ลู่อันหรานพูดจบ ก็ลากกระเป๋าเดินไปอย่างไม่สนใจ
เฉิ่นหรูเย่ว์โมโหมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรสั่งสอนลู่อันหรานดี
เพราะเธอเป็นแค่คนนอก จึงไม่มีสิทธิ์พูดอะไร?
เย่หวานจิ้งเห็นอันหรานลากกระเป๋าเดินทางออกไปด้านนอก จึงรีบเข้าไปห้ามไว้ด้วยสีหน้าไม่พอใจ: “อันหราน นี่จะไปไหน?”
“ผมจะไปหาพ่อกับแม่ครับ”
สีหน้าเย่หวานจิ้งไม่พอใจทันที เวินหนิงยังไม่ยอมตายใจอีกเหรอ
“ก็บอกแล้วว่าให้เธออยู่ที่นี่”
“แต่ พ่อตกลงให้ผมไปหาพวกท่านแล้วนะครับ”
ลู่อันหรานไม่ฟังเธอ เขาอยากจะรีบบินไปตอนนี้เลย
“จิ้นยวนให้ไปเหรอ?”
พอเย่หวานจิ้งได้ยินแบบนั้นก็นึกโทษไปที่เวินหนิงทันที
เธอต้องเป่าหูลู่จิ้นยวนแน่ เขาถึงได้เปลี่ยนใจกะทันหันแบบนี้
“ฉันจะโทรฯถามเขาดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
เย่หวานจิ้งรีบโทรฯหาลู่จิ้นยวนทันที พอฝั่งลู่จิ้นยวนเห็นว่าเป็นสายจากที่บ้านก็รู้สึกหงุดหงิดใจเล็กน้อย แต่ก็เก็บอาการก่อนจะกดรับสาย
“จิ้นยวน ทำไมมารับอันหรานไปอีกแล้วล่ะ? ไหนบอกว่าจะให้เขาอยู่เป็นเพื่อนแม่กับพ่อไง?”
“แม่……แม่หาใครมาดูแลอันหราน?”
ลู่จิ้นยวนรู้สึกเหนื่อยใจ
เย่หวานจิ้งไม่ชอบเวินหนิงอยู่แล้ว ตอนนี้ยังหาใครก็ไม่รู้มาดูแลอันหรานแทนแม่เขาอีก
“ฉัน…….”
เย่หวานจิ้งทำเสียงอ่อยลง แต่ไม่ทันใดก็รีบอ้างเหตุผลขึ้นมา: “ฉันก็แค่หาคนที่ดีกว่าและเหมาะสมกว่ามาดูแลอันหราน มันก็เป็นการดีต่ออันหรานไม่ใช่เหรอ?”
“แม่ ตระกูลเฉิ่นต้องการการสนับสนุนจากตระกูลลู่ และกำลังคิดวางแผนอะไรอยู่ผมเองรู้ดี และแม่เองก็น่าจะรู้ดีกว่าผมด้วยซ้ำ แล้วก็คุณหนูเฉิ่นคนนั้นผมจำได้ว่าเธออายุแค่ยี่สิบต้นๆเอง ให้เธอมาดูแลเด็กแบบนี้มันเหมาะแล้วเหรอ?”
ลู่จิ้นยวนรู้สึกเบื่อหน่ายกับการกระทำของแม่ เขาพยายามให้เธอปรับเปลี่ยนแต่ก็ไม่เป็นผลซะที
ความเข้าใจผิดของพวกเธอเป็นมาตั้งแต่ต้น จนตอนนี้ก็ยังไม่ดีขึ้น บางทีลู่จิ้นยวนเองที่ต้องแทรกอยู่ตรงกลางยังรู้สึกปวดหัว
“เรื่องนี้ทำตามที่ผลบอกแล้วกันครับ พอผมรับอันหนานมาแล้ว แม่ก็ใช้โอกาสนี้พาคุณหนูเฉิ่นไปส่งแล้วกัน”
“จิ้นยวน ลูกไม่เข้าใจสิ่งที่แม่ทำไปทั้งหมดเลยเหรอ?”
เย่หวานจิ้งไม่ได้ฟังสิ่งที่ลู่จิ้นยวนพูด แต่กลับทำเป็นเสียใจแทน
เธอคิดว่าสิ่งที่เธอทำไปทั้งหมดก็เพราะหวังดีกลับลู่จิ้นยวน เธอไม่อยากเห็นลูกชายตัวเองโดนผู้หญิงคนนั้นหลอก และที่สำคัญผู้หญิงคนนั้นยังเกี่ยวข้องกับเห่อจืออันที่เธอไม่ชอบอีกด้วย
“ผู้หญิงคนอื่นผมไม่ต้องการ ชีวิตนี้ผมเลือกแล้วต้องเป็นเวินหนิงคนเดียวเท่านั้น”
ผมไม่อยากเถียงอะไรกับแม่อีก เพราะยังไงผมก็จะไม่เปลี่ยนความคิดเด็ดขาด
ลู่จิ้นยวนพูดจบก็วางสายไป
เย่หวานจิ้งฟังเสียงสัญญาณที่ถูกตัดสายไปแล้ว ก็รู้สึกโกรธจนอยากเขวี้ยงโทรศัพท์มือถือทิ้ง
ขณะเดียวกัน คนของลู่จิ้นยวนก็มารับอันหรานไป
เฉิ่นหรูเย่ว์เห็นสีหน้าเย่หวานจิ้งไม่ดีนัก เธอจึงเข้าไปพูดปลอบ : “ไม่เป็นไรนะคะคุณป้า หนูไม่ดีเองที่ทำให้คุณชายเล็กชอบหนูไม่ได้”
เย่หวานจิ้งส่ายหน้า : “เรื่องนี้เพราะฉันไม่คิดให้ดีก่อน ทำให้เธอต้องมาเสียเวลาด้วย เธอกลับไปก่อนนะ”
เฉิ่นหรูเย่ว์พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะกลับไป
เย่หวานจิ้งถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินกลับไปห้องตัวเอง เธอไม่เข้าใจนี่เธอผิดเหรอ ที่เธอทำลงไปทั้งหมดก็เพื่อลู่จิ้นยวน ทำไมเขาไม่เข้าใจความตั้งใจของเธอบ้างเลย
ยิ่งมองดูรูปครอบครัวที่แขวนอยู่บนผนัง เธอก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ
……….
ฟ้าเริ่มค่อยๆมืดลง ไฟข้างทางเริ่มสว่างขึ้นทีละดวง
ดูสว่างไสว สวยงาม
เวินหนิงยืนเหม่ออยู่ตรงหน้าต่าง ไม่มีแม้กะจิตกะใจจะชื่นชมมัน
ผ่านไปชั่วครู่ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก
เวินหนิงไม่สนใจ
อยู่ที่นี่ คนที่จะหาเธอก็คงมีแต่ลู่จิ้นยวน
ตอนนี้เธอไม่อยากเห็นหน้าเขา
แต่เสียงเคาะประตูยังคงดังไม่หยุด เวินหนิงจึงจำต้องเดินไปเปิด แต่ยังไม่ทันใดเธอก็ได้ยินเสียงเรียกของอันหรานที่เคาะประตูและเรียกแม่สลับกัน
เวินหนิงรีบดึงประตูออก เมื่อเห็นอันหรานยืนถือกระเป๋าเดินทางยืนอยู่หน้าประตู ไม่ต้องพูดเลยว่าเธอดีใจแค่ไหน
“อันหราน ลูกมาได้ยังไง? ไหนว่าลูกอยู่บ้านไง?”
ลู่อันหรานกอดคอแม่ไว้ : “พ่อเป็นคนพาผมมาเอง”
พูดเสร็จก็ชี้ไปที่พ่อ ซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง
เวินหนิงไม่อยากสนใจเขานัก ทำแค่เพียงตอบรับว่ารู้แล้ว ก่อนจะพาอันหรานเข้าห้องและดึงประตูปิด
โดยไม่ยอมพูดคุยกับลู่จิ้นยวนแม้แต่คำเดียว
ลู่จิ้นยวนที่ถูกทิ้งไว้ด้านนอก รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่พอคิดดูดีๆแล้วมีลู่อันหรานอยู่เป็นเพื่อนเธอแบบนี้ บางทีเขาไม่เข้าไปก็ดีเหมือนกัน
ยังไง เขาก็สั่งลู่อันหรานไว้แล้ว ให้ช่วยทำให้แม่สบายใจ แล้วก็อย่าลืมช่วยพูดให้พ่อด้วย
ทีนี้ ก็ทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับลู่อันหรานละ
………..
เวินหนิงพาลู่อันหรานเข้ามาในห้องแล้ว ก็หันไปมองดูเวลา : “ดึกขนาดนี้แล้วยังไปพาลูกมาอีก ถ้าจะมาพรุ่งนี้ก็ได้นี่นา”
“แต่ แม่คิดถึงผมไม่ใช่เหรอครับ?”
ลู่อันหรานยิ้มตาหยีจ้องมองเวินหนิง: “ผมก็เลยรีบมาหาแม่ให้เร็วที่สุดไง”
“อันหราน ขอบใจมากลูก”
เวินหนิงกอดลู่อันหรานไว้แน่น รู้สึกได้ถึงไออุ่นที่แผ่จากร่างน้อย ทำให้อารมณ์หงุดหงิดในใจเธอบางเบาลง
ถึงแม้ว่าลู่อันหรานจะไม่โดนผู้หญิงอื่นหลอกไปได้ง่ายๆ แต่เธอก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี
ความทุกข์ทรมานเมื่อครั้งที่ต้องแยกจากลูกมันยังจำฝังใจ เธอจะให้มันเกิดขึ้นอีกครั้งไม่ได้อีก
ลู่อันหรานยอมให้เวินหนิงกอดอยู่นิ่งๆ
ผ่านไปครู่ใหญ่ เวินหนิงก็ปล่อยมือและถามขึ้น: “อันหราน ถ้าวันหนึ่งแม่กับพ่อแยกทางกัน ไม่ได้อยู่เมืองเดียวกัน ลูกจะไปกับแม่มั้ย?”
ลู่อันหรานได้ยินแบบนั้นก็จ้องมองเธอด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ: “ทำไม่ต้องแยกกันครับ?”
“แม่ไม่ชอบพ่อเหรอ?”
เวินหนิงส่ายหน้า : “แค่สมมุติ ถ้สมันเป็นแบบนั้น ไม่ใช่เรื่องจริง”
ลู่อันหรานคิดอยู่นาน ก่อนจะตอบ: “ผมจะอยู่เคียงข้างแม่ครับ”
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ลู่อันหรานรู้สึกได้ว่า แม่ต้องการเขามากกว่าพ่อ
ดังนั้น จึงจำต้องพูดขอโทษพ่ออยู่ในใจ
เวินหนิงหุบตาลง: “ขอบใจจ๊ะอันหราน ขอบใจลูกมาก”
ลู่อันหรานส่ายหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
เขากำลังคิดว่าพ่อทำอะไรแม่นะ แม่ถึงได้ถามแบบนี้
เขาอยากถามมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะถามยังไง
ผ่านไปครู่ใหญ่ ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ลู่อันหรานวิ่งไปเปิดประตู เห็นลู่จิ้นยวนนำของกินมาให้
“เห็นยังไม่ได้กินอะไรกัน ฉันเลยไปซื้อของกินมานิดหน่อย ตอนี้ก็ดึกมากแล้ว กินรองท้องกันก่อนมั้ย?”
ลู่จิ้นยวนเห็นบรรยากาศในห้องดูไม่ปกติ จึงส่งสายตาให้อันหรานตามเขาออกไปด้านนอก