ดั่งรักบันดาล – บทที่ 440 ไปด้วยตัวเอง

บทที่ 440 ไปด้วยตัวเอง

ความเย็นชา ไร้มนุษยธรรมของเขา เมื่อเทียบกับอวี้กู้เป่ยแล้วถือว่าเป็นอะไร ?

“คุณรู้หรือเปล่าว่าหลายปีมานี้เขาฮุบเงินของอวี้กรุ๊ปไปเท่าไหร่ ? คุณรู้ไหมว่าเขาแอบยัดหนอนบ่อนไส้ให้ผมเท่าไหร่ ? คุณรู้ไหมว่าก่อนหน้าวันนี้ ลูกชายของเหอกวงหมิงถูกลูกน้องของอวี้กู้เป่ยควบคุมอยู่มาโดยตลอด สามารถตายได้ตลอดเวลา!”

น้ำเสียงของชายหนุ่มมีความหนักแน่น ทุกคำพูด ทุกประโยคต่างก็อัดเข้ามาอยู่ในหัวใจของหร่วนซือซือ ทำให้เธอร่างกายสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว

ในที่สุด นัยน์ตาของอวี้อี่มั่วก็มีความเหนื่อยล้าและความผิดหวังผุดขึ้นมา อยู่ ๆ เขาก็คลายมือของหร่วนซือซือออก

หร่วนซือซือร่างกายอ่อนปวกเปียก ภายในหัวว่างเปล่า

เธอไม่สามารถเข้าใจการต่อสู้และการเอาชีวิตรอดของความเคียดแค้นในบ้านตระกูลเศรษฐีเลย และยิ่งไม่สามารถเข้าใจได้ว่าหากยืนอยู่ในตำแหน่งที่สูงของอวี้อี่มั่วแล้วจะเห็นเหตุการณ์เช่นไร เธอรู้เพียงว่า ผู้ชายที่อยู่เบื้องหน้านี้ไร้ความรู้สึกจนทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว

เธอคิดเพียงต้องการที่จะหนีไป

เธอสูดหายใจเข้าลึก หายใจหอบ จากนั้นก็ถอยหลังไปสองก้าว เธอมองหน้าอวี้อี่มั่วแวบหนึ่งค่อยเดินจากไป สาวเท้าอย่างรวดเร็วไปยังประตู

เสียงประตูปิดดัง “ปัง !” อวี้อี่มั่วก็รู้สึกหดหู่ตามไปด้วย

สุดท้ายแล้ว เขาก็ทำให้หร่วนซือซือรู้สึกถึงความห่างเหินจนได้

ทว่ามีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ตัวเขาเองก็แทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่

อันที่จริง อวี้กู้เป่ยได้วางแผนเรื่องลูกชายตัวน้อยของเหอกวงหมิงตั้งนานแล้ว เพื่อที่จะควบคุมเหอกวงหมิง เมื่อสักครู่เขาเพิ่งจะสั่งให้คนไปชำระบัญชี คนของอวี้กู้เป่ยก็จับตัวลูกชายของเหอกวงหมิงเรียบร้อยแล้ว เมื่อเหอกวงหมิงทำอะไรตุกติก ทางนั้นก็จะจัดการทันที

เขาได้ส่งคนไปช่วยเหลือลูกชายตัวน้อยของเหอกวงหมิงจากน้ำมือของเหอกวงหมิง เขาเพียงแค่ใช้กลยุทธ์ทางจิตวิทยาในการบังคับให้เขายอมเผยความจริงในเรื่องที่ทำผิดออกมาเท่านั้น ไม่เคยคิดที่จะทำอะไรกับลูกของเขาเลย

คิดไม่ถึงว่า จะถูกหร่วนซือซือเข้าใจผิดเข้าเสียแล้ว

อวี้อี่มั่วรู้สึกเจ็บปวดใจ เขาขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย รู้สึกปวดหัวแทบแย่

และในเวลานี้เอง ประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออก ตู้เยี่ยสาวเท้าเดินเข้ามา “ประธานอวี้ครับ ทางเคาน์เตอร์ประธานบริหารได้รับโทรศัพท์จากสื่อเมืองเจียงโจวเป็นจำนวนมาก ต่างก็ถามเรื่องตรวจสอบทรัพย์สินของบริษัทย่อยในเครือครับ”

ได้ยินดังนั้น อวี้อี่มั่วก็ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมายิ่งขึ้น

คิดไม่ถึงว่าอวี้กู้เป่ยจะดำเนินการเร็วถึงเพียงนี้

บัดนี้เขาแพร่กระจายข่าวสารออกไป แสดงว่าต้องการที่จะวัดดวงออกไปแล้ว

ในเมื่อทางตนไม่ต้อนรับเขา เช่นนั้นเขาก็แพร่กระจายเรื่องย่ำแย่ของตระกูลออกไปเสียเลย เพื่อดึงสกุลอวี้ลงน้ำ ถึงเวลานั้นต่อให้เขาไม่ลงมือเอง หลังจากที่ผ่านการวิพากวิจารณ์จากสาธารณะ อวี้กรุ๊ปก็จะสูญเสียความน่าเชื่อถือไปอย่างรุนแรง

เป็นกลยุทธ์ได้ไม่คุ้มเสียที่เห็นได้ทั่วไป

โหดเสียจริง !

อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว จากนั้นก็ออกคำสั่งน้ำเสียงเย็นชา “ไปประกาศ ก่อนที่การคาดเดาและข่าวลือที่ยังไม่เป็นความจริงจะออกมา เขียนหนังสือชี้แจงเขียนเกี่ยวกับจุดประสงค์และผลลัพธ์สุดท้ายของการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของบริษัทย่อย และผลักเหอกวงหมิงไว้หน้าสุด ”

หลายปีมานี้ เหอกวงหมิงได้ทำเรื่องที่ทำลายผลประโยชน์ของบริษัทตามคำสั่งของอวี้กู้เป่ยไปไม่น้อย บัดนี้ งานก็เป็นไปตามงาน ก่อนที่จะมอบตัวเขาให้กับทางตำรวจ ผลักเขาให้โดยวิพากวิจารณ์อย่างโหดร้ายทำให้เขาแสดงคุณค่าสุดท้ายของตนเองออกมา

สิ่งที่เขาต้องการ คือปกป้องผลประโยชน์ของอวี้กรุ๊ปไม่ให้ถูกทำลาย นี่คือเส้นตายสุดท้ายของเขา และก็คือภาระหน้าที่ในฐานะที่เขานั่งอยู่บนตำแหน่งนี้

ทว่าบัดนี้ ทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากัน ไม่ว่าใครที่ถูกลากเข้าไปเกี่ยวโยงด้วยไม่มีทางที่จะแก้ไขได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็คงต้องต่อสู้กับอวี้กู้เป่ยไปจนถึงที่สุดก็แล้วกัน !

เวลาสามวัน หัวข้อข่าวเกี่ยวกับอวี้กรุ๊ปในอินเทอร์เน็ตเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง อันดับแรกคือการชี้แจงเรื่องเหตุผลในการตรวจสอบบริษัทย่อย จากนั้นก็เหอกวงหมิงถูกลากออกมาถูกประนามและถูกวิพากวิจารณ์โดยประชาชนในสื่อเมืองเจียงโจว

หลังจากนั้น ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของอวี้กรุ๊ปได้ออกมาประกาศการชี้แจงครั้งที่สอง กล่าวว่าขณะนี้ภายในองค์กรกำลังทำการตรวจสอบอย่างลึกอยู่ ต้องการที่จะคว้าตัวผู้บงการหลักที่อยู่เบื้องหลังออกมาให้ได้ ขณะเดียวกันยังวางแผนที่จะตรวจสอบบัญชีของบริษัทย่อยอื่น ๆ อีก

เมื่อดำเนินการเช่นนี้ ทั้งอวี้กรุ๊ปไม่เพียงแต่ไม่ได้รับผลกระทบจากผู้ใช้อินเทอร์เน็ต กลับกลายเป็นว่าขั้นตอนการจัดการของอวี้อี่มั่วได้รับคำชมที่ดี

ทว่า การประชามติครั้งต่อไปจะเอนเอียงไปทางฝ่ายใด ไม่มีผู้ใดทราบ

และเวลานี้ หร่วนซือซือรวมถึงผู้กำกับกาวและพนักงานในสตูดิโอทั้งหลายกำลังอยู่ในป่าเขาลึก เพื่อตามหาพื้นที่ในการถ่ายทำ

เพื่อเป็นการรับประกันประสิทธิภาพ กลุ่มย่อยที่เข้ามาในภูเขาครั้งนี้จึงแบ่งออกเป็นกลุ่มละแปดคน นอกจากผู้กำกับกาว หร่วนซือซือและผู้กำกับอีกสองท่าน นอกนั้นก็เป็นพนักงานผู้มีความสามารถที่สุดในแผนก

คัดสรรพนักงานคุณภาพ พร้อมด้วยอุปกรณ์ครบครัน พวกเขามาถึงยังไต้ซานแห่งทิศตะวันตกเมืองเจียงโจว พวกเขาไม่ได้เดินเส้นทางที่ให้นักท่องเที่ยวเดิน แต่เดินตามทางเดินเล็ก ๆ ข้าง ๆ แทน จากนั้นก็ทำการตามหาสถานที่ถ่ายทำที่เหมาะสมที่สุด เป็นสถานที่ถ่ายทำที่หนังสั้นการกุศลต้องการ

เต็นท์ถูกตั้งไว้ ณ ไหล่ภูเขา เมื่อสักครู่เพิ่งจะทดลองถ่ายทำไปไม่กี่ฉาก ผลที่ได้ถือว่าไม่เลว พนักงานทุกคนจึงมานั่งพักผ่อน หร่วนซือซือหยิบโทรศัพท์ออกมา และเลื่อนดูไปเรื่อย ๆ

เนื่องจากพวกเขาอยู่ที่ไหล่ภูเขา สัญญาณไม่ค่อยดีนัก ทำให้อินเทอร์เน็ตช้าเช่นเดียวกัน เมื่อหร่วนซือซือเห็นประกาศสถานการณ์ใหม่ล่าสุดของอวี้กรุ๊ปที่ถูกแนะนำขึ้นมา เธอจึงอดไม่ได้ที่จะกดเข้าไปอ่านดู

วงกลมเล็ก ๆ ที่กำลังหมุนแสดงถึงความช้าของอินเทอร์เน็ต และท้ายสุดก็ไม่สามารถดาวน์โหลดได้ หร่วนซือซือลองทำสามครั้ง สุดท้ายก็ล้มเลิกไป เธอจึงเดินไปดูวิดีโอที่เพิ่งถ่ายทำเสร็จเมื่อสักครู่นี้

หร่วนซือซือดูวนซ้ำสองรอบก็ยังคงรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง เธอสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็เดินไปหาผู้กำกับกาว แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ฉันรู้สึกว่าไม่ถูกตลอดเลยค่ะ พื้นที่ตรงนี้ยังไม่กว้างขวางพอ ฉันคิดว่าตอนบ่ายพวกเราเปลี่ยนไปที่อื่นแล้วลองถ่ายดูใหม่ดีไหมคะ ?”

ผู้กำกับกาวได้ยินดังนั้น ก็มองไปยังฉากที่อยู่ในกล้องถ่ายวิดีโอ สุดท้ายก็พยักหน้า “ตอนบ่ายไปดูทางนั้นก็แล้วกัน แต่ว่าวันนี้จะต้องลงเขาไปเร็ว ๆ หน่อย ฝนอาจจะตกได้”

“ค่ะ”

การถ่ายทำครั้งนี้กำหนดไว้ว่าสามวัน สามวันนี้เพื่อที่จะปฏิบัติภารกิจที่กำหนดไว้แล้วให้สำเร็จลุล่วง งานของพวกเขาจึงไม่ถือว่าสบายนัก ตอนเย็นจะต้องไปพักผ่อนที่โรงแรมด่านล่างไต้ซาน ตอนกลางวันจะต้องปีนขึ้นเขาเพื่อตามหาสถานที่ถ่ายทำ กำหนดการทั้งหมดต่างก็ถูกจัดแจงไว้เต็มไปหมด

ไม่นาน เวลาก็มาถึงช่วงบ่ายแล้ว พวกเขาเปลี่ยนไปสถานที่ใหม่ ครั้นผลที่ออกมาก็ยังไม่ถึงเป้าหมายของหร่วนซือซือ เธอจึงให้พนักงานหลินจื่อนำโดรนออกมาบินดูบริเวณรอบ ๆ เพื่อตามหาสถานที่ถ่ายทำที่เหมาะสม

หร่วนซือซือมองภาพที่โดรนส่งมาอย่างใจจดใจจ่อเพื่อตามหาสถานที่ และในที่สุด ภาพวิวทิวทัศน์แห่งหนึ่งก็ต้องตาของเธอ

ด้านล่างของต้นไม้ใหญ่ มีสะพานเล็ก ๆ พร้อมน้ำไหล ด้านข้างคือทุ่งหญ้าอันกว้างขวาง เขียวชอุ่มเจริญงอกงาม ทั้งดูลึกลับทั้งดูสวยงามเป็นพิเศษ

หร่วนซือซือถูกใจเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ให้หลินจื่อล็อกสถานที่ไว้ แล้วสอบถามทิศทาง

หลินจื่อส่ายหน้า “สถานที่นี้ อาจจะไกลเกินไปนะครับ”

“ไกลแค่ไหน ?”

ไม่ง่ายเลยกว่าจะเจอสถานที่ถ่ายทำที่ถูกใจสักแห่งเจอ เธอจะล้มเลิกความตั้งใจไปง่ายดายได้อย่างไร ?

ต่อให้วันนี้จะถ่ายทำไม่ได้ อย่างไรก็ตามเธอก็ต้องการตำแหน่งนั้น รอมาถ่ายทำวันพรุ่งนี้ตอนเช้าก็ได้

หลินจื่อมองดูเวลา “ถ้าให้คนของเราไปที่นั่น ผมเกรงว่าตอนบ่ายวันนี้คงถ่ายทำไม่ได้มากเท่าไหร่แล้วละครับ อีกอย่างยังเหลืออีกหนึ่งชั่วโมงครึ่งสำหรับลงเขาแล้ว”

ได้ยินดังนั้น หร่วนซือซือก็ขมวดคิ้ว รู้สึกลังเลอยู่ภายในใจ

สำหรับเรื่องของงาน เธอมีความรับผิดชอบและละเอียดรอบคอบมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ต้องการที่จะจัดการทุกอย่างให้ดีที่สุด ทว่าบัดนี้ พวกเขาเจอกับปัญหาเข้าอย่างเห็นได้ชัด

หลังจากที่ครุ่นคิดเป็นเวลานาน เธอก็มองไปยังผู้กำกับกาวที่กำลังเจรจากับนักแสดงอยู่ข้าง ๆ เธอสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็เอ่ยขึ้นกับหลินจื่อ “หรือไม่เราส่งคนไปดูสถานที่จริงก่อน แล้วเช้าวันพรุ่งนี้ค่อยไปที่นั่นถ่ายวิว ?”

หลินจื่อส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “แต่เรามีคนจำนวนจำกัด เกรงว่าจะปลีกตัวไปไม่ได้ครับ”

หร่วนซือซือกัดฟัน เงียบไปไม่ได้เอ่ยอันใดต่อ

เห็นทีว่าเธอคงจะต้องไปด้วยตัวเองเสียแล้ว

ดั่งรักบันดาล

ดั่งรักบันดาล

Status: Ongoing

หร่วนซือซือต้องนัดดูตัว แต่อีกฝ่ายคือเจ้านายของเธอ “ประธาน……ประธานอวี้ คุณไปผิดที่รึปล่าว” “หร่วนซือซือ” ชายหนุ่มเรียกชื่อของเธอ ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ในเมื่อเราสองคนก็รู้จักกันแล้ว เราก็มาแต่งงานกันเถอะ” “…………..” หลังจากแต่งงานหร่วนซือซือพบว่าชายคนนี้เมื่ออยู่ที่บริษัทเขาจะมีความเด็ดขาดในธุรกิจมาก และเป็นผู้กุมอำนาจของบริษัท และเมื่อเขาอยู่ที่บ้านเขาก็จะอ่อนโยนต่อเธอมาก

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท