“จะลงมือกับตำหนักเทพโอสถ?” เจ้าสำนักก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมาเล็กน้อย “เธอคิดว่าตระกูลซูของเธอมันเยี่ยมยอดไร้เทียมทานอย่างงั้นจริงๆเหรอ?”
สีหน้าของเสียวหยู่เชี้ยนก็เปลี่ยนไป แต่เธอก็ไม่พูดอะไรออกมา
“ลองกลับไปถามนายท่านซูนะ การทำสงครามกับตำหนักเทพโอสถ เค้ากล้าไหม?” เจ้าสำนักก็หัวเราะเยาะขึ้นมา
เสียวหยู่เชี้ยนสูดลมหายใจเข้า แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าสำนักตำหนักเทพโอสถถึงมั่นใจที่จะมาท้าทายตระกูลซูแบบนี้?
“เสียวหยู่เชี้ยน ฉันจะบอกเธอให้ชัดนะ ฉินเฉิงได้รับการคุ้มครองจากฉันอยู่” เจ้าสำนักก็พูดขึ้นมาอย่างเฉยชา “การที่ตระกูลซูต้องการทำอะไรกับเค้า นั่นก็ต้องถามก่อนว่าฉันยอมหรือไม่”
เสียวหยู่เชี้ยนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา: “เธอเหรอ? ก็แค่พึ่งพาตำหนักเทพโอสถของพวกแกอะนะ?”
“อืม พึ่งพาตำหนักเทพโอสถของฉัน” เจ้าสำนักก็พูดขึ้นมาอย่างเฉยชา “ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องระหว่างฉินเฉิงกับซูหยู่ แต่การที่ตระกูลซูส่งคนออกมาก่อเรื่องแบบนี้ มันไม่สมเหตุสมผลซะเท่าไหร่”
“เธอมันก็แค่ขอบเขตระดับขั้นของจอมยุทธ์เท่านั้น เธอคิดว่าไม่มีใครสู้เธอได้อย่างงั้นเหรอ?” เสียวหยู่เชี้ยนก็ด่าทอขึ้นมา “เมื่อใดก็ตามที่ตระกูลซูของฉันสามารถหาจอมยุทธ์ได้มากกว่าสิบคนแล้ว แม้แต่ตำหนักเทพโอสถของแกมันก็จะไม่สามารถต้านทานอะไรได้!”
เจ้าสำนักก็ลุกขึ้นมา เธอมองไปที่เสียวหยู่เชี้ยนแล้วพูดว่า: “อย่างงั้นก็ลองดูสิ”
“เอาสิ!” น้ำเสียงของเสียวหยู่เชี้ยนก็เย็นชาลง “เธอพูดของเธอเองนะ!”
“ใช่ ฉันพูด” เจ้าสำนักไม่กลัวอะไรเสียวหยู่เชี้ยนเลย ทุกคำพูดของเธอมันล้วนแล้วแต่เป็นการข่มขู่เสียวหยู่เชี้ยน
เสียวหยู่เชี้ยนกัดฟันของเธอแล้วพูดว่า: “นัง*** ถ้าฉันไม่ได้สับแกให้เป็นชิ้นๆ ก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าเสียวหยู่เชี้ยน!”
“หืม?” เมื่อได้ยินแบบนี้ เจ้าสำนักก็หันมามองในทันที
เธอยกฝ่ามือที่เรียวของเธอขึ้นไปในอากาศแล้วตบเข้าไปที่ใบหน้าของเสียวหยู่เชี้ยนจนเป็นรอยแดง!
“โอ้ย!” เสียวหยู่เชี้ยนกรีดร้องออกมา เธอเอามือปิดหน้าแล้วพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า: “แก…แกกล้าตบฉันเหรอ?”
“ถ้าเธอยังหยาบคายอีก ต่อให้ฆ่าแก ฉันก็กล้า” เจ้าสำนักก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “อยากจะลองดูไหมหละ?”
เสียวหยู่เชี้ยนอ้าปากค้าง เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวขึ้นมา
นี่มันเป็นครั้งแรกที่เธอแสดงท่าทีตกใจต่อหน้าคนแปลกหน้า!
“ระวังตำหนักเทพโอสถเอาไว้ให้ดี” ก่อนจากไป เจ้าสำนักก็พูดทิ้งท้ายไว้
หลังจากนั้น เธอก็ก้าวเดินออกมาไปสโมสร
สีหน้าของเสียวหยู่เชี้ยนก็ดูไม่ได้เลย มันทำลายทุกอยากที่เธอสร้างภาพไว้ต่อคนที่อยู่ตรงหน้าของเธอ!
“ฉันโดนด่าแบบนี้ได้ยังไงกัน!!” เสียวหยู่เชี้ยนก็ตะโกนกรีดร้องออกมา
พ่อบ้านนั่งนิ่งแล้วอ้าปากค้าง
“แกมัวทำบ้าอะไรของแกอยู่? มัวนั่งนิ่งให้มันมาตบฉันแบบนี้ได้ยังไงกัน!” เสียวหยู่เชี้ยนก็กัดฟันพูดขึ้นมา
พ่อบ้านยิ้มอย่างขมขื่น: “คุณผู้หญิง ร่ายกายของผมมันขยับอะไรไม่ได้เลย…”
เสียวหยู่เชี้ยนจ้องมองไปที่พ่อบ้านด้วยความโกรธ เธอกัดฟันแล้วพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า: “ความโกรธแค้นนี้ ฉัน เสียวหยู่เชี้ยนจะจำไว้”
ในตอนนี้เอง เจ้าของสโมสรก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน
เค้าคุกเข่าลงต่อหน้าของเสียวหยู่เชี้ยนพร้อมกับเสียงดัง “พัฟ” แล้วพูดขึ้นมาอย่างอ้อนวอนว่า: “คุณผู้หญิงครับ เมื่อกี้เจ้าสำนักตำหนักเทพโอสถเห็นผมแล้ว คุณต้องช่วยผมนะครับ…”
เสียวหยู่เชี้ยนเหลือบมองเค้า เธอพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า: “จัดการเอง!”
“คุณผู้หญิง คุณจะทำแบบนี้ได้ยังไงกันครับ!” เจ้าของสโมสรก็ดูท่าจะตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที
การถูกเพ่งเล็กโดนเจ้าสำนักตำหนักเทพโอสถ มันก็ร้ายแรงมากกว่าการถูกเสือขย้ำเสียอีก!
แต่เสียวหยู่เชี้ยนก็กำลังโกรธจัด เธอจะไปสนใจเค้าได้ยังไงกัน
…
ที่ประตูทางเข้าของตำหนักเทพโอสถ
ถังหยิงก็กำลังพาคนๆหนึ่งเข้าไปที่ตำหนักเทพโอสถ
“นายแน่ใจใช่ไหมว่าเจ้าสำนักไม่อยู่แล้ว?” เซี่ยฝูซานก็ถามขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เย็นชา
ถังหยิงพยักหน้าแล้วพูดว่า: “ไม่ต้องห่วง ฉันเห็นว่าเจ้าสำนักเดินออกไปด้วยตาของฉันเอง! ตอนนี้มันก็เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะฆ่าฉินเฉิง!”
เซี่ยฝูซานก็สูดหายใจเข้าลึกๆ เค้าพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูคุกคามเล็กน้อยว่า: “ไอ่เวร ฉันเตือนเลยนะ แกกล้ามาหลอกฉัน แกได้ตายแน่!”
“ผมจะไปโกหกคุณเซี่ยทำไมกัน” ถังหยิงพูดพร้อมกับรอยยิ้ม
หลังจากเดินไปที่ประตูตำหนักเทพโอสถแล้ว ถังหยิงก็พูดว่า: “คุณรออยู่ที่นี่ก่อนซักสิบนาที ผมเข้าไปดูต้นทางก่อน”
เซี่ยฝูซานพยักหน้า จากนั้นถังหยิงก็รีบวิ่งเข้าไปในตำหนักเทพโอสถอย่างเร็ว
เค้ามาถึงที่พักของฉินเฉิง จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาแล้วตบลงไปที่ประตู
ในตอนนี้เอง ฉินเฉิงก็กำลังง่วงนอน เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เค้าก็ขมวดคิ้วขึ้นมาแล้วถามว่า: “ใคร?”
“ฉันเอง ถังหยิง” ถังหยิงพูดตามความจริง “ฉันมาหานายเพราะมีเรื่องบางอย่าง”
ฉินเฉิงพูดอย่างไม่ใส่ใจ “พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
ถังหยิงเยาะเย้ยขึ้นมาแล้วพูดว่า: “ทางที่ดีนายก็ออกมาดีกว่า ไม่อย่างงั้นอย่ามาโทษที่ฉันต้องเสียมารยาทด้วยนะ!”
“เสียมารยาท?” ฉินเฉิงก็ขมวดคิ้วขึ้นมา เค้าลุกขึ้นจากเตียงแล้วพูดว่า: “นายเคยมีมารยาทกับฉันด้วยเหรอ?”
หลังจากที่พูดจบ ฉินเฉิงก็เปิดประตูแล้วเดินออกมา
ถังหยิงชี้ไปที่หน้าของฉินเฉิงแล้วด่าว่า “ถ้าแกแน่จริงอย่างงั้นก็ออกมากับฉัน”
“ทำไมฉันจะต้องไปกับนายด้วย” ฉินเฉิงพูดด้วยแววตาที่เฉยเมย “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็อย่ามาหาเรื่อง ไม่อย่างงั้นฉันจะลากแกไปห้องน้ำแล้วเอาขี้ยัดปากแกซะ”
สีหน้าของถังหยิงเปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึม เค้ากัดฟันแล้วพูดว่า: “รอ***ได้เลย! อีกเดี๋ยวมันจะมีคนมาฆ่าแกอย่างแน่นอน!”
ตอนแรกถังหยิงแอบชี้ทางให้เซี่ยฝูซานแล้ว แต่เซี่ยฝูซานกลับไม่ทำตามแผนการของเค้าเลย
ความแค้นที่หลานถูกฆ่า มันก็ทำให้เซี่ยฝูซานหน้ามืดตามัว
เค้าเดินเข้าไปในตำหนักเทพโอสถ เค้าตามหาตัวฉินเฉิงไปทั่ว
“การบุกรุกเข้ามาในตำหนักเทพโอสถในเวลากลางคืน คุณเซี่ย คุณเองก็รู้เรื่องนี้ดี” ผู้อาวุโสใหญ่ก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
เซี่ยฝูซานก็เหลือบมองแล้วพูดว่า: “เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว บอกมาซะว่าฉินเฉิงอยู่ไหน ไม่อย่างงั้นฉันจะฆ่าแกซะ!”
สีหน้าของผู้อาวุโสก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก เค้าขมวดคิ้วขึ้นมาแล้วพูดว่า: “คุณเซี่ย คุณต้องการที่จะเป็นศัตรูกับตำหนักเทพโอสถอย่างงั้นเหรอ?”
“ถ้ามันสามารถที่จะล้างแค้นให้หลานชายของฉันได้ ต่อให้ตาย ฉันก็ยอม!” เซี่ยฝูซานตะโกนขึ้นมาอย่างโกรธเคือง “เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว ส่งตัวมันมาให้ฉันซะ!”
ด้วยเสียงตะโกนนี้เอง มันก็ดังสนั่นไปทั่วทั้งตำหนักเทพโอสถในทันที
เมื่อฉินเฉิงได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ สีหน้าของเค้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“เซี่ยฝูซาน?” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาเบาๆ เค้าไม่คิดอะไรมากแล้วรีบตรงไปที่ลานกลางแจ้งของตำหนักเทพโอสถในทันที
แน่นอนว่าในตอนนี้เซี่ยฝูซานก็กำลังเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสหลายคน เค้าพร้อมที่จะลงมือได้ทุกเมื่อ
“เซี่ยฝูซาน แกบ้าไปแล้วเหรอ?” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เย็นชา “นายกล้าบุกเข้ามาที่ตำหนักเทพโอสถอย่างเปิดเผยเลยเหรอ?”
“ไอ่*** ในที่สุดแกก็ออกมาได้ซะที” ทันใดนั้นเอง เจตนาฆ่าของเค้าก็พลุ่งพล่านขึ้นมาในทันที
เค้าเดินตรงเข้าไปหาฉินเฉิงพร้อมกับเจตนาฆ่า จากนั้นก็พูดเยาะเย้ยขึ้นมาว่า: “เจ้าสำนักตำหนักเทพโอสถไม่อยู่ที่นี่แล้ว ฉันเองก็อยากจะรู้ว่ามันจะมีใครอีกไหมที่จะมาช่วยแกได้!”
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว ฉินเฉิงก็เหลือบมองไปที่ถังหยิงโดยไม่รู้ตัว
“แกก่อเรื่องนี้เหรอ?” ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมา
ถังหยิงก็พูดขึ้นมาว่า: “อย่ามาใส่ร้ายฉันนะ มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉันซะหน่อย”
ฉินเฉิงไม่มีเวลามาต่อปากต่อคำ เค้ามองไปที่ผู้อาวุโสแล้วพูดว่า: “ผู้อาวุโสทุกท่าน ถอยออกมาก่อน เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกคุณ ไอ่***นี่มันต้องการฆ่าผม”
“ไอ่*** ฉันจะฆ่าแกซะ!” เซี่ยฝูซานก็อดไม่ไหวแล้ว หลังจากที่เค้าตะโกนออกมา เค้าก็ตวัดกรงเล็บด้วยมือทั้งสองแล้วพุ่งเข้าหาฉินเฉิงพร้อมกับแรงลม!
“ตูม!”
ในตอนนี้เอง ตรงหน้าของฉินเฉิงก็ดูเหมือนจะมีกำแพงพิเศษบางอย่างปรากฏขึ้นมา มันปิดกั้นร่างของฉินเฉิงเอาไว้
“บุกเข้ามาในตำหนักเทพโอสถ เซี่ยฝูซาน ใครกันที่ทำให้นายกล้าทำเรื่องแบบนี้?” น้ำเสียงที่เย็นชาของเจ้าสำนักก็ดังขึ้นมาจากที่ด้านหลัง