ที่แท้ผู้ชายที่เธอชอบก็มีนิสัยเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
มีเพียงแบบนี้ ถึงเวลาเมื่อได้ครอบครองเขาจริง ๆ ก็จะมีความสุขในการเอาชนะได้
สีหน้าของหยงซือเหม่ยมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ
…
เวินหนิงพาลู่อันหรานกลับโรงแรง ตลอดทาง เธอไม่ได้พูดอะไร แต่กลับกำลังคิดถึงเรื่องของหยงซือเหม่ย
เวินหนิงดูออก ว่าหยงซือเหม่ยเป็นคุณหนูใหญ่ที่ถูกตามใจจนเสียนิสัยแล้ว ดูจากนิสัยของเธอ ไม่น่าจะปลูกถ่ายไขกระดูกให้คุณแม่โดยไม่มีเหตุผล
เธอรู้สึกว่าหยงซือเหม่ยไม่มีทางยอมรับแม่แท้ ๆ ของเธอ
เมื่อคิดถึงเรื่องพวกนี้ เวินหนิงหัวแทบจะระเบิด
“คุณแม่ครับ คุณแม่เป็นอะไรครับ?”
ลู่อันหรานเห็นเธออารมณ์ไม่ดี นึกว่าเป็นเพราะเธอหึง
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
เวินหนิงส่ายหน้า ไม่ได้พูดอะไรกับลู่อันหราน
ทั้งสองลงจากรถแท็กซี่ กำลังจะเดินเข้าประตูโรงแรม จู่ ๆ ก็ถูกเสียงที่คุ้นเคยเรียกเอาไว้
“หนิงหนิง แล้วก็อันหราน”
ไป๋หลินยวี่บอกกับเหอจื่ออันว่าเวินหนิงอยู่ที่นี่ เขาก็รีบพุ่งตรงมาที่นี่
เพียงแต่พวกเขาไม่อยู่ที่โรงแรม เหอจื่ออันไม่อยากคลาดกัน จึงรออยู่ด้านนอก
“จื่ออัน?
นายมาได้ยังไง?”
เวินหนิงเห็นเหอจื่ออัน ก็ฝืนยิ้มออกมา
คิดไม่ถึงว่าเขาก็มาที่เมืองจิงเฉิง
เหอจื่ออันมองดูเธอ แน่นอนว่าเขามาเพื่อเธอ แต่ว่าถ้าหากพูดออกไปแบบนี้ จะทำให้เวินหนิงรู้สึกอึดอัด เขาจึงยิ้มแล้วพูดขึ้น “คุณป้าไม่วางใจเธอ จึงให้ฉันมาดูเธอ อย่าให้เธอเกิดเรื่องอันตรายอะไร”
“ฉันจะเจอเรื่องอันตรายอะไร”
เวินหนิงคิดว่ามันน่าสนใจทีเดียว เธอไม่มีเงิน ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่ใช่คนดังอะไร จะมีคนมาทำร้ายเธอได้ยังไง?
“คนเป็นแม่ พวกเขาไม่วางใจเมื่อลูก ๆ อยู่ข้างนอกไง”
เหอจื่ออันพูดออกมา เวินหนิงกลับรู้สึกเห็นด้วยเป็นอย่างมาก
ก็เหมือนเธอที่มาที่นี่เพียงไม่กี่วัน เพราะคิดถึงลู่อันหรานมาก ๆ
“ไม่รบกวนงานของนายนะ?”
เหอจื่ออันส่ายหน้า
ลู่อันหรานเห็นผู้ใหญ่สองคนกำลังพูดคุยกัน เขาก็พูดแทรกไม่ได้ จึงอดไม่ได้ที่จะกัดนิ้ว มองไปที่เหอจื่ออันด้วยความโมโห
คุณอาที่น่ารำคาญคนนี้ ทำไมถึงมาอีกแล้ว?
ครั้งที่แล้วออกไปกับเหอจื่ออัน เดิมทีอยากจะกลั่นแกล้งเขา แต่ผลปรากฏว่ากลับพาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ทำให้ลู่อันหรานรู้สึกป้องกันตัวกับเขามากขึ้นเล็กน้อย
“คุณแม่ครับ ผมเหนื่อยแล้ว อยากกลับไปพักผ่อน”
ในที่สุดลู่อันหรานก็หาโอกาสดึงความสนใจของเวินหนิงกลับมาได้
“เหรอจ้ะ?
วันนี้เดินเยอะจริง ๆ ไปเถอะ พวกเรากลับกันตอนนี้”
พูดจบ กำลังจะอุ้มลู่อันหรานขึ้น
ลู่อันหรานถลึงตาใส่เหอจื่ออัน เห็นไหมหละ คุณแม่ยังไงก็รักตัวเอง
คุณอาอะไร หลีกทางไปได้ไหม?
เหอจื่ออันยิ้มอ่อนในใจ เด็กน้อยคนนี้ ฉลาดปราดเปรื่อง น่าสนใจจริง ๆ
“หนิงหนิง เธอก็เหนื่อยแล้ว ฉันอุ้มเขาให้”
เหอจื่ออันพูดขึ้น ลู่อันหรานสีหน้าเปลี่ยนในทันที
ชิบ! คนคนนี้ทำไมถึงหน้าหนาขนาดนี้?
“ผมไม่เอา”
ลู่อันหรานปฏิเสธอย่างแรง
“คุณแม่ของนายเป็นผู้หญิงผอมขนาดนี้ ใส่รองเท้าส้นสูง แถมยังต้องอุ้มนาย ลำบากมาก ๆ อันหราน นายเป็นเด็กที่ไม่ดื้อรู้ความ จะต้องสงสารคุณแม่แน่ ๆ ใช่ไหม?”
เหอจื่ออันก็ไม่ได้โมโห แต่กลับกลอกหูลู่อันหราน
ไม่ให้เขาอุ้ม ก็แสดงว่าไม่สงสารเวินหนิง
เป็นดังที่พูดเอาไว้ ลู่อันหรานมองดูรองเท้าของเวินหนิง ถึงแม้จะไม่สูงมาก แต่ก็มีส้น แถมเธอก็เหมือนกับตัวเอง ก็เดินเป็นเวลานาน…
“ไม่เป็นไร”
เวินหนิงไม่ได้สนใจพวกนี้ กำลังจะอุ้มลู่อันหรานขึ้น แต่เขากลับรู้สึกสงสารจริง ๆ
“ไม่ต้องครับคุณแม่”
เหอจื่ออันเดินเข้าไปอุ้มเขาขึ้นมา
เวินหนิงเห็นลู่อันหรานไม่ได้งอแง จึงไม่ได้ให้เขาลงมา
“เป็นผู้ชายที่น่ารำคาญจริง ๆ”
ลู่อันหรานพึมพำเสียงเบา เหอจื่ออันได้ยินแล้ว กลับอยากจะยิ้ม
“เหรอ?
แต่ฉันไม่รำคาญนาย ฉันรู้สึกว่านายก็ไม่ควรรำคาญฉัน เพราะฉันหวังดีกับคุณแม่ของนาย”
“ไม่ฟังไม่ฟัง ไอบ้าขี้บ่น”
ลู่อันหรานเอามือปิดหู
คนคนนี้ เหตุผลเยอะแยะมาก เขาพูดไม่ชนะ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกชักจูงจากเขา ลู่อันหรานตัดสินใจไม่ฟังเขา
เหอจื่ออันไม่ได้ใส่ใจที่ตัวเองถูกเรียกว่าไอบ้า ในขณะที่กำลังจะเดินเข้าไป เด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งเดินเข้ามา มองไปที่พวกเขาด้วยความดีใจ”
“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นนักเรียนของโรงเรียนสอนถ่ายภาพ กำลังเตรียมผลงานเพื่อเข้าร่วมในนิทรรศการ ขอเชิญพวกคุณให้พวกเราถ่ายรูปหน่อยได้ไหมคะ?”
“รูปอะไรครับ?”
ลู่อันหรานยังไงก็เป็นเด็ก จึงถามขึ้นอย่างสงสัย
“อ่อ เป็นนิทรรศการภาพถ่ายของครอบครัวสุขสันต์ ถึงเวลารูปภาพของพวกคุณจะปรากฏบนหน้าจอขนาดใหญ่ในเมือง อีกอย่างครอบครัวของคุณสามคนหน้าตาดีขนาดนี้ ไม่แน่อาจจะกลายเป็นเน็ตไอดอลก็ได้นะ”
ลู่อันหรานได้ยินคำว่าครอบครัวสามคน หน้าบึ้งในทันที
กำลังจะพูดปฏิเสธ ก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยดังขึ้น
“ขอประทานโทษ พวกเขาไม่ใช่ครอบครัวอะไรกัน”
ลู่จิ้นยวนเพิ่งคุยกับหยงซือเหม่ยเสร็จ ก็รีบตามกลับมา
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่ากลับได้เห็นภาพแบบนี้
เห็นพวกเขาสามคนที่หน้าประตู จู่ ๆ เขาก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ดวงตา
เหอจื่ออัน ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?
แล้วทำไมถึงอุ้มลูกชายของตัวเอง?
ดูแบบนี้ พวกเขาก็เหมือนครอบครัวเดียวกันมาก โดยเฉพาะเมื่อมีคนพูดว่าจะถ่ายรูปอะไรให้พวกเขา
ลู่จิ้นยวนสีหน้าไม่ดี “รบกวนคุณเหอปล่อยลูกชายผมลง”
ลู่จิ้นยวนพูดอย่างเย็นชา
ลู่อันหรานยื่นมือออกมาทันที “คุณพ่อ!”
เหอจื่ออันก็ไม่ได้ฝืนที่จะอุ้มลู่อันหรานไม่ปล่อย จึงส่งเขาให้ลู่จิ้นยวน
ผู้หญิงที่จะขอถ่ายรูปเมื่อครู่เห็นภาพที่อธิบายไม่ถูก ก็งุนงงไปหมด
นี่มันอะไรกัน…เมื่อครู่เธอแค่รู้สึกว่าพวกเขาสามคนหน้าตาดี จึงวิ่งถามว่าขอถ่ายรูปได้ไหม ถึงเวลาสามารถกลับรายงานในงานประชุมนักเรียนได้
คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นเรื่องซุบซิบ
แต่ว่าผู้หญิงคนนี้โชคดีจริง ๆ ผู้ชายหน้าตาดีขนาดนี้สองคน กำลังหึงหวงเพราะเธอ
เวินหนิงเห็นสายตาอิจฉาของเด็กสาว สีหน้าจนปัญญา “ขอโทษนะคะ พวกเราให้คุณถ่ายรูปไม่ได้ค่ะ”
“ค่ะ ไม่เป็นอะไรค่ะ”
เด็กสาวสายตาเสียดาย ยังอยากที่จะดูว่าพวกเขาจะคืบหน้าไปยังไง
จากนั้นก็เธอก็เดินออกไป เวินหนิงเห็นบรรยากาศตรึงเครียดระหว่างลู่จิ้นยวนและเหอจื่ออัน “ฉันเข้าไปก่อนนะ”
เห็นพวกเขา เธอรู้สึกเหนื่อยใจอย่างบอกไม่ถูก
แม้กระทั่งลู่อันหรานก็ไม่สนใจแล้ว
ลึกลงในดวงตาของลู่อันหราน มองดูเหอจื่ออัน “คุณยังไม่กลับอีกเหรอ?”
เหอจื่ออันหุบยิ้ม “ดูเหมือนว่าที่นี่ไม่ได้ไม่อนุญาตให้ผมใช้บริการหนิ”
พูดจบก็เดินเข้าประตูโรงแรมไป
ลู่จิ้นยวนมองดูแผ่นหลังของเขา อารมณ์เสียเป็นอย่างมาก
เดิมทีหยงซือเหมยคนเดียวก็ทำให้เขารำคาญมากพอแล้ว คิดไม่ถึงว่าคนที่น่ารำคาญยิ่งกว่าก็โผล่มาอีกคนหนึ่ง
ตอนแรกเขาคิดแค่ว่ามาที่เมืองจิงเฉิงเพียงไม่กี่วัน จึงพักอยู่ที่โรงแรม ดูแบบนี้แล้ว เขาต้องการที่พักที่หนึ่ง เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงแมลงวันบินมารบกวน