พอได้ยินเสียงเท้า หยงซือเหม่ยก้าวถอยหลังมาแล้วเอาขวดยาเก็บเข้ากระเป๋าตัวเอง
เพราะความตื่นเต้น ทำให้ยานั้นหกออกมาเล็กน้อย เสื้อของเธอเลยเปียกไปด้วย
ในที่สุดลู่อันหรานเขาก็คืนเก้าอี้ให้พยาบาลจนได้ กลับมาถึงห้องเห็นหยงซือเหม่ยยืนอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ยืนทำอะไรอยู่
ลู่อันหรานรู้สึกได้เลยทันทีว่าเธอต้องทำอะไรไม่ดีแน่ๆ
“ทำอะไรน่ะ หรือคิดจะโยนข้าวของพวกเราทิ้งหรือไง?”
ลู่อันหรานไม่ได้คิดว่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงอะไร แค่คิดว่าผู้หญิงร้านคนนี้คิดจะเอาข้าวที่พวกเขาสั่งไปทิ้ง
หยงซือเหม่ยที่ได้ยินแบบนี้แล้วจากตอนแรกยังกลัวอยู่นั้นเธอสบายใจไปเลย
ถึงจะฉลาดแค่ไหนก็แค่เด็กห้าขวบเท่านั้น
“ของที่พวกเธอสั่งมันกลิ่นแรงมากเลย โยนออกไปแล้วจะทำไม อย่าได้ไปรบกวนพ่อของนายเชียว”
ลู่อันหรานได้ยินดังนั้นก็รีบโอบโกยของเข้ามากอดไว้ ทำเหมือนเป็นลูกรักแล้วเอาวางไว้อีกทาง“ถ้ากลิ่นมันแรงเธอก็ออกไปสิ มีแค่เธอนั่นแหละที่เรื่องเยอะ พ่อของผมไม่หน่อมแน้มขนาดนั้นหรอก”
อีกอย่าง เขาก็ไม่ได้สั่งข้าวที่มีกลิ่นฉุนมานิ ผู้หญิงคนนี้มันหาเรื่องชัดๆ
หยงซือเหม่ยที่เมื่อสักครู่ได้ทำเรื่องไม่ดีไปนั้น คราวนี้ก็ไม่ได้โกรธอะไร แค่ทำเสียงไม่พอใจแล้วเดินออกไป
แต่เธอไม่ได้ไปไหนไกลมากนัก เธอเดินเข้าห้องเล็กๆที่อยู่ข้างๆวีไปพี ตรงนั้นมีหน้าต่างบานเล็กที่สามารถมองเห็นเด็กสองคนที่อยู่ในห้องได้อย่างชัดเจน
เห็นเธอเดินออกไปแล้ว เด็กทั้งสองคนก็รู้สึกโล่งใจขึ้น
“กินก่อนเถอะ”
ลู่อันหรานเอาของกินมาวางเต็มบนโต๊ะ เหมือนเป็นเจ้าของสะอย่างงั้น เพราะตอนนี้ไม่มีใครมาบ่นเขาแล้ว เขาเลยสั่งอาหารที่ทางบ้านชอบไม่ให้กิน
ทั้งไก่ทอด แฮมเบอร์เกอร์ และอีกหลายๆอย่าง กับเด็กอย่างพวกเขาแล้วพวกเขาสองคนทานไม่หมดแน่นอน
“เรากินอันนี้กันก่อนละกัน”
ลู่อันหรานมองแล้วคิดว่าทานไก่ทอดก่อนจะดีกว่าดีกว่า ถ้าปล่อยไว้นานๆ มันจะยมแล้วจะไม่อร่อย
“ฉันจำได้ว่าตอนดูโทรทัศน์นะ ในนั้ นไก่ทอดต้องกินกับเบียร์ แต่เรายังเป็นเด็ก กินเบียร์ไม่ได้ งั้นใช้น้ำผลไม้นี้แทนละกัน มันก็เป็นน้ำอัดลมเหมือนกัน”
ปกติแล้วลู่อันหรานชอบดูโทรทัศน์แล้วเลียนแบบภาพและสถานการณ์ที่เห็น พอเห็นไก่ทอดเลยทำให้นึกถึงเรื่องนั้นพอดี
ไป๋ซินหรานไม่เข้าใจหรอก แต่ได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็ได้แต่พยักหน้าให้“อื้ม โอเคเลย”
เด็กทั้งสองมือหนึ่งจับไก่ทอดไว้ อีกมือหนึ่งก็ยกน้ำอัดลมขึ้นดื่ม เพราะไม่มีผู้ใหญ่มาดูแล ภาพลักษณ์การกินเลยไม่ได้ถือขนาดนั้น
เพราะน้ำอัดลมนั้นปิดไว้ ถ้ามีร่องรอยการเปิดออกจะสามารถเห็นได้ง่ายมาก เธอเลยไม่ได้ลงมือ ถ้าเด็กสองคนนี้กินจนอิ่มแล้วก็ไม่อยากจะกินชานมไข่มุกอีกนะสิ แบบนี้เธอก็เสียแรงเปล่าไม่ใช่หรอ?
แต่พอรอไปสักพัก เห็นเด็กสองคนนั่งทานไก่อยู่นั้น เธอเมื่อสักครู่โกรธจนไม่ได้ทานข้าว พอตอนนี้ดูไปดูมากลับรู้สึกหิวขึ้นมาสะอย่างงั้น
ช่างเถอะ ถือว่าเด็กสองคนนี้โชคดีไปก็แล้วกัน ท้องของหยงซือเหม่ยหิวจนร้อง คิดไปสักพักเลยไปหาอะไรทานสักนิด
……
ลู่อันหรานที่มีคนมานั่งทานข้าวด้วยนั้นก็ดีใจ ทานไปเยอะมาก
ทานไปพักนึงลู่อันหรานก็รู้สึกอิ่มแล้ว แต่พอมองของที่ยังเหลืออยู่นั้นก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์ขึ้นมา
โดยเฉพาะชานมไข่มุก เขานั้นชอบกินชานมไข่มุกที่สุดแล้ว แต่ปกติแล้วเวินหนิงชอบบอกว่ามีสารผสมเยอะเกินไป ไม่ดีต่อเด็กที่อยู่ในวัยกำลังเติบโต จึงห้ามให้เขากิน
ตอนนี้สั่งมาแต่ท้องกลับไม่มีที่ว่างให้กินลงไปแล้ว
ลู่อันหรานรู้สึกคิดผิดมากที่เมื่อสักครู่เขาทานเร็วเกินไป ตอนนี้เป็นไงละ หวงอันนั้นแล้วเสียอันนี้
“อันหราน นายมองอะไรน่ะ มองตลอดเลย?”
ไป๋ซินหรานถึงจะทานอยู่ แต่ยังไงสะเธอก็เป็นเด็กผู้หญิงที่ออกจะเงียบๆ แต่ถึงยังไงก็ไม่เหมือนลู่อันหรานที่ทานไปนิดเดียวก็ทานไม่ลงแล้ว
เห็นสีหน้าที่สลดของเขาเธอก็ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“ฉันอยากกินชานมไข่มุก แต่ตอนนี้ท้องฉันแน่นหมดแล้ว เห้อ ชานมไข่มุกของฉัน!”
ลู่อันหรานถอนหายใจแล้วส่ายหน้าไปด้วย
ไป๋ซินหรานงงไปหมด เธอไม่เคยกินชานมไข่มุก เมื่อก่อนเคยเห็นแค่เพื่อนร่วมห้องที่บ้านที่มีเงินหน่อยชอบกินกัน เธอไม่มีค่าขนม เลยไม่ได้ซื้อของที่แพงๆพวกนั้นเป็นธรรมดา
เห็นลู่อันหรานที่ชอบกินขนาดนี้ เธอก็รู้สึกอยากรู้ขึ้นมา“ชานมไข่มุกนั่นอร่อยขนาดนั้นเลยหรอ?”
“แน่นอน ทั้งหอมทั้งหวาน ฉันเนี่ยชอบที่สุดแล้ว ใช่สิ เธอเคยกินมั้ย ลองดูมั้ยล่ะ?”
ลู่อันหรานกินไม่ลงอยู่แล้ว แต่คิดว่าแบ่งให้เพื่อนของเขาก็ไม่เลวนิ เลยเอามาวางไว้ตรงหน้าของไป๋ซินหราน
ไป๋ซินหรานนั่งมอง แล้วจับขึ้นมากินไปคำนึง
หวานจริงด้วย แต่ไม่รู้ทำไมในนี้มีรสชาติขมแปลกๆ
ไป๋ซินหรานขมวดคิ้วทันที แต่พอเห็นสายตาคาดหวังของลู่อันหราน เขานั้นก็หวังดีที่จะแบ่งให้ เธอไม่อยากให้เขาผิดหวัง……
ไป๋ซินหรานเลยทนรสชาติขมนั้นไว้ กินเข้าไปหลายๆคำ จากนั้นก็ส่งยิ้มไปให้“อันหราน อร่อยแล้วก็หวานจริงๆด้วย!”
ได้ยินที่ไป๋ซินหรานพูดลู่อันหรานก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าตอบ“อื้ม เธอก็คิดแบบนี้จริงๆด้วย”
ไป๋ซินหรานพยักหน้าให้ แต่ทันใดนั้นเองเธอก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมา“ฉันอยากไปเข้าห้องน้ำ นายรอแปปนึงนะ”
ลู่อันหรานก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แล้วบอกทางไปห้องน้ำกับเธอ แน่ใจว่าเธอนั้นอิ่มแล้วก็เก็บกวาดของบนโต๊ะ
ไป๋ซินหรานเดินออกมาจากห้อง ไม่รู้ว่าใช่เพราะรสชาติแปลกของชานมไข่มุกนั้นหรือเปล่า เธอเริ่มรู้สึกร่างกายเริ่มแปลกไป และเธอเองก็เริ่มหน้ามืด
เธอคิด บางทีถ้าอ้วกออกไปอาจจะดีขึ้นก็ได้ เลยเดินโซซัดโซเซไปถึงห้องน้ำ แต่ถึงจะอยากอ้วกแค่ไหนก็อ้วกไม่ออก
เธออยากลุกยืนขึ้นแต่กลับไม่มีแรงแล้ว
ร่างกายเล็กๆนั่นล้มลงกับพื้น แต่ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้ว ชั้นของวีไปพีทั้งชั้นนี้ก็แทบจะไม่มีใคร ไม่มีใครจะมาสังเกตเห็นเด็กที่เป็นลมไปหรอก
……
หยงซือเหม่ยที่ทานข้าวเสร็จแล้วก็กลับมาที่ห้องคนไข้
เข้ามาถึง ของในห้องได้เก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว
เธอบอกไม่ถูกว่าเสียดายหรือโชคดีกัน เมื่อสักครู่เธอได้เช็คมาแล้ว ยาที่เธอหยิบขึ้นมาด้วยอารมณ์ชั่ววูบเนี่ยถ้าเป็นเด็กทานเข้าไป ไม่แพ้ก็ดี แต่ถ้าแพ้ขึ้นมาจะเกิดผลที่ร้ายแรงมาก
เบาหน่อยก็จะหายใจขัดข้อง อาเจียน หนักหน่อยก็จะอันตรายถึงชีวิต
หยงซือเหม่ยไม่คิดจะเอาชีวิตของพวกเขา แค่อยากให้เด็กสองคนนั่นเห็นดีสักหน่อย แล้วอย่ามาวุ่นวายอีกก็เท่านั้น
ลู่อันหรานที่แอบเอาของไปทิ้งแล้วกลับไปยังห้องเหมือนเดิม
เขาคิดว่าไป๋ซินหรานที่ไปนานขนาดนั้นแล้วตอนนี้ต้องกลับมาที่ห้องแล้วแน่ๆ แต่พอเปิดประตู เห็นแค่หยงซือเหม่ยที่ยืนอยู่