจะจู่โจมเธอโดยเฉพาะ
ขณะที่เวินหนิงกำลังคิดว่าจะออกตัวยังไงดี ข้างนอกก็มีเสียงวุ่นวายดังขึ้น
“ คุณผู้หญิงท่านนี้ค่ะ ท่านไม่มีบัตรเชิญ เข้าไม่ได้นะคะ ”
” รบกวนคุณออกไปด้วยค่ะ ”
เวินหนิงมองไปข้างนอก มีบอดี้การ์ดสองสามคนล้อมรอบหญิงสาวหน้าตาอ้อนแอ้น ดูเหมือนจะขับไล่เธอออกไป
เวินหนิงดูแล้วรู้สึกทนไม่ได้เล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นดูจะเสียใจมาก เธอจึงไม่สามารถยับยั้งความอยากรู้อยากเห็นแล้วเดินเข้าไป
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
พอเวินหนิงเดินเข้าไป ถึงได้เห็นหน้าของหญิงสาวอย่างชัดเจน
ใบหน้าที่ราวๆอายุสิบกว่าปี แต่ได้แสดงถึงความสวยงานของเธอแล้ว ดวงตาสีแดงของเธอโปร่งใสราวกับอัญมณีอย่างชัดเจน เธอสวมชุดโลลิต้าสีดำบวกกับใบหน้าที่บริสุทธิ์เข้ากันได้ดีอย่างไร้ที่ติ ถ้าดูอย่างผ่านๆเธอสวยอย่างกับภาพวาดในนิยายการ์ตูน
เวินหนิงมีความประทับใจในความสวยงามที่เสมือนนิยายมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเห็นใบหน้าที่ดื้อรั้นของหญิงสาว ทำให้เธอคิดถึงตัวเองในอดีต เธอจึงเดินอข้าไป ให้พวก รปภ ออกไปก่อน
” เกิดอะไรขึ้นกับคุณคะ
คือว่า สถานที่นี่จำเป็นต้องมีบัตรเชิญถึงจะเข้าไปได้ หลงทางหรือเปล่าคะ ”
เวินหนิงสื่อสารกับเธอเป็นภาษาต่างประเทศ เมื่อหญิงสาวได้ยินภาษาที่คุ้นเคยจึงมองไปหาเธอ แต่ก็ได้แค่มองเธอเท่านั้นไม่ได้พูดอะไร
เวินหนิงเพิ่งจะตระหนักว่าถึงแม้หญิงสาวคนนี้ดวงตาสวยงามมาก แต่สายตาที่มองคนนั้นดูแปลกๆ
ตามหลักแล้ว จะไม่มีใครมองคนอืนที่ไม่รู้จักด้วยสายตาคับแค้นใจอย่างงี้ ซึ้งสายตาเช่นนี้ เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
เวินหนิงอดก้าวถอยหลังไม่ได้ ในขณะนี้ ด้านหลังก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา ” โรซินานเต้ ทำไมเธอถึงวิ่งมาที่นี่”
เวินหนิงรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นคนมา แล้วพยักหน้าให้คนนั้น บ่งบอกว่าให้พวกเขาออกไปได้แล้ว
หญิงวัยกลางคนเข้าใจถึงความหมายของเธอ ดึงเด็กสาวจากไปทันที แต่หญิงสาวอย่างกับถึงกาวตราช้างติดแน่น ดึงยังไงก็ไม่ยอมไป สายตาของเธอจ้องไปที่รางวัลเหรียญทองบนเวทีของแฟชั่นโชว์
หญิงวัยกลางคนเห็นหญิงสาวยังคงดื้อรั้น รู้สึกโมโหขึ้นมาเล็กน้อย แล้วพึมพำอย่างกระซิบ ” ได้แต่จ้องจะได้อะไรขึ้นมา ”
มันเป็นผลงานของคนอื่นไปแล้ว ”
พวกเขาพูดประโยคนี้เป็นภาษาฝรั่งเศส อาจเป็นเพราะพวกเขาคิดว่าเวินหนิงจะฟังไม่รู้เรื่อง
แต่เวินหนิงได้ยินมันแล้ว ถึงกับต้องขมวดคิ้วขึ้น
แต่ก่อนเธอเคยเรียนภาษาฝรั่งเศสมาเล็กน้อย ทำให้เธอฟังสิ่งที่พวกเขาพูดรู้เรื่อง
เป็นผลงานของคนอื่นไปแล้ว
หมายความว่าอย่างไร
เป็นไปได้ไหมว่าการออกแบบที่น่าทึ่งของตี้น่านี้ จริงๆแล้วมาจากฝีมือของเด็กสาวที่ดูแปลกๆคนนี้
“รอเดียวก่อนค่ะ ”
เวินหนิงเดินเข้ามา หยุดพวกเขาเป็นภาษาฝรั่งเศส ” ที่พวกคุณพูดเมื่อกี้หมายความว่าอย่างไร”
โดยคิดไม่ถึงว่าเวินหนิงจะได้ยินสิ่งที่พวกเธอพูด หญิงวัยกลางคนตกใจสะดุ้ง ดึงมือหญิงสาววิ่งออกไปข้างนอกทันทีแบบไม่สนใจใคร