ลู่จิ้นยวนพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
แต่กลับให้ความรู้สึกกดดัน เหมือนหายนะกำลังจะมาเยือน
เวินฉีโม่กับจางหย่าหลินตกใจตัวสั่น พวกเขารู้ ฐานะตอนนี้ของพวกเขา ลู่จิ้นยวนแค่เหยียบ คงง่ายเหมือนเหยียบมดตาย
แต่ยังไงเวินหลานยังรอเงินไปช่วยชีวิต พวกเขาก็เลยไม่ยอมถอย
ทั้งสี่คนตึงเครียดอยู่อย่างนั้น
สุดท้ายเวินหนิงไอเสียงเบา ดึงชายเสื้อของลู่จิ้นยวน
“ช่างเหอะ ถ้าไม่ได้จริงๆ เงินนี่ฉันจะ……”
กับนิสัยของลู่จิ้นยวน เวินหนิงก็ต้องรู้ดีอยู่แล้ว
ผู้ชายคนนี้ ต้องคุยดีๆกับเขา คนอื่นกล้าขู่เขา คนคนนั้นคงอยู่ไม่เป็นสุขแน่ๆ
แต่ตอนนี้ เพราะยังไม่มีเบาะแสอื่น เวินหนิงก็เลยไม่อยากให้เรื่องไปถึงทางตัน
เพราะอาการป่วยของไป๋หลินยวี่ ตอนนี้เป็นสิ่งที่เธอให้ความสำคัญมากที่สุด
ลู่จิ้นยวนหันกลับมา มองเห็นความกังวลในตาเวินหนิง ทำอะไรไม่ได้ เลยไม่เอาเรื่องต่อ “ส่งตัวผู้หญิงคนนี้ไปโรงพยาบาลก่อน”
พอเขายอม เวินฉีโม่ค่อยโล่งอกไปที จากนั้นรีบส่งตัวเวินหลานขึ้นรถพยาบาล จากนั้นก็ไปโรงพยาบาลที่ดีที่สุด
……
เวินหลานถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว ลู่จิ้นยวนมองไปทางพวกเขา เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตอนนี้ คุณบอกผมมาเลยว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่”
“ไม่ได้ ยังไงก็ต้องรอหลานหลานของเราฟื้นก่อน”
จางหย่าหลินอยากใช้โอกาสนี้ล้วงเงินให้เยอะกว่าเดิม ก็เลยดึงตัวเวินฉีโม่ไว้
เวินฉีโม่รู้สึกไม่มั่นใจอยู่แล้ว เพราะเขาจำเรื่องอดีตตอนนั้นไม่ค่อยได้ ครั้งก่อนเวินหนิงมาหา เขาเล่าทุกอย่างที่จำได้กับเธอหมดแล้ว
ตอนนี้ ถ้าตัวเองไม่พูดอะไรที่ทำให้ลู่จิ้นยวนพอใจ ผลที่ตามมาคงแย่น่าดู
“ผมก็ว่าอย่างนั้นครับ”
เวินฉีโม่หลบอยู่หลังจางหย่าหลิน ผ่านไปสักพัก ก็รีบหาข้ออ้างเรียกตัวเธอออกไป
“เป็นเพราะเธอไม่ดูแลเวินหลานดีๆ เลยทำให้ลูกเกิดเรื่องแบบนี้ ฉันจำเรื่องตอนนั้นไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เธอจะให้ฉันเผชิญหน้ากับความโมโหของลู่จิ้นวนยังไง?”
“ตอนนั้น?”
พอจางหย่าหลินได้ยิน ก็รีบถามทันที
เวินฉีโม่กังวลว่าลู่จิ้นยวนจะคิดบัญชี เลยเล่าให้เธอฟัง
“ที่แท้……เวินหนิงไม่ใช่ลูกของแก?”
พอจางหย่าหลินรู้ เธอก็ยิ้มอย่างเยือกเย็น
ไป๋หลินยวี่นั่น จะได้ใจแค่ไหนแล้วยังไง?
ลูกของพวกเขาอยู่ไหนก็ไม่รู้ รั้งผู้ชายไว้ไม่ได้ ลูกก็หาย น่าสมเพชมาก
“ตระกูลหยง คงไม่ใช่ตระกูลหยงเมืองจิงเฉิงใช่ไหม? ฉันเคยได้ข่าว ถ้าเวินหนิงเป็นคนตระกูลหยงจริงๆ ถ้าอีกหน่อยมันจะกลับมาคิดบัญชี เรารับมือไม่หวแน่”
ปกติจางหย่าหลินชอบทำตัวเป็นผู้ดีอยู่แล้ว กับวงศ์ตระกูลดังๆมีอำนาจ เธอรู้หมด
แต่ตระกูลหยงนี่ เธอเคยโลภ อยากจะแต่งเวินหลานไป แล้วกระชับความสัมพันธ์
พอได้ยินแบบนี้ เวินฉีโม่ก็เริ่มกังวล
ที่แท้พ่อแม่ของเวินหนิง เป็นคนที่มีอำนาจขนาดนั้นเลยเหรอ
ไม่รู้ว่าลูกสาวเขาอยู่ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง
จางหย่าหลินจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเขาคิดอะไรอยู่?
อดไม่ต้องจนต้องแซะ “แกอย่าคิดว่าแกจะไปหาลูกสาวแท้ๆแล้วจะกลับมาเหมือนเดิม คนเขาอยู่ที่ตระกูลหยงมาตั้งกี่ปี จะนับว่าแกเป็นพ่อหรือเปล่ายังไม่แน่เลย”
เวินฉีโม่โกรธ “เธอกำลังพูดบ้าอะไร?”
“เหอะเหอะ ยังไงแกก็อย่าคิดที่จะทิ้งฉันกับหลานหลาน ถึงพวกเราตายก็จะพาแกไปตายด้วย”
เวินฉีโม่กำมือแน่น แต่ก่อนเขารู้สึกว่าจางหย่าหลินเป็นคนดีมีเมตตา แต่ไป๋หลินยวี่เอาแต่ให้เขาทำงาน พัฒนาธุรกิจ
ถ้าเทียบกันแบบนี้ เขาค่อยรู้ว่า คนที่ดีต่อหน้า อาจจะไม่ได้ดีจริงๆก็ได้
วินาทีนั้น กับทุกอย่างที่ทำลงไปในอดีต รู้สึกแค่เสียใจทีหลัง
ตอนที่ทั้งสองกำลังทะเลาะกัน เวินหลานก็ถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉิน
ทั้งสองคนรีบไปดูอาการทันที
“พวกคุณเป็นญาติของคนไข้?”
“ใช่ค่ะหมอ ลูกสาวฉันเป็นยังไงบ้าง?”
“พวกคุณเป็นพ่อแม่ยังไง ลูกสาวตัวเองเสพสารเสพติด ยังดื่มแอลกอฮอล์อีกเลยสลบไม่ตื่น ถ้าส่งมาช้าอีกนิดคงช่วยชีวิตไว้ไม่ได้”
กับคนติดสารเสพติด หมอก็ไม่รู้สึกดีอะไรด้วย รู้สึกซวยด้วยซ้ำ พูดจบก็เดินไปทันที
พอจางหย่าหลินได้ยิน ในใจก็สิ้นหวังมาก
คิดไม่ถึงเลยว่าเวินหลานจะแตะสารเสพติด นั่นเป็นหลุมดำ แค่ลองก็จะติดไปทั้งชีวิต
เวินหนิงก็ได้ยินเหมือนกัน พอรู้ว่าเวินหลานติดสารเสพติด เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรรู้สึกยังไง
ดาราสาวที่เคยมีชื่อเสียง แต่ตอนนี้กลับตกอับขนาดนี้ พูดได้แค่ว่ากรรมตามสนอง
ถ้าตอนนั้นเธอไม่ได้ทำเรื่องชั่วๆพวกนั้น ตอนนี้ก็คงไม่เป็นแบบนี้
ลู่จิ้นยวนไม่รู้สึกอะไรเลย กับจิตใจที่สกปรกของเวินหลาน ไม่มีใครสั่งสอน เป็นแบบนี้ก็ไม่แปลก
อีกอย่าง เขาไม่จำเป็นต้องสนใจผู้หญิงคนนี้ แต่กลับมองไปทางเวินฉีโม่
“ตอนนี้เธอพ้นขีดอันตรายแล้ว คุณไปกับผมได้แล้ว”
ครั้งนี้เวินฉีโม่ไม่ได้ปฏิเสธ มองไปทางจางหย่าหลิน จากนั้นก็ตามลู่จิ้นยวนออกไป
“ตอนนี้ บอกทุกอย่างที่คุณรู้”
เวินฉีโม่คิดไปคิดมา เขาก็อยากช่วยเหมือนกัน แต่เวลานานเกินไป เลยจำไม่ค่อยได้
“เรื่องนั้นผ่านมานานแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าจะคิดอะไรออกหรือเปล่า”
“คิดไม่ออกก็ต้องคิด”
ลู่จิ้นยวนเริ่มหงุดหงิด เสียเวลาเพราะเวินฉีโม่ขนาดนี้ ถ้าเขายังจำอะไรไม่ได้อีก ตอนนี้เขาอยากฆ่าคนด้วยซ้ำ
“แต่ว่า นี่เป็นเรื่องเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน……”
เวินฉีโม่ขมวดคิ้ว “อ่อ ผมยังจำหมอคนนั้นได้ ชื่อโจวอะไรสักอย่าง”
โจวอะไรสักอย่าง?
พอทั้งสองได้ยินก็รีบตื่นตัว “แน่ใจ?”
“แน่ใจครับ ตอนนั้นเพราะเขาเป็นผู้ชาย แต่มาทำคลอดแบบนี้ ผมเลยจับตาดูไว้ เลยจำได้”
วินาทีนั้น ในใจลู่จิ้นยวนแน่ใจแล้วเรื่องหนึ่ง หมอโจวคนนี้ไม่ธรรมดา อุ้มเด็กสองคนผิด ต้องวางแผนไว้ล่วงหน้าแน่นอน
“แล้วพวกคุณ เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลหยงหรือเปล่า?”
เวินฉีโม่นึกถึงคำพูดของจางหย่าหลิน เลยส่ายหน้า “ไม่เคยได้ยินเรื่องตระกูลหยงนั่น ไม่เคยรู้จักด้วย……”
พอฟังจบ ลู่จิ้นยวนก็ขมวดคิ้วแน่น
เวินฉีโม่บอกข้อมูลมาก็จริง แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรมาก
ยังไงตอนนี้โจวหมิงยวนยังสลบอยู่ ไม่รู้ว่าจะฟื้นเมื่อไหร่ ใครก็ไม่รู้
“แล้วยังมีหมอหรือพยาบาลคนอื่นหรือเปล่า?”
เวินหนิงคิดไปสักพักค่อยนึกขึ้นได้