แต่พอนึกถึงเรื่องในอดีต เวินหนิงก็ไม่ได้กังวลขนาดนั้นแล้ว
เพราะยังไง เวินฉีโม่ก็ไม่สนใจอนาคตตัวเองแล้วยังส่งเธอเข้าคุกอีก
ตอนนี้ เขาเสียสละเพื่อช่วยไป๋หลินยวี่ เพื่อตามหาลูกสาวของตัวเอง แบบนี้ค่อยว่าไปอย่าง
“งั้นพรุ่งนี้เราพาตัวเขามา”
เห็นว่าเวินหนิงไม่ลังเลอีก ลู่จิ้นยวนก็พยักหน้า “ไว้ใจเถอะ ฉันให้คนเฝ้าเขาไว้ ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน”
เวินหนิงค่อยโล่งอก ลู่จิ้นยวนจึงส่งเธอกลับบ้าน
เพราะเห็นว่าเวินหนิงล้ามาก เลยไม่ได้อยู่ต่อ แค่พูดคุยไม่กี่คำก็กลับไป
เวินหนิงนอนอยู่บนเตียง รู้สึกปวดเมื่อยร่างกาย นอนยังไงก็นอนไม่หลับ
ในหัวก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าตัวเองเจอญาติจริงๆ จะทำยังไง?
ถ้า พวกเขาไม่อยากยอมรับตัวเอง เธอควรจะทำยังไง……
ความคิดต่างๆตีกันวุ่นไปหมด เวินหนิงหงุดหงิดมาก ดึงผ้าห่มมาปิดหน้าตัวเอง “ช่างเถอะ อย่าคิดมาก ไม่ว่ายังไง รอหาเจอก่อนค่อยว่ากัน”
……
ค่ำคืนนั้นผ่านไป
วันต่อมา พอฟ้าสว่าง เวินหนิงก็ลุกจากเตียง
เธอไม่มีอารมณ์มาลีลาบนเตียง นั่งรอไปสักพัก ลู่จิ้นยวนก็มาถึงพอดี
เขาเดาว่าเวินหนิงต้องใจร้อนมากแน่ๆ ก็เลยตื่นแต่เช้า รีบมาจัดการเรื่องนี้ให้จบ
“นายตื่นเช้าขนาดนี้เหมือนกันเหรอ”
เวินหนิงรู้ว่าเทียบกับลู่จิ้นยวนไม่ได้ ตอนนี้เธอลาออกแล้ว ทุ่มแรงกายแรงใจมาดูแลไป๋หลินยวี่แทน
แต่ลู่จิ้นยวนทิ้งบริษัทที่ใหญ่โตขนาดนั้นไม่ได้ เขาทำแบบนี้ต้องเหนื่อยมากๆแน่เลย
คิดไปมา ในใจก็รู้สึกขอบคุณมาก “กี่วันนี้ ลำบากนายมากเลย”
พอได้ยินเวินหนิงพูด ลู่จิ้นยวนกลับไม่สบอารมณ์
ตั้งแต่ตอนนั้น เวินหนิงก็จงใจสร้างระยะห่าง ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ก็เอาแต่ขอบคุณเกรงใจกัน เหมือนกลัวว่าจะสร้างปัญหาให้เขาอย่างนั้น
“ระหว่างเรา ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้ก็ได้”
ลู่จิ้นยวนเอ่ยตอบอย่างเรียบนิ่ง
เวินหนิงไม่พูดอะไร ไม่รู้จะตอบยังไง
ทั้งสองทานมื้อเช้าเสร็จ ก็รีบขับรถไปหาเวินฉีโม่
เวินฉีโม่ถูกลู่จิ้นยวนส่งตัวไปอยู่ในโรงแรมของบริษัทตระกูลลู่
ถ้าพูดถึงสภาพแวดล้อม ก็ต้องสบายอยู่แล้ว แต่เวินฉีโม่กลับอยู่ไม่เป็นสุข
เพราะเขาไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ตัวเองจะเจออะไร
ตอนที่ลู่จิ้นยวนให้คนเคาะประตู เลยเห็นแค่ขอบตาเวินฉีโม่ดำมาก ที่คางมีแต่เครา ท่าทางทรุดโทรมมาก
“พวกแกจะทำอะไรฉันกันแน่!”
“ไม่ทำอะไรคุณหรอก……คุณในตอนนี้ คุณคิดว่าผมจะยอมเสียแรงกับคุณเหรอ?”
พอลู่จิ้นยวนเอ่ยปากพูด ก็ทำให้เวินฉีโม่อารมณ์ขึ้นไม่น้อย
แต่เขาก็ตอบโต้ไม่ได้
ยังไงตอนนี้เขาก็ไม่มีอะไรอยู่แล้ว ถึงลู่จิ้นยวนจะจงใจกระทำเขาก็ไม่มีประโยชน์อะไร
“คุณไม่อยากรู้เหรอว่าลูกสาวตัวเองอยู่ไหน?”
เวินหนิงมองไปที่เขา
เวินฉีโม่เงียบไปสักพัก สุดท้ายก็ยอมหุบปาก
เห็นเขาไม่ได้ต่อต้านอีก เวินหนิงก็โล่งอก
ทั้งสามคนเดินทางไปที่ห้องทำงานของเดนิสทันที
เดนิสรออยู่ตั้งนานแล้ว พอเห็นเวินฉีโม่เลยเอ่ย “เขาเหรอครับ?”
เวินหนิงพยักหน้า “รบกวนด้วยนะคะ”
เดนิสยิ้มอ่อน จากนั้นพาเวินฉีโม่เข้าไปที่ห้องสีขาว
“ตอนนี้จะเริ่มสะกดจิตแล้วนะครับ แต่ผมเตือนคุณไว้ก่อน ตอนที่ผมออกคำสั่ง คุณให้ความร่วมมือดีกว่า ไม่งั้นความคิดของเราสองคนจะขัดแย้งกัน อาจจะทำให้ตัวคุณเองเสียเปรียบ”
เวินฉีโม่ได้ยินแบบนี้ ก็รู้สึกว่าตัวเองขึ้นเรือโจร แต่ตอนนี้ไม่มีโอกาสหนีแล้ว จึงทำได้แค่พยักหน้า
เดนิสหยิบสร้อยคริสตัลออกมา เริ่มสะกดจิต
……
เพราะสถานที่สะกดจิตต้องเงียบ ลู่จิ้นยวนกับเวินหนิงเลยไปรออีกห้อง
“ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือเปล่า……”
“วางใจเถอะ ถ้าไม่ได้จริงๆ เดี๋ยวฉันให้คนไปสืบที่เพื่อนของโจวหมิงหยวน ฉันไม่เชื่อว่าจะไม่ได้อะไรเลย”
ลู่จิ้นยวนพึ่งพาได้อยู่แล้ว เขาไม่เอาไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียวหรอก
เดนิสนี่ ให้ความรู้สึกแปลกๆกับเขา เขาเลยให้คนไปสืบเรื่องนี้ทางอื่นด้วย
ถึงการสะกดจิตล้มเหลว ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีทางอื่น
พอได้ยินแบบนี้ เวินหนิงก็วางใจไม่น้อย แต่ก็เอาแต่จ้องประตูห้องนั้น
เธอก็หวังให้เรื่องนี้รีบจบยิ่งดี ถ้ายื้อต่อไป ก็ไม่ดีต่อร่างกายไป๋หลินยวี่
ทันใดนั้น เสียงเปิดประตูห้องสะกดจิตก็ดัง
เดนิสเดินออกมา “เรียบร้อยแล้วครับ”
พูดจบ ก็ยื่นกระดาษให้ บนนั้นเป็นภาพวาดสเก็ตด้วยดินสอ
ถึงแม้ลายเส้นจะวุ่นวาย แต่ก็มองรูปลักษณ์คนคนนั้นออก
“นี่คือ……”
“นี่เป็นหน้าตาของพยาบาลที่เวินฉีโม่เห็น”
เวินหนิงเบิกตากว้าง “นี่เขาวาดเองเหรอคะ? แต่ฉันจำได้ว่าเขาวาดรูปไม่เป็น”
“ครับ เพราะการสะกดจิต เลยปลุกความสามารถของเขาขีดสุด ถึงแม้แต่ก่อนจะทำไม่ได้ แต่ก็สามารถทำได้ชั่วคราว แต่แค่ไม่ชำนาญเท่านั้น”
เวินหนิงถอนหายใจ “มหัศจรรย์มาก”
เวินหนิงเก็บกระดาษ “ขอบคุณนะคะ คุณเดนิส”
เดนิสส่ายหน้า ถือว่าชดใช้กับอุบัติเหตุเมื่อห้าปีก่อนละกัน
ลู่จิ้นยวนเห็นแบบนี้ ไม่ยอมรับไม่ได้เลยว่าเดนิสมีความสามารถจริงๆ
แต่เขาก็ไม่อยากให้เวินหนิงใกล้ชิดกับเขามาก
“รอเดี๋ยวครับ”
เดนิสไม่ลืมเรื่องที่เห่อจื่ออันขอไว้ “เวินหนิง คุณให้เบอร์ติดต่อล่าสุดของคุณกับผมได้ไหมครับ ถ้ามีอะไร ผมจะได้ติดต่อคุณ”
เวินหนิงไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว กำลังจะให้เบอร์ แต่ลู่จิ้นยวนมาบังไว้ “ความจริงเรื่องนี้ผมต้องจัดการ ถ้างั้นคุณเก็บเบอร์ผมไว้ดีกว่าครับ”
เดนิสเลิกคิ้ว มองผู้ชายตรงหน้า
ส่วนสูงทั้งสองเท่าๆกัน จ้องตากันไม่มีใครยอมใคร
เวินหนิงทำอะไรไม่ถูก เขียนเบอร์ตัวเองไว้ที่กระดาษ วางไว้บนโต๊ะ “ขอโทษนะคะคุณเดนิส เบอร์ฉันอยู่นี่นะคะ เราไปก่อนนะคะ”
พูดจบก็ลากลู่จิ้นยวนออกไปจากที่นี่
“เบอร์ของเธอ อย่าให้คนอื่นมั่วๆ”
ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้ว ยังรู้สึกติดใจกับการกระทำเมื่อกี้ของเวินหนิง