ชางโจวมองไปที่เจ้าสำนักตำหนักเทพโอสถ จากนั้นสีหน้าของเค้าก็เย็นชาลงแล้วรีบเดินเข้าไปในทันที
“หยุด” ชางโจวเดินเข้ามาขวางเข้าสำนักไว้
เจ้าสำนักขมวดคิ้วขึ้นมาแล้วถามว่า: “ทำไม มีเรื่องอะไร?”
ชางโจวพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า: “ไม่มีบัตรเชิญ ต่อให้เธอเป็นเจ้าสำนักตำหนักเทพโอสถก็ตาม เธอก็เข้ามาไม่ได้”
“บัตรเชิญ?” เจ้าสำนักก็ส่งเสียงหึขึ้นมาเบาๆและด้วยการสะบัดมือของเธอนี้เอง บัตรเชิญก็ตกลงมาบนฝ่ามือของเธอ
“ใครบอกว่าฉันไม่มีกัน?” เจ้าสำนักยื่นบัตรเชิญให้กับชางโจว
ชางโจวรับบัตรเชิญมาแล้วมองดูมันอย่างระมัดระวัง จากนั้นเค้าก็ขมวดคิ้วขึ้นมา: “มันเป็นไปได้ยังไงกัน การแจกจ่ายบัตรเชิญครั้งนี้ฉันเป็นคนจัดการเอง ทำไมฉันไม่รู้เลยว่ามีการส่งบัตรเชิญไปที่ตำหนักเทพโอสถด้วย? ”
“นั่นมันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน ยังไงซะ ฉันก็มีบัตรเชิญ” หลังจากพูดจบ เจ้าสำนักก็เดินเข้าไปในสถานที่จัดการประลอง
ส่วนชางโจวก็เข้ามาขวางเจ้าสำนักอีกครั้ง เค้าพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า: “ฉันสงสัยว่าบัตรเชิญนี่มันจะเป็นของปลอม เชิญคุณออกไปจากที่นี่ซะ”
“นายกำลังสงสัยว่ามันเป็นของปลอมอย่างงั้นเหรอ?” สีหน้าของเจ้าสำนักก็ค่อยๆเย็นชาลง “จะบอกว่าฉันขโมยมันมาอย่างงั้นเหรอ?”
“จะมาได้ยังไง มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย สรุปง่ายๆ ฉันคิดว่ามันเป็นของปลอม อย่างงั้นก็เชิญออกไปซะ” ชางโจวพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
หลังจากพูดจบ คนทั้งแปดคนในสถานที่ก็ค่อยๆก้าวเข้ามาและบรรยากาศที่น่าสยดสยองก็แพร่ไปทั่วทั้งสถานที่ในทันที
“ผู้พิทักษ์อาวุโสทั้งแปดแห่งสมาคมศิลปะการต่อสู้เมืองจิงตู?” เจ้าสำนักหรี่ตา “เท่าที่ฉันรู้ นอกจากการทำผิดกฎสำคัญที่มีโทษหนักของสมาคมศิลปะการต่อสู้แล้ว มันก็ไม่ง่ายเลยที่ผู้พิทักษ์อาวุโสจะมาลงมือด้วยตัวเอง การนัดประลองของเด็กสองคนนี้ ผู้พิทักษ์ต้องมาที่นี่ด้วยตัวเองเลยอย่างงั้นเหรอ?”
ชางโจวพูดขึ้นมาอย่างเฉยชาว่า : “ฉันคิดว่านี่เป็นปัญหาใหญ่ ฉันก็เลยเชิญผู้พิทักษ์อาวุโสทั้งแปดมาที่นี่ด้วย”
“คิดอย่างงั้นเหรอ?” สีหน้าของเจ้าสำนักก็เย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ “ทำไม นายคิดว่าคนของตำหนักเทพโอสถของฉันจะสู้ไม่ได้อย่างงั้นเหรอ?”
ทันทีที่พูดจบ พลังที่น่าสะพรึงกลัวมันก็ปะทุออกมาทั่วทั้งสถานที่จัดงานในทันที!
พลังนี้มันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพลังของผู้อาวุโสทั้งแปดเลย!
สีหน้าของชางโจวก็เปลี่ยนไปในทันที จากนั้นเค้าก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “ทำไม เธอคิดที่จะยั่วยุสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูอย่างเปิดเผยอย่างงั้นเหรอ!”
เจ้าสำนักก็หรี่ตาแล้วพูดว่า: “ตอนนี้นายกำลังสร้างปัญหาโดยไม่มีเหตุผล ต่อให้ปัญหาจะไปถึงประธาน ยังไงฉันก็จะพูด”
“ชางโจว แกทำอะไรหนะ!”
ในตอนนี้เอง ผู้อำนวยการอีกคนที่อยู่ไม่ไกลก็รีบวิ่งเข้ามา
ผู้อำนวยการคนนี้ชื่อเชาหลุน เค้าเป็นคนที่เป็นมือขวาของประธาน แม้ว่าเค้าจะอยู่ในระดับเดียวกับชางโจว แต่สถานะของเค้าก็ถือได้ว่าอยู่สูงกว่าชางโจวเล็กน้อย
“ชางโจว แกกำลังทำอะไร?” เชาหลุนขมวดคิ้วขึ้นมา
ชางโจวเหลือบมองเค้าแล้วพูดขึ้นมาอย่างเฉยชาว่า: “ฉันกำลังปฏิบัติตามข้อบังคับ บัตรเชิญที่เธอมีมันเป็นของปลอม เธอควรถูกไล่ออกไปจากสถานที่แห่งนี้”
“พูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน” เชาหลุนโบกมือขึ้นมา “ฉันส่งบัตรเชิญนี้ไปเอง มันคือความต้องการของท่านประธาน”
สีหน้าของชางโจวเปลี่ยนไป เค้าพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชาว่า: “เป็นไปได้ยังไงกัน? ทำไมท่านประธานถึงสนใจเรื่องแบบนี้ด้วย?”
“ถ้านายไม่เชื่อ ก็ไปถามประธานดูเองสิ” เชาหลุนโบกมือขึ้นมา “หรือจะให้ฉันโทรหาท่านประธานเลยไหม?”
ชางโจวถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นเค้าก็เดินจากไป
“เดี๋ยวก่อน”
ในตอนนี้เอง เจ้าสำนักก็ตะโกนเรียกชางโจวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ทำไม เธอยังไม่เรื่องอะไรอีก?” ชางโจวมองไปเจ้าสำนักอย่างเย็นชา
“นายใส่ร้ายฉันแล้วก็จะไปง่ายๆแบบนี้เหรอ?” เจ้าสำนักก็หรี่ตาลง ความเยือกเย็นมันก็ประทุออกมาจากร่างกายของเธอ
ชางโจวขมวดคิ้วแล้วพูดว่า: “เธอจะให้ฉันทำยังไง?”
“ขอโทษ” เจ้าสำนักก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
ทันใดนั้นเอง ชางโจวก็พูดอย่างโมโหว่า: “ขอโทษเหรอ? ฝันไปเถอะ! ฉันชางโจว ชีวิตนี้ฉันไม่เคยต้องขอโทษใคร!”
“นั่นเป็นเพราะนายยังไม่เคยต้องมาเจอฉันไง” พลังของเจ้าสำนักก็รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
“คุณเซี่ย ช่างมันเถอะ” เชาหลุนที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม เจ้าสำนักไม่สนใจเลย เธอเหยียบเท้าของเธอเบาๆแล้วพลังที่น่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดออกมาในทันที มันเป็นหนึ่งในช็อตที่ยอดเยี่ยมมาก
สีหน้าของชางโจวก็ดูไม่ได้เลย ถ้าเค้าลงมือที่นี่ ประธานจะไม่มีวันปล่อยเค้าไปอย่างแน่นอน
แต่เจ้าสำนักก็ไม่กลัวอะไรเลย ท่าทีที่ไม่ลดละของเธอทำให้ชางโจวเองก็ต้องยอมเธอ
“ฉัน… ฉันขอโทษ!” ชางโจวพูดพร้อมกับก้มหน้าลงแล้วกัดฟันจนแน่น
เจ้าสำนักก็ถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นพลังในร่างของเธอมันก็ค่อยๆหายไป
เธอเลิกสนใจชางโจวแล้วเดินจากไปด้วยท่าทีที่เฉยเมย
ชางโจวก้มหน้าลงด้วยความโกรธ ใบหน้าของเค้ามันเต็มไปด้วยความโกรธที่ไม่อาจหาที่เปรียบได้เลย
“มันเป็นก็แค่เจ้าสำนักตำหนักเทพโอสถ มันกล้ามากที่มายั่วยุฉันแบบนี้!” ชางโจวกัดฟัน เค้าอยากที่จะฆ่าเจ้าสำนักทิ้งซะ
“เอาหละ” เชาหลุนขมวดคิ้วขึ้นมา “คนที่มาดูการต่อสู้วันนี้ล้วนแต่มีหน้ามีตาในสังคม อยากให้สมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งเมืองจิงตูเสียหน้าหรือยังไงกัน?”
ชางโจวสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพยายามระงับความโกรธของตัวเอง
หลายคนที่อยู่ไม่ไกลออกไปก็จองมองดูฉากนี้ด้วยความสนใจ
“ว่ากันว่าเจ้าสำนักตำหนักเทพโอสถแข็งแกร่งมาก วันนี้ฉันมาเห็นด้วยตาของเธอเอง สมแล้วจริงๆ” จงเผิงยิ้มจางๆขึ้นมา
“เมื่อพูดถึงเจ้าสำนักตำหนักเทพโอสถ พลังที่ระเบิดออกมาเมื่อกี้ อย่างน้อยเธอก็ต้องมีความแข็งแกร่งระดับขั้นของจอมยุทธ์ขั้นสุดยอดหรือไม่ก็จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่” เถิงอาวพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง
“ตำหนักเทพโอสถก็มีอยู่มานานมากแล้ว พวกเค้าก็น่าจะมีพลังที่ไม่อาจจะประเมินได้เลย” ฮั่นจิ่วเถียนหัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่เช่นนั้น ตำหนักเทพโอสถก็น่าจะถูกกวาดล้างไปตั้งนานแล้ว”
ในลานโล่ง เจ้าสำนักก็เดินเข้าไปตรงหน้าหญิงชุดดำ
“อย่าทำหน้าดุสิ” เจ้าสำนักก็ยื่นหน้าเข้าไปที่ข้างหูของซูวานแล้วกระซิบขึ้นมา
ซูวานเหลือบมองเจ้าสำนัก สีหน้าของเธอดูเย็นชาแล้วเธอก็พูดขึ้นมาว่า: “ถ้าเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าใครก็ห้ามไม่ให้ฉันลงมือไม่ได้”
เจ้าสำนักเงียบไปซักพัก เธอสัมผัสได้ถึงพลังในร่างกายของซูวาน เธอถอนหายใจแล้วพูดว่า: “ดูเหมือนว่าสายเลือดของตระกูลซูจะอยู่ที่เธอจริงๆด้วย”
สีหน้าของซูวานก็เปลี่ยนไปในทันที ทันใดนั้นเอง เธอก็หันไปมองเจ้าสำนักแล้วพูดว่า: “เธอ…ทั้งหมดนี่เธอรู้ได้ยังไงกัน?”
เจ้าสำนักก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย : “ถ้าฉันเดาไม่ผิด ‘สิ่งของ’ ที่ตระกูลซูกำลังดิ้นรนเพื่อค้นหามัน มันก็ไม่ใช่สิ่งของแต่เป็นคน”
“คนๆนั้นก็คือเธอ” เจ้าสำนักมองตรงไปที่ซูวาน ในแววตาของเธอมันก็เต็มไปด้วยกลิ่นไอบางสิ่งที่ไม่อาจจะอธิบายได้เลย
ซูวานเงียบไป
เธอคิดว่ามีเพียงแค่คุณปู่ซูเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าด้วยการมองเพียงแค่ชั่วพริบตา เจ้าสำนักจะสามารถเดาทุกอย่างได้อย่างถูกต้อง
“การตื่นขึ้นมาของสายเลือดนี่ มันก็ประเมินค่าไม่ได้เลยจริงๆ” เจ้าสำนักก็ถอนหายใจออกมา “ตอนนี้แค่เธอคนเดียวก็เพียงพอที่จะจัดการกับทุกคนบนโลกในนี้แล้ว”
ซูวานไม่พูดอะไร เธอยอมรับมัน
ถ้าเธอต้องการที่จะลงมือจริงๆ ไม่ว่าใครก็ตามเธอไม่กลัวมันเลย
“แน่นอน เธอไม่ควรมองข้ามฉินเฉิง” ในตอนนี้เอง ท่าทีของเจ้าสำนักก็เปลี่ยนไปในทันที
“เพื่อทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเธอ เค้าพยายามมากที่จะฝึกฝนมัน” เจ้าสำนักก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “เชื่อมั่นในตัวเค้าเถอะ เค้าไม่ได้ด้อยไปกว่าใครในโลกนี้เลย”
“ฉันเชื่อมั่นในตัวเค้า เชื่อมั่นในทุกคำพูดของเค้ามาโดยตลอด” เมื่อพูดถึงฉินเฉิง สีหน้าที่เย็นชาของซูวานก็แสดงความอบอุ่นออกมาในทันที