ตอนที่ 1683 รังแกกันถึงหน้าประตู
เย่หยวนเข้าเมืองมาอย่างเงียบงันโดยไม่คิดที่จะดึงดูดความสนใจของใครๆ และสถานที่แรกที่เขามุ่งตรงมาก็คือที่พักของเจิ่งชี
“ใครกัน หยุดนะ! หืม? เจ้า… ท่านผู้อาวุโสเย่หยวน!” ยามคนนั้นเบิกตาโพลงทันทีหลังจากจำใบหน้าของเย่หยวนได้
“โอ้? เจ้ารู้จักข้าด้วย?” เย่หยวนยิ้ม
ยามคนนั้นจึงยิ้มตอบ “ผู้อาวุโสเย่คงล้อเล่นแล้ว ในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้มีใครบ้างที่ไม่รู้จักท่าน!”
เย่หยวนหัวเราะออกมา “ในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้ทุกคนต่างรู้จักข้าในนามเจ้าคนไม่เอาไหน!”
ยามคนนั้นหน้าเปลี่ยนสีไปทันทีที่ได้ยิน “ผู้อาวุโสเย่ ไม่ว่าคนอื่นจะว่าอย่างไรคฤหาสน์เจิ่งของพวกเรานั้นจะไม่มีใครผู้ใดกล้าพูดจาว่าร้ายท่านแบบนั้นแน่ รวมไปถึงข้าน้อยคนนี้ด้วยเช่นกัน! ผู้อาวุโสใหญ่นั้นเคยได้ถูกท่านช่วยชีวิตไว้ หากมีใครกล้าพูดจาว่าร้ายผู้มีพระคุณ หากเป็นเรื่องเล็กน้อย มันผู้นั้นจะถูกไล่ออกจากคฤหาสน์เจิ่งทันที หากเป็นเรื่องร้ายแรง มันผู้นั้นจะต้องโทษประหารสถานเดียว!”
เย่หยวนไม่คิดไม่ฝันว่าเจิ่งชีจะถึงกับใช้มาตรการแบบนี้ในการปิดปากทุกคนไว้ แต่แค่นี้มันก็แสดงให้เห็นถึงความภักดีและน้ำใจสหายเช่นกัน
เย่หยวนจึงพยักหน้ารับ “แล้วผู้อาวุโสใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง?”
เมื่อได้ยินคำถามนั้นยามคนดังกล่าวก็ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา “เฮ้อ สภาพของผู้อาวุโสใหญ่นั้นแย่ลงไปทุกวัน ผู้อาวุโสใหญ่ซวนอี้เองก็พยายามอย่างสุดความสามารถในทุกวิถีทางแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถจะแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ได้ ตอนนี้ผู้อาวุโสใหญ่นั้นไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้แล้ว”
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นทันที “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ก่อนที่เย่หยวนจะจากไปเขายังตรวจดูร่างกายของเจิ่งชีอย่างดี และคิดว่าอาการมันน่าจะยังไม่ทรุดจนถึงขั้นลุกไม่ได้เร็วปานนี้
เมื่อได้ยินยามคนนั้นเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างที่เขาไม่อยู่ให้ฟัง ความโกรธแค้นในจิตใจของเย่หยวนก็ปะทุขึ้นอีกครา
ดูเหมือนว่าจะมียอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ของเมืองจักรพรรดิยอดสันติออกมาจากการเก็บตัวและได้ข่าวเรื่องการจากไปของเกาหยุน จึงออกมาหาเขาถึงที่
ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ผู้นั้นมาเพื่อหาเรื่องเย่หยวนและเจิ่งชีอย่างเต็มตัว
แต่เมื่อเขามาถึงเขากลับได้รับข่าวว่าเย่หยวนได้ออกจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไปก่อนแล้ว
เมื่อยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์มาถึงเช่นนั้น เรื่องราวมันจึงไม่มีทางที่จะจบลงได้ง่ายๆ แน่
กำลังของเมืองจักรพรรดิยอดสันตินั้นเหลือล้ำกว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มาก ฝ่ายนั้นมียอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ถึงสี่คน ส่วนเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมีแค่สอง
หลังจากยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์คนนั้นมาถึง เขาก็สั่งให้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ลงโทษประหารเย่หยวนและส่งเขาหน่วงเทพบรรพกาลมาเสีย
นอกจากนั้นเขายังส่งให้ศิษย์คนหนึ่งของเกาหยุนมาท้าดวลกับเจิ่งชี บอกว่ามันเป็นการแก้แค้นให้อาจารย์
มันเป็นเรื่องราวที่คล้ายกับเรื่องของเจิ่งชีไม่มีผิดเพี้ยน
ต่างกันก็แค่ตอนนั้นเกาหยุนนั้นเป็นคนเจ้าเล่ห์มากกลใช้กลยุทธและอุบายในการทำร้ายอีกฝ่ายลง
แต่เรื่องราวในครั้งนี้มันไร้สาระอย่างไม่มีคำเปรียบ
เพราะสภาพร่างกายของเจิ่งชีในตอนนี้มีหรือที่จะทนรับการต่อสู้ได้อีก?
แต่ทว่าเจิ่งชีกลับเลือกที่จะยืนกรานในคำของตัวเองและบอกว่าเรื่องราวของการสังหารเกาหยุนที่เหวอัญเชิญปีศาจนั้นเป็นฝีมือของเขาแต่เพียงผู้เดียว เย่หยวนไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ ด้วย
นอกจากนั้นเขายังกล้าที่จะรับคำท้า
และแน่นอนว่าผลมันก็ออกมาอย่างไม่ต้องคาดเดา
เจิ่งชีแพ้อย่างราบคาบและบาดเจ็บหนักด้วยน้ำมือของศิษย์เกาหยุนคนนั้น ตอนนี้เขาจึงมีสภาพกึ่งเป็นกึ่งตาย
เย่หยวนนั้นโกรธแค้นกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากเมื่อได้ยิน คลื่นพลังของอาณาจักรวายุพระเจ้าของเขาหลั่งไหล่ออกมาสู่โลกภายนอก “ล้างแค้นบ้าบออะไร? นี่มันคิดจะมาขโมยเขาหน่วงเทพบรรพกาลชัดๆ”
ยามคนนั้นมีพลังเพียงแค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้า เมื่อต้องมาเจอกับแรงกดดันจากเย่หยวนแล้วหน้าของเขาจึงถอดสีทันที
ยามคนนั้นตื่นตะลึงอยู่ในใจ เพราะตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าเย่หยวนมิได้อยู่ในอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าอีกต่อไปแล้ว
คลื่นพลังระดับนี้มันต้องเป็นอาณาจักรราชันพระเจ้าแน่!
ผู้อาวุโสเย่บรรลุแล้วจริงๆ ?
เย่หยวนเริ่มรู้สึกตัวถึงสภาพดูไม่จืดของยาม เขาจึงรีบเก็บคลื่นพลังกลับเข้าตัวไปทันที “เจ้าเข้าไปบอกพวกเขาว่าข้ากลับมาแล้ว”
ยามคนนั้นรีบตอบ “ผู้อาวุโสเย่คงล้อเล่นแล้ว ตอนนี้ผู้อาวุโสใหญ่นั้นอยู่ในสวน ผู้อาวุโสใหญ่ซวนอี้และผู้อาวุโสใหญ่เล่งหยูเองก็เช่นกัน เรียนเชิญ!”
เย่หยวนพยักหน้ารับและหยิบโอสถเม็ดหนึ่งออกมาโยนให้อีกฝ่ายไป “ขอบคุณที่ลำบาก นี่ข้าให้”
ยามคนนั้นรับโอสถไปและต้องเบิกตากว้างทันทีที่ได้เห็นว่ามันคือโอสถใด
โอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะ!
โอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะของผู้อาวุโสเย่นั้นเป็นของที่แสนจะหายาก แต่ตอนนี้เขากลับได้รับมันมา
“ขอบพระคุณมากผู้อาวุโสเย่!”
…
ในสวน ตอนนี้เล่งหยูและซวนอี้กำลังมองดูเจิ่งชีที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง
คลื่นพลังของเจิ่งชีในตอนนี้อ่อนแอมาก ตอนนี้เขาใกล้จะตายเต็มทีแล้ว
แต่สีหน้าของเขากลับไม่มีอาการเสียใจใดๆ ให้เห็นมากมาย แถมยังจะดูปลอดโปร่งเสียด้วยซ้ำ
“อาจารย์ปู่ พี่ซวนอี้ พวกท่านไม่ต้องมาทำเช่นนี้หรอก ตอนนั้นที่ข้าได้แก้แค้นให้ท่านอาจารย์ไป ความหวังเดียวในชีวิตของข้าก็ได้ลุล่วงไปแล้ว การได้อยู่มาอีกหลายต่อหลายปีนี่นับว่าเป็นบุญมากแล้ว” เจิ่งชีหายใจเข้าอย่างแรงทันทีที่พูดจบ ดูท่าท่าจะเหนื่อยมากๆ
ซวนอี้นั้นโทษตัวเองอย่างมาก “มันเป็นเพราะเฒ่าคนนี้ไร้ความสามารถ หากเย่หยวนสามารถบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าได้ เขาจะต้องช่วยเจ้าได้แน่ๆ เฮ้อ!”
เมื่อพูดถึงเย่หยวนออกมา เล่งหยูก็กล่าวขึ้นตามอย่างโกรธเคือง “ไอ้พวกโง่เหล่านั้นมันบอกว่าเหวินอี้หลินถูกเย่หยวนก่อกวนก่อน! มีปัญญาจะรับผิดชอบแท้ๆ แต่กลับชอบจะโยนความผิดให้คนอื่น ช่างเป็นการกระทำที่หน้าไม่อายอย่างถึงที่สุด”
ซวนอี้ถอนหายใจยาว “พวกนั้นมันก็เป็นกันแบบนั้น ไม่มีทางที่จะรับผิดชอบเรื่องใดๆ ก็ตาม”
“หึๆ หากเย่หยวนบรรลุแล้วกลับมาได้ ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าพวกโง่นี้มันจะทำหน้ายังไง! เสียดายจริงๆ ที่ข้า… จะไม่ได้อยู่เห็นมัน!” เจิ่งชีถอนหายใจและบ่นออกมา
หากให้พูดถึงเรื่องค้างคา มันก็คงเป็นเรื่องที่เขาไม่ได้เห็นเย่หยวนบรรลุด้วยตาของเขาเอง
คนเราต่างมีเรื่องราวให้ต้องสะสาง เย่หยวนออกไปครานี้คงไม่กลับมาอีกในเร็ววันแน่
เพราะยังไงเสียโอกาสที่จะบรรลุมันก็ยากที่จะหายิ่ง
เพียงแค่ว่าพวกเขานั้นไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวน ผู้มีพลังบ่มเพาะแค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าจะกล้าเดินทางออกไปยังเขาแห่งถงเทียน
“ใครว่าท่านจะไม่ได้อยู่ดูกัน? ไม่ใช่แค่ได้ดู แต่จะได้สั่งสอนพวกมันทุกผู้คนเลยด้วย!”
คนทั้งสามได้ยินเสียงนั้นดังขึ้นมาก่อนจะเห็นตัวคน!
เสียงนี้ พวกซวนอี้นั้นคุ้นเคยกับมันอย่างดี ใช่แล้ว ที่ด้านนอกประตูพวกเขาเห็นร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังก้าวเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ จะเป็นใครไปได้นอกเสียจากเย่หยวน?
“เย่หยวน เจ้า… เจ้ากลับมาเร็วปานนี้เลย?” ซวนอี้ถามออกไปด้วยความตื่นตกใจ
แต่เล่งหยูกลับเปลี่ยนสีหน้าไปทันที “เจ้า… เจ้าบรรลุแล้ว?”
แม้ว่าเย่หยวนจะแข็งแกร่งขึ้นมาก แต่มันกลับให้ความรู้สึกที่สุดหยั่งทำให้แม้แต่เล่งหยูก็ไม่แน่ใจ
เย่หยวนยิ้ม “ไม่บรรลุจะมีหน้ากลับมาได้อย่างไร? ความรู้สึกที่มีคนมาชี้หน้าด่าว่ามันไม่ได้รู้สึกดีหรอกนะ!”
เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินพวกเขาก็หัวเราะร่าออกมา
เล่งหยูหัวเราะอย่างหนักและบอก “ก็บอกแล้ว แค่อาณาจักรราชันพระเจ้ามันจะเป็นทางตันของเจ้าได้อย่างไร? ไอ้พวกโง่นั่น ข้าอยากเห็นจริงๆ ว่ามันจะยังว่ายังไงต่ออีกคราวนี้! อยากเห็นสีหน้าพวกมันแล้วจริงๆ”
เย่หยวนยิ้ม “ไว้ค่อยมาคุยเล่นกันทีหลังเถอะ ตอนนี้ขอข้าดูอาการพี่เจิ่งก่อน”
เจิ่งชีนั้นมีสภาพที่อ่อนแอมากๆ แต่เมื่อได้เห็นว่าเย่หยวนบรรลุอาณาจักรแล้ว เขาเองก็ตื่นเต้นดีใจตามไปด้วยจนสภาพร่างกายเริ่มดูดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
เย่หยวนตรวจสอบร่างกายของเจิ่งชีจนต้องขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ “น่ารังเกียจเสียจริง!”
เย่หยวนตรวจพบว่าภายในร่างของเจิ่งชี มันมีพลังยินค่อยๆ กัดกินพลังชีวิตของเจิ่งชีไปเรื่อยๆ ทำให้เขาเข้าใกล้ความตายเร็วขึ้น
ดูท่าแล้วมันคงเป็นฝีมือของอีกฝ่ายแน่!
ซวนอี้ถอนหายใจยาว “ต่อให้ความสามารถของเจ้าหยางฟานนั้นมันไม่เทียบเท่ากับน้องเจิ่งชี แต่มันก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่จะดูถูกได้เลย พลังหยินนี้เป็นสิ่งที่ไม่ว่าเฒ่าคนนี้จะทำอย่างไรก็ไม่มีปัญญาพอที่จะจัดการขับมันออกมาได้เสียที จึงได้แต่มองดูน้องเจิ่งค่อยๆ ทรมานกับมันไปเรื่อยๆ”
เจิ่งชียิ้มออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น “พี่ซวนอี้อย่าได้โทษตัวเองเลย เฒ่าคนนี้เองก็รู้ว่าท่านนั้นพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว”
เย่หยวนยังขมวดคิ้วไม่หาย “โอสถของพี่เจิ่ง เดิมทีข้าได้เตรียมมันไว้แล้ว แต่ข้าไม่นึกไม่ฝันว่ามันจะเกิดเรื่องร้ายแรงปานนี้ขึ้นมาอีก พวกท่านโปรดรอหน่อย เย่คนนี้จะไปจัดการหลอมโอสถเม็ดใหม่มาเดี๋ยวนี้!”