ดั่งรักบันดาล – บทที่ 430 คิดบัญชีพร้อมกันทั้งแค้นเก่าและแค้นใหม่

บทที่ 430 คิดบัญชีพร้อมกันทั้งแค้นเก่าและแค้นใหม่

โค้ชผู้ชายคนนั้นสีหน้าเขาดูไม่ค่อยดี ดูเหมือนกับว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าควรอธิบายยังไง โค้ชผู้หญิงข้างๆเลยเดินเข้ามาจากนั้นก็เสนอแนะว่า ” ให้เขาไปดูกล้องวงจรปิดเองดีกว่า ”

ซ่งเย้อันขมวดคิ้วแน่น ความอ่อนโยนบนใบหน้าของเขาเย็นชาขึ้นมาทันทีและเขาก็รีบเดินตามโค้ชไปเพื่อดูกล้องวงจรปิด

หลังจากนั้นสิบนาที ทันทีที่เขาได้ดูกล้องวงจรปิดย้อนหลังบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เขาก็กำหมัดแน่นและทุบลงที่โต๊ะสุดแรง

เสียงดัง ” ปั๊ง! ” ดังขึ้น ทำให้พนักงานที่อยู่รอบข้างต่างก็พากันตกใจกันหมด แต่กลับไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูดเตือนเขาแม้แต่คนเดียว

เรื่องภายในครอบครัว โดยเฉพาะประเภทนี้มันเป็นอะไรที่พูดยากมากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นคือเกิดขึ้นหลังแต่งงานแล้วด้วย ใครกล้าพูดเตือนเขาตอนนี้ก็ไม่ต่างกับเทน้ำมันเข้ากองเพลิง

ผ่านไปสักพัก ซ่งเย้อันก็ค่อยๆสงบสติอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติได้ เขาสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็หันไปมองโค้ชที่ยืนอยู่ข้างๆพร้อมกับพูดขึ้นว่า ” ขอบคุณมาก ”

หลังจากที่ทิ้งประโยคนี้ไว้ เขาก็เดินออกจากห้องตรวจสอบกล้องวงจรปิดไปทันที

เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เขายอมทนปิดตาหนึ่งข้างมาโดยตลอด ขอแค่หร่วนซือซือไม่หนีเขาไปไหน เขาก็ยินดีจะรออยู่ที่เดิม แต่ตอนนี้ อวี้อี่มั่วกลับมาชิงตัวภรรยาในนามของเขาตอนนี้ต่อหน้าต่อตาเขา แล้วจะให้เขาทนต่อไปได้ยังไงกัน?

ในเมื่ออวี้อี่มั่วไม่ไว้หน้าเขา งั้นแค้นเก่าหรือแค้นใหม่ก็ชำระพร้อมกันไปเลยแล้วกัน!

ระหว่างทางที่กลับบริษัท อวี้อี่มั่วหยิบแท็บแล็ตมาดูรายละเอียดเอกสารการประชุม เขารู้สึกแปลกใจมาก ว่าทำไมเอกสารที่ปกติใช้เวลาอ่านแค่สิบนาทีก็เสร็จแต่วันนี้กลับใช้เวลาไปตั้งยี่สิบนาทีแล้วยังอ่านไม่เสร็จอีก

เขายกมือขึ้นกุมขมับ และโยนแท็บเล็ตทิ้งอย่างหงุดหงิด

ผ่านไปสักพัก เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดโทรออก ” ไอ้ซู มาหาฉันที่บริษัทหน่อย ”

เรื่องราวในตอนนี้มันซับซ้อนไปหมด เพื่อความปลอดภัยของหร่วนซือซือ เซินเซินและซาซา เขาจำเป็นต้องเตรียมตัวรับมือไว้ล่วงหน้า

ไม่นาน รถก็ขับมาถึงที่หมาย หน้าตึกอวี้กรุ๊ป

อวี้อี่มั่วเปิดประตูรถและเดินเข้าบริษัทไปทันที

แต่ทันทีที่เขาก้าวเข้าบริษัท ก็มีเงาของคนๆหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาอย่างกะทันหัน หลังจากนั้น ก็มีใครบางคนคว้าคอเสื้อเขาอย่างแรง

ตาซ่งเย้อันแดงมาก ในแววตาเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เขาแรงเยอะจนน่าประหลาดใจ ” แกเอาตัวหร่วนซือซือไปไหน! ”

อวี้อี่มั่วยักคิ้ว คอดไม่ถึงว่าเขาจะมาถึงที่นี่ เขามองผู้ชายตรงหน้าด้วยสายตาเย้ยหยัน

ทุกครั้งที่มีอันตรายเกิดขึ้นกับหร่วนซือซือ ซ่งเย้อันแทบจะไม่มีประโยชน์ใดๆเลย

ซ่งเย้อันรู้สึกได้ถึงความรู้สึกภายใต้สายตาของเขา เขารู้สึกราวกับว่าโดนชกเข้ากลางหน้าสุดแรง ทำให้เขายิ่งโกรธมากขึ้น ” อวี้อี่มั่ว แกชอบยุ่งย่ามกับลูกและภรรยาคนอื่นมากขนาดนั้นเชียวหรอ! ”

เขาพูดเสียงดังมาก ผู้คนรอบข้างต่างก็ได้ยินกันอย่างชัดเจน และทุกคนล้วนเป็นพนักงานในอวี้กรุ๊ป พอเห็นประธานบริษัทตัวเองโดนกระชากคอเสื้อ ก็อดไม่ได้ที่จะเหลียวมองตาม

พอได้ยินซ่งเย้อันตะโกนดังแบบนั้น ทุกคนก็ต่างพากันหันมามองกันมากขึ้น

พอตู้เยี่ยเห็นสถานการณ์ไม่ดี เขาก็เดินเข้ามาแทรกตรงกลางระหว่างพวกเขาทั้งสองเพื่อห้ามปราม แต่ซ่งเย้อันกำลังโกรธมาก เขาไม่ฟังอะไรทั้งนั้น และกำคอเสื้ออวี้อี่มั่วแน่นไม่ยอมปล่อย

” ตอบฉันมา แกทำอะไรหร่วนซือซือ! ”

แววตาอวี้อี่มั่วเฉยชา และพูดขึ้นนิ่งๆว่า ” ก็แค่พาพวกเขาไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยก็เท่านั้นเอง ประธานซ่งไม่ควรจะเสียมารยาทแบบนี้นะครับ ”

” ที่ที่ปลอดภัยงั้นหรอ? ” ซ่งเย้อันพูดเยาะเย้ยเขาว่า ” สำหรับฉันแล้ว ที่ที่ไม่มีแกก็คือที่ที่ปลอดภัยแล้ว! ”

ทันทีที่พูดประโยคนี้ออกไป สีหน้าอวี้อี่มั่วก็บึ้งตึงขึ้นทันที แววตาเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เขากำหมัดแน่น

ศึกระหว่างชายทั้งสองกำลังจะเริ่มขึ้น แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะและเสียงพูดของชายคนหนึ่งดังขึ้น ” นี่มันอะไรกันวะเนี่ย? ”

ซูอวี้เฉิงเดินเข้ามาพร้อมกับเสียงหัวเราะ เขาเอามือไปวางบนไหลของซ่งเย้อันและอวี้อี่มั่วพร้อมกับพูดเตือนขึ้นว่า ” ต่างก็เป็นคนมีหน้ามีตาในสังคมกัน จะมามีเรื่องกันในสถานที่แบบนี้ ศักดิ์ศรีไม่เอาแล้วใช่ไหม? ”

ถึงเขาจะพูดแบบนั้น แต่ซ่งเย้อันก็ไม่มีทีท่าจะปล่อยมือจากคอเสื้ออวี้อี่มั่วเลย

ซุอวี้เฉิงหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นอย่างใจเย็นว่า ” ไม่แคร์ศักดิ์ศรีของตัวเองก็ช่างเถอะ แต่คิดถึงผู้หญิงที่รออยู่ที่บ้านด้วย แล้วยังมีเด็กห้าขวบอีกสองคน ถ้าเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมา จะส่งผลกระทบแย่ๆต่อใคร พวกนายทั้งคู่ก็รู้อยู่แก่ใจดีใช่ไหม? ”

คำพูดพวกนั้นของซูอวี้เฉิง ทำให้สีหน้าของซ่งเย้อันเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เมื่อกี้ความโกรธเข้าครอบงำ เขาเลยไม่ทันคิดเรื่องนี้ พอตอนนี้ซูอวี้เฉิงพูดขึ้น เขาถึงตระหนักได้ว่าถ้าเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมา คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือหร่วนซือซือ เซินเซินและซาซา!

เขาไม่ยอมให้ชาวเน็ตวิจารณ์พวกเขาไปในทางที่ไม่ดีเด็ดขาด และที่สำคัญเขาไม่อยากให้เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของภายในครอบครัวของเขา

เขาเงยหน้ามองอวี้อี่มั่วอย่างเยือกเย็นแวบหนึ่ง หลังจากนั้นก็ยอมปล่อยเขา

ซูอวี้เฉิงหัวเราะ ราวกับเป็นผู้เชี่ยวชาญกับเรื่องแบบนี้ ” เรื่องภายในบ้านไม่ควรให้หลุดออกไป มีอะไรก็ไปหาห้องเงียบๆนั่งคุยกันดีดี ประธานซ่ง คุณคงมีเวลาว่างจะคุยนะ? ”

แววตาซ่งเย้อันเฉยชา เขาไม่ได้ตอบอะไร

หลังจากนั้นสิบนาที พวกเขาทั้งสามคนก็มาถึงห้องรับรองของบริษัท

ทันทีประตูปิดลง ซูอวี้เฉิงก็เดินไปนั่งริมห้อง และเปิดโอกาสให้พวกเขาคุยกันเอง

อวี้อี่มั่วนั่งลงอย่างใจเย็น เขารินชาให้ซ่งเย้อันและยื่นให้เขาพร้อมกับพูดขึ้นนิ่งๆว่า ” ประธานซ่ง ระหว่างเราสองคนไม่จำเป็นต้องมีเรื่องบาดหมางอะไรกันใหญ่โตเช่นนี้ ”

แววตาซ่งเย้อันเฉยชามาก แบะไม่สนใจกับสิ่งที่เขาพูด ” แล้วทำไมคุณต้องเข้ามายุ่งย่ามกับภรรยาและลูกของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วย?”

อวี้อี่มั่วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ” ไม่ได้เป็นการยุ่งย่ามอะไร ก็แค่เข้าไปช่วยเหลือก็เท่านั้นเอง”

ถ้าหากว่าวันนี้ลั่วจิ่วเหยี่ยต้องการลงมือกับหร่วนซือซือ เซินเซินและซาซาจริงๆ แม้ว่าซ่งเย้อันจะอยู่ข้างกายก็คงช่วยอะไรไม่ได้

” คุณหมายความว่ายังไง? ”

อวี้อี่มั่วหัวเราะเบาๆ แววตาเขาแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน ” จากที่ผมเห็น คุณไม่เคยทำหน้าที่สามีที่ดีเลยแม้แต่ครั้งเดียว ”

ประโยคนี้ เหมือนเป็นคบเพลิงที่จุดประกายความโกรธของซ่งเย้อันขึ้นมาอีกครั้ง

ก่อนที่เขาจะพูด สีหน้าอวี้อี่มั่วจริงจังมาก เขาพูดอย่างช้าช้าชัดว่า ” ตอนที่ซาซาโดนงูกัด ตอนที่หร่วนซือซือตกจากหลังม้า มีครั้งไหนไหมที่คุณช่วยเหลือพวกเธอ? ซ่งเย้อัน คุณคิดว่าคุณเป็นสามีและพ่อที่ดีอย่างนั้นหรอ? ”

ประโยคนั้นเป็นเหมือนมีดอันแหลมคมที่แทงเข้าไปในใจของซ่งเย้อันชัด

คำพูดที่ออกจากปากอวี้อี่มั่ว เป็นเหตุการณ์การณ์ที่เขารู้สึกผิดทุกครั้งที่พูดถึง

ราวกับว่าไม่ว่าจะเป็นครั้งไหน เขาก็จะไปถึงช้ากว่าอวี้อี่มั่วครึ่งก้าวเสมอ นี่ถือเป็นปมในใจของเขา และยิ่งไปกว่านั้นคือเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากพูดถึง!

” คุณแน่ใจไหมว่าหลังจากนี้ถ้ามีอันตรายเกิดขึ้นกับพวกเขาแล้วคุณจะไปดูแลปกป้องพวกเขาเป็นคนแรก? ”

“……”

ซ่งเย้อันขมวดคิ้ว เขาถึงกับพูดไม่ออก

เขาอยากจะพูดออกมาว่า ” ฉันแน่ใจ ” สามคำนี้ แต่สามคำนี้ก็ติดอยู่ที่ปลายลิ้น เขาไม่มีความกล้าพอที่จะพูดออกมา

ซ่งเย้อันกำหมัดแน่น หลังจากนั้นเขาก็ถามกลับว่า ” แล้วคุณช่วยปกป้องภรรยาและลูกๆของผมในฐานะอะไร? ”

อวี้อี่มั่วพูดออกมาอย่างไม่ลังเล ” ในฐานะที่ผมเป็นเจ้านายของพวกเขา ผมมีสิทธิ์รักษาความปลอดภัยให้กับพนักงานของผม ”

ซ่งเย้อันพูดปฏิเสธทันทีว่า ” การถ่ายแบบของเซินเซินและซาซาเสร็จสิ้นลงแล้ว การทำงานจบลงแล้ว คุณก็ไม่ได้เป็นเจ้านายของพวกเขาแล้ว ”

เมื่อได้ยินแบบนั้น อวี้อี่มั่วก็กระพริบตา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย

สักพัก เขาก็พูดขึ้นนิ่งๆว่า ” ดูเหมือนว่าหร่วนซือซือยังไม่ได้บอกคุณสินะว่าเธอรับงานภาพยนตร์สั้นการกุศลของบริษัทเราแล้ว ”

” อะไรนะ? ” ซ่งเย้อันขมวดคิ้ว สีหน้าเขาจริงจังขึ้น

อวี้อี่มั่วพูดเสริมว่า “งานนี้จะเริ่มถ่ายในสัปดาห์หน้า คาดว่าจะเสร็จประมาณเดือนมกราคม ”

ซ่งเย้อันอึ้ง เขาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย

หร่วนซือซือและอวี้อี่มั่วลงนามร่วมงานกันใหม่อีกครั้ง แล้วทำไมถึงไม่บอกเขากันนะ?

ดั่งรักบันดาล

ดั่งรักบันดาล

Status: Ongoing

หร่วนซือซือต้องนัดดูตัว แต่อีกฝ่ายคือเจ้านายของเธอ “ประธาน……ประธานอวี้ คุณไปผิดที่รึปล่าว” “หร่วนซือซือ” ชายหนุ่มเรียกชื่อของเธอ ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ในเมื่อเราสองคนก็รู้จักกันแล้ว เราก็มาแต่งงานกันเถอะ” “…………..” หลังจากแต่งงานหร่วนซือซือพบว่าชายคนนี้เมื่ออยู่ที่บริษัทเขาจะมีความเด็ดขาดในธุรกิจมาก และเป็นผู้กุมอำนาจของบริษัท และเมื่อเขาอยู่ที่บ้านเขาก็จะอ่อนโยนต่อเธอมาก

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท