ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงดังขึ้นด้านนอกห้องพักผู้ป่วย หลังจากนั้น ก็มีคนเปิดประตูเข้ามา หร่วนซือซือและเย่หว่านเอ๋อต่างก็หันมองตามเสียงที่ดังขึ้น
อวี้อี่มั่วยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าเคร่งขรึม วินาทีที่มองหร่วนซือซือสีหน้าเขาเย็นชาขึ้นมาก
เขาเดินเข้ามาพร้อมกับมองหน้าหร่วนซือซือนิ่งๆและถามเธออย่างเย็นชาว่า ” เธอมาทำอะไรที่นี่?”
หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ เธอกำลังจะพูดแต่ยังไม่ทันได้พูดออกมา เย่หว่านเอ๋อที่อยู่ข้างๆก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน ” ซือซือเธอมาเยี่ยมฉันค่ะ พี่มั่ว ทำไมพี่มากะทันหันแบบนี้ล่ะคะ?”
” พี่มาเยี่ยมเธอไง”
อวี้อี่มั่วพูดพร้อมกับเดินเข้าไปที่เตียง เขาเข้าไปปรับตำแหน่งหมอนด้านหลังของเย่หว่านเอ๋อเพื่อให้เธอนั่งได้สบายมากขึ้น ” วันนี้รู้สึกดีขึ้นบ้างรึยัง?”
น้ำเสียงและการกระทำที่เขามีต่อเย่หว่านเอ๋อทั้งอบอุ่นและอ่อนโยนมากๆ
หร่วนซือซือที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินขึ้นมากะทันหันจนเธอเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง
มันดูออกว่าอวี้อี่มั่วรักเย่หว่านเอ๋อมากจริงๆ
เธอหัวเราะพร้อมกับยืนขึ้นและพูดกับเย่หว่านเอ๋อว่า ” หว่านเอ๋อ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวนะ ไม่อยู่รบกวนคุณดีกว่าค่ะ ”
เย่หว่านเอ๋อได้ยินแบบนั้น ก็ยิ้มและพยักหน้าให้เธอ ” ได้ อย่าลืมมาเยี่ยมฉันอีกนะ ”
หร่วนซือซือฝืนยิ้มให้เธอ และหันหลังเดินออกไป
หลังจากออกจากห้องพักผู้ป่วย ในระหว่างที่อยู่ในลิฟต์เธอจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย หัวใจเธอปวดร้าวและรู้สึกเศร้ามาก
เธอควรรู้ตัวมาตั้งนานแล้วสิ เธอควรรู้ตัวว่าเธออยู่ในสถานะอะไร ความสำคัญระหว่างเธอกับเย่หว่านเอ๋อในใจอวี้อี่มั่วนั้นมันไม่อาจเปรียบเทียบกันได้อยู่แล้ว
เธอเดินผ่านสวนดอกไม้ของโรงพยาบาลและกำลังเตรียมจะเดินออกจากโรงพยาบาล แต่ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ และหยิบออกมาดู พอเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ ” อวี้อี่มั่ว ” เธอก็จุกที่อก และรู้สึกลังเลเล็กน้อย
หลังจากนั้น เธอกัดฟันกดปุ่มปฏิเสธการรับสาย
แต่คิดไม่ถึงว่า หลังจากตัดสายไปแล้ว โทรศัพท์ก็สั่นขึ้นอีกครั้ง ยังคงเป็นอวี้อี่มั่วที่โทรมาเหมือนเดิม
หร่วนซือซือเริ่มรู้สึกโมโห เธอกัดฟันและกดปุ่มรับสาย ” ฮัลโหล คุณต้องการจะทำอะไรกันแน่?”
ปลายสายเงียบยู่สักพัก จากนั้นก็มีเสียงเย็นชาของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น ” ฉันทำอะไรงั้นหรอ? เรื่องระหว่างเธอกับเจียงฮ้วนเฉินมันเป็นมายังไงกันแน่?”
เจียงฮ้วนเฉิน?
หร่วนซือซือชะงักไป ความโมโหของเธอลดลงเกือบครึ่ง ” ฉันกับเจียงฮ้วนเฉินทำไมงั้นหรอ?”
น้ำเสียงของชายหนุ่มแฝงไปด้วยความโกรธ ” เป็นมายังไงเธอเองไม่รู้ตัวงั้นหรอ? ปาปารัสซี่เอารูปถ่ายพวกนั้นมาแบล็กเมล์ฉัน เธอไม่รู้งั้นหรอ?”
หร่วนซือซืออ้าปากค้าง——ด้วยความมึนงง เธอยังไม่ทันได้ตอบ ปลายสายก็พูดขึ้น ” เธออยู่ไหน? ฉันจะไปหาเราคุยกันต่อหน้าจะดีกว่า ”
หร่วนซือซือลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะมองไปรอบๆและพูดขึ้นว่า ” ฉันอยู่ตรงสวนดอกไม้ทางด้านหลงแผนกห้องพักผู้ป่วย ที่นั่นมีรูปปั้นแกะสลักอยู่ ”
เธอพึ่งพูดจบ ชั่วครู่ปลายสายก็วางสายไป
ไม่ถึงห้านาที อวี้อี่มั่วก็มาถึงสวนดอกไม้อย่างรวดเร็ว เขาก็เห็นหญิงสาวนั่งอยู่ที่เก้าอี้ยาวๆตัวหนึ่งข้างๆรูปปั้นแกะสลัก เขารีบเดินเข้าไป พอนึกถึงรูปถ่ายพวกนั้น ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
หร่วนซือซือเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าอวี้อี่มั่วเดินมา เธอก็รีบลุกขึ้น เธอยังไม่ทันได้พูดอะไร อวี้อี่มั่วก็ยื่นซองจดหมายให้เธอ
เธอลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะรับมันมา
พอเปิดซองออก ข้างในเป็นรูปถ่ายปึกหนา ล้วนแต่เป็นรูปของเธอและเจียงฮ้วนเฉินที่ถูกแอบถ่าย มีทั้งรูปที่เจียงฮ้วนเฉินจูงมือเธอขึ้นรถในสถานที่ถ่ายละคร และยังมีรูปที่เธอขึ้นรถของเจียงฮ้วนเฉินที่สนามแข่งรถอีกด้วย อีกทั้งยังมีรูปหลังเลิกกองถ่ายละครและเขาส่งเธอกลับบ้านในยามดึก……
ถ้าเธอไม่ได้เป็นเจ้าของเรื่อง ดูแค่รูปถ่ายพวกนี้เธอเองก็คงจะเข้าใจผิดเหมือนกัน
หร่วนซือซือจับรูปถ่ายในมือแน่นขึ้น สีหน้าเธอซีดมาก เธอเงยหน้ามองอวี้อี่มั่วพร้อมกับถามขึ้นว่า ” รูปพวกนี้มาจากไหน?”
เมื่อเห็นสีหน้าเธอแบบนี้ แววตาของอวี้อี่มั่วก็แฝงไปด้วยความเย้ยหยัน ” ซื้อมาจากพวกปาปารัสซี่ ”
หร่วนซือซือกัดฟันตัวเอง ทันใดนั้นเธอก็นึกได้ ครั้งที่แล้วที่เธอกับเจียงฮ้วนเฉินอยู่ที่สถานที่ถ่ายละคร ตอนนั้นเธอเห็นมีปาปารัสซี่ที่แอบถ่ายอยู่จริงๆ พวกเขาสะกดตามรอยเขามาตลอด เขาจ้องมองเจียงฮ้วนเฉินโดยมีจุดประสงค์ก็คือทำลายชื่อเสียงของเจียงฮ้วนเฉิน!
แต่ระหว่างเธอและเจียงฮ้วนเฉินนั้น บริสุทธิ์ใจมาด ไม่ได้มีความสัมพันธ์อย่างว่ากันเลย
หร่วนซือซือถอนหายใจ และมองไปที่อวี้อี่มั่วพร้อมกับพูดอธิบายว่า ” ฉันกับเขาเราไม่ได้มีอะไรจริงๆ ตอนนี้ฉันก็แค่โน้มน้าวเขาเรื่องการรับเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับ redeur ก็เท่านั้นเอง พอทุกครั้งที่เขาเรียกหาฉัน ฉันเลยต้องไป ”
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วและถามอย่างเย็นชาว่า ” พูดแบบนี้ แสดงว่าเจียงฮ้วนเฉินเป็นคนเข้าหาเธอมาโดยตลอดงั้นสิ? ”
หร่วนซือซือส่ายหน้า และรีบปฏิเสธว่า ” ไม่ใช่! ฉันกับเขาเราทั้งคู่บริสุทธิ์ใจจริงๆ! ”
พอเห็นว่าหญิงสาวไม่ยอมรับ ความโกรธในใจอวี้อี่มั่วก็มากขึ้นเรื่อยๆ เขาเดินเข้าไปใกล้เธอเพื่อกดดันเธอ
หร่วนซือซือเองก็ถอยหลังตาม จนกระทั่งหลังชนกับรูปปั้นนั้นแล้ว และไม่มีทางถอยได้แล้ว
อวี้อี่มั่วกระพริบตาเบาๆ แววตาของเขาแฝงไปด้วยความโกรธและความเย้ยหยัน ” หร่อนซือซือ ทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธอมีเสน่ห์มากขนาดนี้? เฉินจื่อเซียวคอยยืนยันความบริสุทธิ์ให้เธอ ซ่งเย้อันก็เอาแต่หมุนอยู่รอบตัวเธอ และตอนนี้แม้แต่ดารายอดนิยมนั้นยังสนใจในตัวเธอ……”
เขาชะงักไป และพูดขึ้นอย่างเย็นชา ” หร่วนซือซือ เธอนี่มันสุดยอดจริงๆเลย! ”
เมื่อคิดถึงพวกผู้ชายรอบตัวเธอพวกนั้น ในใจเขาก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทุกที เขาแทบจะอยากเอาผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ซ่อนเอาไว้เป็นอย่างดีโดยไม่ให้ใครมาเจออีก!
เมื่อได้ยินคำพูดพวกนั้นของเขา หร่วนซือซือก็สูดหายใจเข้าลึกๆ เธอมีความรู้สึกเหมือนโดนถูกดู เธอเงียบไปสักพัก จากนั้นก็จ้องจาชายหนุ่ม ” อวี้อี่มั่ว ตอนแรกเป็นตัวคุณเองนะที่ให้ฉันไปเจรจาเรื่องการเป็นพรีเซนเตอร์ redeur ทำไม ตอนนี้เสียใจงั้นหรอ?
” เสียใจ? ” อวี้อี่มั่วกระพริบตา ” คนอย่างอวี้อี่มั่วไม่เคยรู้จักคำว่าเสียใจ ”
หร่วนซือซือรวบรวมความกล้าจากนั้นก็ผลักเขาออก เธอถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อเว้นระยะห่างของทั้งสอง สายตาเธอจ้องไปที่เขา ” ไม่ว่าฉันจะใช้วิธีไหน ขอแค่ฉันเจรจาเรื่องการเป็นพรีเซนเตอร์สำเร็จก็พอแล้วใช่ไหม?”
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว ความโกรธในใจเขาแทบระเบิดออกมา เขาทำหน้าบึ้งตึงและไม่พูดอะไร
ตอนนี้ เขาไม่มีสิทธิ์จะเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวเธอแล้วจริงๆ
หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ ในที่สุดเธอก็รวบรวมความกล้าพูดขึ้นว่า ” ฉันจะเจราจาเรื่องการเป็นพรีเซนเตอร์ของ redeur ให้เร็วที่สุด แต่มีข้อแม้คุณต้องตอบตกลงกับข้อเรียกร้องของฉัน ”
อวี้อี่มั่วชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” ข้อเรียกร้องอะไร? ”
หร่วนซือซือจับชายเสื้อของตัวเอง และพูดช้าๆชัดๆว่า ” ฉันต้องการลาออก ”
ทันทีที่เธอพูดแบบนั้น บรรยากาศรอบๆก็เงียบสงบ สักพัก อวี้อี่มั่วก็พูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม ” เธอจริงจังหรอ?”
หร่วนซือซือพยักหน้าอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย ” ใช่ ฉันจริงจัง ”
” ได้ ” แววตาอวี้อี่มั่วลึกล้ำมาก ” ฉันให้เวลาเธอสามวัน ”
พอพูดจบเขาก็มองเธออย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินออกไปทันที
ในเมื่อเธอไม่อยากทำงานที่อวี้กรุ๊ปต่อ งั้นเขาก็จะมอบโอกาสนี้ให้เธอ หลังจาดสามวันต่อจากนี้ เขาไม่อยากเห็นข่าวที่เกี่ยวกับเธอและเจียงฮ้วนเฉินอีก
หร่วนซือซือยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มองดูชายหนุ่มที่กำลังเดินขาดไป เธอฝืนยิ้ม ในใจของเธอรู้สึกหวิวหวิวอย่างบอกไม่ถูก
เดิมทีเธอก็คิดว่าอวี้อี่มั่วจะถามถึงสาเหตุที่เธออยากลาออก แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะตอบตกลงง่ายๆแบบนี้
ดูเหมือนว่า ในใจของเขาเธอไม่มีความสำคัญใดๆเลย
แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ขอแค่เธอเจรจาเรื่องการเป็นพรีเซนเตอร์ของเจียงฮ้วนเฉินสำเร็จ เธอก็สามารถออกจากที่นี่ได้โดยไม่ต้องคิดมาก