พอได้ยินแบบนี้ เวินหนิงอ้าปากจะพูด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเถียงยังไง กลับร้อนตัวแทน
เธอเคยคิดอยากให้ลู่อันหรานชินกับชีวิตที่ไม่มีลู่จิ้นยวน แต่ตอนนี้ ความคิดนี้เหมือนจะเห็นแก่ตัวเกินไป
เพราะยังไง พ่อก็สำคัญกับการเติบโตของเด็กคนหนึ่งมากๆ
“อีกหน่อย ค่อยว่ากัน……”
เวินหนิงไม่พูดอะไรอีก แค่เลี่ยงประเด็นนี้
คิดไปมา “อันหรานอยู่คนเดียว เดี๋ยวฉันไปอยู่กับลูก”
พูดจบก็เดินไปหา ไม่เผชิญหน้ากับลู่จิ้นยวนอีก
เห็นเธอหลีกเลี่ยง ผู้ชายก็ถอนหายใจยาว กับคนอื่น เขามีวิธีเยอะแยะที่จะปราบให้หลาบ แต่ผู้หญิงคนนี้ เขากลับทำอะไรไม่ได้เลย
เวินหนิงเข้าไปในห้องพักฟื้น ลูบมือของลู่อันหราน มือเย็นเล็กน้อย มองไปที่ถุงน้ำเกลือ เหมือนจะหยดเร็วเกินไป
ปรับความเร็วของหยดน้ำเกลือเสร็จ ลู่จิ้นยวนก็เข้ามาพอดี
เวินหนิงมองไปที่เขา “เดี๋ยวฉันไปหาถุงร้อนมาอุ่นน้ำยาก่อน”
ลู่จิ้นยวนพยักหน้า เวินหนิงเดินออกไป แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะไปซื้อที่ไหน เลยให้พยาบาลที่เดินผ่านมาพาเธอไป
พยาบาลเห็นว่าเวินหนิงทักคุยกับเธอ เธอก็กระตือรือร้นมาก
“เดี๋ยวฉันพาคุณไปเอง”
เวินหนิงขอบคุณอย่างมีมารยาท เดินตามหลังเธอ แต่พยาบาลคนนั้นเอาแต่ชวนเธอคุย
“ผู้ชายคนนั้น สามีของคุณเหรอคะ? ดูหล่อมากเลย พวกคุณรู้จักกันได้ยังไงคะ?”
“อื้อ เรา……หย่ากันแล้วค่ะ”
เวินหนิงทำตัวไม่ถูก แต่กำลังขอความช่วยเหลือคนอื่น ก็เลยต้องตอบ
“อะไรนะ?”
พอพยาบาลได้ยิน ก็ทำหน้าเสียดาย “แต่ว่า ฉันเห็นว่าเขาดีกับคุณมากเลยหนิคะ? คุณต้องรู้นะคะ ผู้ชายส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่กลับเลี้ยงลูกไม่เป็น แล้วให้คุณดุแลคนเดียว ถ้าเขาไม่ได้ทำผิดร้ายแรงจริงๆ คุณก็ควรคว้าไว้ในมือนะคะ”
ในใจเวินหนิงเหงื่อตก อยากจะไปจากที่นี่เร็วๆ พยาบาลคนนี้อยากรู้อยากเห็นเกินไป
“ทำไมพวกคุณถึงหย่ากันเหรอคะ? เขาแอบมีชู้ข้างนอก?”
เวินหนิงส่ายหน้า ถึงแม้เรื่องส่วนตัวแบบนี้เธอไม่ค่อยอยากตอบ แต่ยังไงก็ไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิด
เพราะลู่จิ้นยวนไม่เคยทำอะไรนอกใจแบบนั้นเลย
“เปล่าค่ะ ไม่ใช่เรื่องแบบนั้น”
ได้ยินเวินหนิงปฏิเสธ พยาบาลก็เบิกตากว้าง “งั้นทำไมพวกคุณถึง……”
“บางเรื่อง ก็แค่เข้ากันไม่ได้ คุณแค่เห็นประโยชน์ที่แต่งงานกับผู้ชายคนนั้น แต่ไม่รู้ว่ามีความไม่สบายใจบางอย่างแอบแฝงอยู่”
เวินหนิงพูดออกไป ตัวเองยังรู้สึกอึ้งเลย
จิตใจตัวเองกลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เธอไม่มีความกล้าที่จะไปตามหารักแท้อะไรนั่นแล้ว
อาจจะเป็นเพราะโตแล้ว อาจจะเป็นเพราะเธอกลัวเอง
“อย่างนี้เหรอคะ……”
พยาบาลคิดไปมา ไม่ได้พูดอะไรอีก เหมือนกำลังครุ่นคิด เวินหนิงก็โล่งใจไปที ซื้อถุงร้อนเสร็จ ก็เดินกลับไปในห้องพักฟื้น
“อันหราน มาอุ่นมือก่อน”
เวินหนิงจัดตำแหน่งถุงร้อน วางไว้ให้ใกล้กับถุงน้ำยาแต่ก็ไม่ให้โดนตัวลู่อันหรานมากนัก
ยาค่อยๆหมดไปอย่างรวดเร็ว
คุณหมอมาดูอาการของลู่อันหนาน “ถ้าพวกคุณไม่ติดปัญหาอะไร คืนนี้ก็ให้เขาอยู่ที่โรงพยาบาลก่อน เดี๋ยวกลับไปท้องเสียอีก”
“ค่ะ”
เวินหนิงไม่ติดอะไร เพราะเธอไม่มีธุระอะไรอยู่แล้ว
“ถ้านายยุ่งก็กลับไปก่อนก็ได้ ฉันอยู่ที่นี่เอง”
แต่เวินหนิงรู้สึกว่าลู่จิ้นยวนคงจะยุ่ง เลยเอ่ยไปอย่างนั้น
ลู่จิ้นยวนมองไปที่เธอ ผู้หญิงคนนี้ เมื้อกี้ฟังในสิ่งที่เขาพูดเข้าหูหรือเปล่า?
“ฉันไม่มีอะไรต้องทำ”
ลู่จิ้นยวนนั่งอยู่ที่นั่น แล้วมองไปทางลู่อันหราน “อีกอย่าง อันหรานก็อยากให้พ่ออยู่ด้วย ใช่ไหมครับ?”
ลู่อันหรานให้ความร่วมมือ จึงพยักหน้า
เวินหนิงมองไปรอบๆห้อง ยังไงที่นี่ก็ไม่ใช่เมืองเจียงเฉิง ไม่ได้รับบริการดีขนาดนั้น เป็นแค่ห้องพักฟื้นธรรมดา ข้างๆมีแค่เตียงเดียว
ถ้าลู่จิ้นยวนจะอยู่ต่อ เขาจะนอนที่ไหน?
ลู่จิ้นยวนจะมองไม่ออกได้ยังไงว่าเธอคิดอะไรอยู่?
“ไม่เป็นไร ฉันนอนที่ไหนก็ได้”
เขาชี้ไปที่เก้าอี้ ยืนยันว่าจะไม่ไป
“งั้น แล้วแต่นายละกัน”
ลู่จิ้นยวนพูดขนาดนี้แล้ว เวินหนิงจะทำอะไรได้อีก ทำได้แค่ตกลง
พอตกดึก ลู่อันหรานไม่ปวดท้องแล้ว เอาแต่บ่นว่าหิว แต่เวินหนิงก็ไม่กล้าเสี่ยง เลยให้เขากินอะไรเบาๆอย่างโจ๊กไปก่อน
“อันหราน ครั้งหน้าไม่กล้ากินของพวกนั้นแล้วใช่ไหมคะ”
เวินหนิงป้อนโจ๊กเขา แล้วแอบล้อเขาเล่นด้วย
เด็กคนนี้ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเด็กกินเก่งขนาดนี้
เป็นไงล่ะ กินจนท้องเสียติดกันสองรอบแล้ว
“ครั้งหน้าก็กินน้อยๆหน่อยไงครับ”
ลู่อันหรานไม่กลัว เพราะครั้งก่อนเป็นแผนของเขาที่จงใจแกล้งปวดท้องเอง
ครั้งหน้าระวังหน่อยก็ได้แล้ว
“เก่งเนอะ”
เวินหนิงยกนิ้วโป้งให้ลู่อันหราน รู้ว่าในถ้ำมีเสือก็ยังจะเข้าไปอีก สมกับเป็นลูกชายเธอจริงๆ
ลู่จิ้นยวนทอดมองทั้งสองแม่ลูกคุยกัน ไม่พูดแทรก แค่นั่งมองเงียบๆแบบนั้น
ช่วงเวลาที่สงบสุขแบบนี้ ตอนนี้เขารู้สึกว่ามีค่ามาก ต้องรักษาไว้สิ
เวินหนิงป้อนลู่อันหรานเสร็จ กำลังจะไปล้างมือ แต่ลู่จิ้นยวนกลับเรียกเธอไว้ “เธอจำได้แค่ป้อนข้าวให้อันหราน ตัวเองไม่กินแล้ว?”
เวินหนิงมองของที่อันหรานกินเหลือ “ไม่เป็นไรหรอก ฉันกินนี่ก็พอแล้ว ถ้านายอยากกินอะไรก็ไปสั่งที่ร้านแล้วกัน……”
เวินหนิงไม่ค่อยใส่ใจเรื่องตัวเองอยู่แล้ว ยังคิดอีกว่าอย่าสิ้นเปลือง
ลู่จิ้นยวนมองไปที่ของพวกนั้น มีแค่โจ๊กกับข้าวจืดๆ เธอจะอิ่มได้ยังไง?
“ฉันไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน”
ผู้ชายเอ่ยพูดหน้าตาเฉย
“งั้นนายก็ให้พยาบาลพานายไปสิ”
เวินหนิงไม่เชื่อว่าถ้าเขาออกไปถาม จะไม่มีใครพาเขาไป
เห็นท่าทางของผู้หญิงพวกนั้น คงอยากอยู่กับเขาด้วยซ้ำ
“ยุ่งยาก”
ลู่จิ้นยวนไม่ยอมไป
ลู่อันหรานมองออกว่าเขาจะทำอะไร ก็แค่อยากไปกินข้าวกับคุณแม่ไม่ใช่เหรอ?
“แม่ครับ แม่พาพ่อไปเถอะครับ พ่อไม่มีเซ้นส์เรื่องทิศทาง เดี๋ยวหาทางไม่เจอครับ”
ถึงปากลู่อันหรานจะช่วยลู่จิ้นยวนพูด แต่ก็ไม่ลืมแขวะเขา
เวินหนิงขมวดคิ้ว ลู่จิ้นยวน ไม่มีเซ้นส์เรื่องทิศทาง?
จริงเหรอ?
พอลู่จิ้นยวนได้ยินก็กัดฟันแน่น เด็กคนนี้นี่……
แต่เขาก็ยอมพยักหน้า “สถานที่ปิดแบบนี้ฉันหาทางไม่ค่อยเจอ ก็เลยจำเป็นต้องให้เธอนำทาง”