เธอและอวี้อี่มั่วแต่งงานกันมาราวสองปี แต่สองปีมานี้ เขาไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวเธอเลย นี่คือปมในใจของเธอ และเป็นความอัปยศของเธอ
แต่เธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ทำไมถึงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายบนเตียงที่ว่างเปล่าแบบนี้ไปทั้งชีวิตล่ะ
เย่หว่านเอ๋อยิ่งนึกก็ยิ่งรู้สึกไม่สบอารมณ์ เธอกัดฟันแน่น ตัดสินใจ แล้วหันไปทางอวี่อี่มั่ว : “พี่มั่วคะ วันนี้พี่ดื่มเหล้าเหรอคะ?”
อวี้อี่มั่วที่หลับตาอยู่ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย : “อืม”
“งั้นฉันจะให้คนใช้ตุ๋นซุปแก้เมาค้างให้พี่นะคะ จะได้คลายความปวดหัวลงหน่อย”
เย่หว่านเอ๋อพูดจบ แต่ไม่เห็นอวี้อี่มั่วปฏิเสธ เธอจึงลุกขึ้นเดินออกจากห้องนอน เรียกคนรับใช้ที่ชื่อเสี่ยวเหอมา
“คุณผู้หญิง มีอะไรจะสั่งเหรอคะ?”
เสี่ยวเหออายุยังน้อย อายุเพิ่งจะยี่สิบต้นๆ เธอมาจากชนบท เพราะแม่ของเธอป่วยเธอจึงออกมาหางานที่เมืองเจียงโจว เป็นคนเงียบๆ แม้แต่พูดคุยก็ยังไม่กล้าพูดเสี่ยงดัง
เย่หว่านเอ๋อมองไปยังเธอ พูดด้วยน้ำเสียงต่ำว่า : “ตามฉันมา”
เสี่ยวเหอพยักหน้า เดินตามหลังเย่หว่านเอ๋อเข้าไปในครัว
เย่หว่านเอ๋อมองไปที่ประตู แล้วพูดขึ้นว่า : “คุณผู้ชายดื่มเหล้ามา เธอเตรียมซุปแก้เมาค้างให้หน่อย”
เสี่ยวเหอก้มหัวลงเล็กน้อย แล้วรีบตอบกลับไปว่า : “ค่ะ”
เย่หว่านเอ๋อที่ยืนอยู่ข้างๆหรี่ตาลง เดินไปยังลิ้นชักที่อยู่ข้างๆโต๊ะเครื่องครัว เปิดลิ้นชัก แล้วหยิบซองเล็กๆซองหนึ่งออกมา
เธอเดินไปข้างๆเสี่ยวเหอ แล้วส่งซองเล็กๆซองนั้นให้กับเสี่ยวเหอ พูดด้วยเสียงเบาว่า : “เดี๋ยวต้มซุปเสร็จแล้ว เอาของในซองนี้ใส่ลงไปในซุป”
เสี่ยวเหอผงะ มองไปยังซองเล็กๆซองนั้น ไม่กล้ายื่นมือไปรับ : “คุณผู้หญิง……”
เย่หว่านเอ๋อถลึงตาใส่เธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยมว่า : “ถ้าเธอไม่ทำ พรุ่งนี้ก็เก็บของแล้วไสหัวออกไป”
แล้วก็พูดต่อว่า : “เงินเดือนเดือนนี้ก็ไม่ต้องเอา”
เสี่ยวเหอกลัวจนตัวสั่น รีบยื่นมือไปรับซองนั้นมา พยักหน้าและพูดว่า : “ฉันทำค่ะ ฉันจะทำ”
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเสี่ยวเหอแล้ว เย่หว่านเอ๋อก็ยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “เรื่องนี้อย่าให้ใครรู้เป็นอันขาด ไม่งั้นฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่ เตรียมซุปเสร็จแล้ว รีบเอาไปเสิร์ฟที่ห้องนอนฉัน”
เห็นเสี่ยวเหอที่รีบพยักหน้าอย่างเร็ว เย่หว่านเอ๋อค่อยวางใจลงหน่อย เธอเดินออกจากห้องครัว กลับไปถึงห้องนอน รีบไปนวดให้อวี้อี่มั่วต่อ
นวดไปสักพักมือของเธอค่อยๆขยับลงไปที่หน้าอกของอวี้อี่มั่ว เธอลูบอบของเขาเบาๆอย่างมีเลศนัย
“พี่มั่ว เดือนหน้าก็เป็นวันเกิดของคุณยายแล้ว น้องคิดว่าครั้งนี้จะจัดงานให้ใหญ่หน่อย พี่คิดว่ายังไงคะ?”
อวี้อี่มั่วตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย : “เรื่องนี้ต้องปรึกษาคุณพ่อก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
เย่หว่านเอ๋อหัวเราะเบาๆ : “สมควรจะปรึกษาท่านก่อนจริงๆ งั้นสุดสัปดาห์นี้เรากลับไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ด้วยกันนะคะ หรือพี่ว่ายังไง?”
เธอพูดพลางขยับมือเลื่อนลงไปเรื่อยๆ จนไปถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องของเขา ในใจตื่นเต้นขึ้นมา
เธอคิดในใจเป็นร้อยครั้งพันครั้งว่าจะนอนกับเขา แต่ไม่เคยมีโอกาสเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้ ขอแค่เขาดื่มซุปถ้วยนั้น ความคิดมโนของเธอก็จะกลายเป็นจริงขึ้นมา!
เมื่อคิดแบบนี้แล้ว เย่หว่านเอ๋อก็มีความกล้ามากขึ้น เธอมือไม้เยอะขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ทันใดนั้น ก็มีมือใหญ่มาหยุดมือของเธอไว้ เขาจับข้อมือของเธออย่างแรง ราวกับว่าจะให้กระดูกนั้นแหลกละเอียด
เย่หว่านเอ๋ออุทานออกมาด้วยความเจ็บ : “โอ้ย! พี่เย่!”
อวี้อี่มั่วออกแรงดึง แรงดึงนั้นดึงจนทำให้เย่หว่านเอ๋ออ้อมมานั่งลงบนโซฟา
เย่หว่านเอ๋อเงยหน้าขึ้น มองลึกเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า เธอเปิดสงครามเย็นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง : “หว่านเอ๋อ ก่อนแต่งงานฉันพูดกับเธอชัดเจน หลังแต่งงานสัญญาทั้งสามใบของเรา ห้ามใครล้ำเส้นใคร!”
เย่หว่านเอ๋อน้ำตาคลอเบ้า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจ็บหรือเป็นเพราะตกใจ : “พี่มั่ว……แต่น้องเป็นภรรยาของพี่นะ!”
“เหรอ?” อวี้อี่มั่วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “คนที่พยายามจะแต่งงานกับฉันคือเธอเอง อีกอย่างที่ฉันเป็นแบบนี้เพราะอะไร เธอคงรู้ดี?”
เย่หว่านเอ๋อรู้สึกเย็นวาบไปทั้งใจ เธออ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก
วินาทีนี้ เธอรู้สึกเกลียดพี่ชายของตัวเองขึ้นมาเป็นร้อยเท่าพันเท่า
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเย่เจ๋ออวี่ อวี้อี่มั่วคงไม่มีทางรู้ว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องในการทำให้ข้อมูลบริษัทของเขารั่วไหล! เป็นเพราะเรื่องนี้เย่หว่านเอ๋อจึงไม่มีวันลบช่องว่างระหว่างเธอและเขาออกไปได้
“พี่มั่วคะ……น้องผิดไปแล้ว น้องผิดไปแล้วจริงๆ สองปีที่ผ่านมานี้ พี่จะเย็นชากับน้องแค่ไหน น้องก็ไม่เคยว่า แต่ถึงยังไงน้องก็เป็นภรรยาของพี่นะ เราจะอยู่กันแบบนี้ไปทั้งชีวิตไม่ได้……”
เขามองผู้หญิงที่ร้องไห้ไม่หยุดตรงหน้า ในใจของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา เขาไม่สามารถจะหยิบยื่นความสงสารหรือความเห็นใจแม้เพียงนิดเดียว
เขากลับยิ่งรู้สึกว่า เขาและเย่หว่านเอ๋อยิ่งอยู่ยิ่งไกลห่างกันออกไป ไม่สามารถที่จะกลับไปยังจุดเดิมได้อีกแล้ว
“พี่มั่ว น้องผิดไปแล้วจริงๆ เรื่องการรั่วไหลของบริษัท น้องทำมันไปเพราะน้องรักพี่มากจริงๆ……”
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเครียดขรึม : “ระหว่างเราสองคน มันไม่ใช่แค่เรื่องการรั่วไหลของบริษัท เธอยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”
เขาพูดจบก็ลุกขึ้นยืน ดึงชายเสื้อของตัวเองออกจากมือของเย่หว่านเอ๋อ แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ประตูปิดดัง”ปัง!” เสียงฝีเท้าของเขาไกลออกไปเรื่อยๆ
เย่หว่านเอ๋อคุกเข่าลงกับพื้น ใช้แรงทั้งหมดที่มีระเบิดอารมณ์ใส่ผ้าห่มที่อยู่บนโซฟา
นี่มันก็สองปีกว่าแล้ว สิ่งที่เธอทำผิดไป เขาก็ควรจะให้อภัยเธอแล้วหรือเปล่า!
เวลานั้นเอง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงของเสี่ยวเหอ : “คุณผู้หญิง น้ำซุปแก้เมาค้างเสร็จแล้วค่ะ……”
เย่หว่านเอ๋อกัดฟันแน่น รีบลุกขึ้น เดินไปเปิดประตูอย่างแรง
มองเสี่ยวเหอที่กำลังยืนอยู่หน้าประตู เธอรู้สึกโกรธเข้าไปใหญ่ ถ้าต้มเสร็จให้เร็วกว่านี้ ให้อวี้อี่มั่วได้ดื่มเร็วกว่านี้ ก็จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น!
เย่หว่านเอ๋อยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ความโกรธทั้งหมดที่รวมกัน ทำให้ตัวเธอแทบจะระเบิด
เธอกัดฟันแน่น แล้วถามขึ้นว่า : “แกเห็นคุณผู้ชายหรือเปล่า?”
เสี่ยวเหอตอบกลับเสียงเบา : “เห็นค่ะ……เขาไปแล้ว”
“แล้วแกจะส่งมาทำซากอะไร! ให้ฉันดื่มรึไง!” เย่หว่านเอ๋อที่โกรธจัด เธอยกเท้าขึ้นมาถีบเสี่ยวเหอไปหลายที
ทันใดนั้นเอง ในตาของเธอก็ลุกโชนขึ้น เธอหรี่ตาลง แววตาเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก จ้องไปที่หน้าของเสี่ยวเหอ แล้วพูดออกมาด้วยความโกรธ : “ในเมื่อคุณผู้ชายไปแล้วซุปถ้วยนี้ก็ไม่ควรจะเสียของโดยเปล่าประโยชน์ แกดื่มเข้าไปซะ!”
เสี่ยวเหอได้ยินดังนั้น ก็หน้าซีดลงทันที : “คุณผู้หญิง……ฉันผิดไปแล้ว……”
สีหน้าของเย่หว่านเอ๋อน่ากลัวยิ่งขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า : “ดื่มเข้าไป!”
“อย่าค่ะ…คุณผู้หญิง……”
“แกจะไม่ดื่มใช่ไหม?” เย่หว่านเอ๋อสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้เสี่ยวเหอ : “ถ้าแกไม่ดื่ม แกเชื่อไหมว่าฉันจะให้คนเอาซุปถ้วยนี้ไปให้แม่แกที่ป่วยอยู่ดื่มแทน!”
เสี่ยวเหอตกใจกลัวจนตัวสั่น คุกเข่าลงไปทั้งๆที่ถือถาดอยู่ ก้มหน้าลงต่ำ : “คุณผู้หญิง ขอร้องเถอะค่ะ คุณปล่อยฉันไปเถอะนะคะ……”
เย่หว่านเอ๋อตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ปล่อยแกไปเหรอ? แล้วใครจะปล่อยฉันล่ะ!”
ทุกวันนี้ที่เธอเป็นอยู่ ก็เหมือนตายทั้งเป็นทุกวินาทีอยู่แล้ว!