ทันใดนั้น หร่วนซือซือก็รู้สึกอ่อนไหว ความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เกิดขึ้นในใจของเธอ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ความรู้สึกของเธอหลากหลายและซับซ้อนมาก
สักพัก เธอก็ดึกสติกลับมาได้ สงบสติอารมณ์ตัวเองและหันไปมองอวี้อี่มั่ว พูดขึ้นช้าชัดๆว่า ” ทำไมถึงไม่รับสายฉัน? ”
ทั้งๆที่ตกลงกันไว้แล้วว่าจะร่วมมือกัน แต่เขากลับไม่มีการติดต่อใดๆกลับมาเลย
อวี้อี่มั่วหยิบผ้าขนหนูข้างๆขึ้นมาเช็ดผมที่เปียกอยู่ของเขาพร้อมกับพูดช้าๆว่า ” ต้องการดื่มเบียร์หน่อยไหม? ”
เขาพูดพร้อมกับเดินไปที่ตู้เย็น เขาหยิบเบียร์ขึ้นมาสองขวดและเปิดมันออกวางลงบนโต๊ะ
หร่วนซือซือมองการกระทำของเขาก็รู้สึกโมโหเล็กน้อย ” อวี้อี่มั่ว ตกลงว่าคุณหาหลักฐานเจอรึเปล่า? ”
พวกเขาตกลงกันก่อนหน้านี้แล้ว ว่าเธอมีหน้าที่เล่าเรื่องของเสี้ยวเสี่ยวหลินให้เย่หว่านเอ๋อฟัง ส่วนเขามีหน้าที่ดูปฏิกิริยาการตอบสนองของเธอเพื่อจับผิดเธอ
ถ้าเย่หว่านเอ๋อมีพิรุธขึ้นมาจริงๆ และเมื่อเขารู้ว่าสิ่งที่เสี้ยวเสี่ยวหลินพูดความจริงเขาต้องไม่อยู่นิ่งแน่
อวี้อี่มั่วดื่มเบียร์อย่างใจเย็น และพูดขึ้นนิ่งๆว่า ” อือ ทันทีที่กลับบ้านเธอก็โทรหาฮั่วชวนทันที ทางด้านตู้เยี่ยก็จับพิรุธได้หลายอย่าง สามารถยืนยันได้ว่าคนที่ขับรถชนคนคือเธอจริงๆ ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หร่วนซือซือก็รู้สึกงุนงง
แม้ว่าเธอจะสงสัยในตัวเย่หว่านเอ๋อแต่แรกอยู่แล้ว แต่วินาทีที่ได้รู้ความจริง เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า
ถ้าเป็นไปตามที่อวี้อี่มั่วพูดจริงๆ แสดงว่าก็มีหลักฐานมากพอที่จะส่งตัวเย่หว่านเอ๋อให้ตำรวจ เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้เสี้ยวเสี่ยวหลิน และอธิบายให้อันอันฟังได้
เธอรีบพูดขึ้นว่า ” แล้วหลักฐานล่ะ? ส่งมอบให้ตำรวจรึยัง? ”
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเขาจริงจัง เขาชะงักไปสักพักก่อนจะพูดขึ้นนิ่งๆว่า ” ยัง ”
เมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของเขา หร่วนซือซือก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆและถามขึ้นว่า ” เพราะอะไร? ”
อวี้อี่มั่ววางขวดเบียร์ในมือลงพร้อมกับพูดขึ้นนิ่งๆ ” ที่ฉันหย่ากับเย่หว่านเอ๋อก็ถือว่าเป็นการลงโทษเธอเพียงพอแล้ว ส่วนหลังจากนี้จะจัดการยังไง รอให้ซ่งอวิ้นอันฟื้นขึ้นมาก่อนแล้วให้เธอเป็นคนตัดสินใจเอาเอง ”
หร่วนซือซือถึงกับตกใจ แต่ก็เข้าใจความหมายของเขาในทันที ” แสดงว่า คุณจะไม่ส่งมอบหลักฐานพวกนั้นให้ตำรวจสินะ? ”
อวี้อี่มั่วหันมามองเธอด้วยสายตานิ่งๆ ” รอให้ซ่งอวิ้นอันฟื้นขึ้นมาแล้วให้เธอเป็นคนตัดสินใจเอง ”
” ไม่! ” หร่วนซือซือรีบส่ายหน้า ” ฉันเสียทั้งแรงกายแรงใจมากขนาดนี้ก็เพื่อต้องการทวงคืนความยุติธรรมให้อันอัน ตอนนี้เหลืออีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น อวี้อี่มั่ว คุณใจอ่อนใช่ไหม? ”
อวี้อี่มั่วนิ่งเงียบไม่ยอมพูดยอมจา
หร่วนซือซือรู้สึกผิดหวัง เธอถามขึ้นอีกรอบ ” คุณใจอ่อนจริงๆใช่ไหม? ”
” หลักฐานพวกนั้นฉันจะส่งมอบให้ตำรวจแน่นอนแต่ไม่ใช่ตอนนี้ ” อวี้อี่มั่วพูดช้าๆชัดๆว่า ” ฉันพึ่งอย่ากับเธอ แล้วยังส่งมอบหลักฐานให้ตำรวจอีก ฉันเกรงว่าเธอจะทนรับความกดดันนี้ไม่ไหว ”
เย่หว่านเอ๋อเธอกีดข้อมือตัวเองเพื่อฆ่าตัวตายเพราะเรื่องการหย่า สถานการณ์ตอนนี้ก็แย่มากพอแล้ว
หร่วนซือซือได้ยินแบบนั้น สีหน้าเธอก็เย็นชาขึ้นเรื่อยๆ เธอมองหน้าผู้ชายตรงหน้า จากนั้นก็หัวเราะ ” อวี้อี่มั่ว ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง นี่คุณเล่นตลกกับฉันมาตั้งแต่แรกเลยใช่ไหม? ”
ตอนแรกเขาก็เป็นคนพูดขึ้นเองว่าจะร่วมมือกับเธอในการหาคนร้าย พอมาตอนนี้มีหลักฐานแล้วคนที่กลับคำก็เป็นเขาอีก
แววตาอวี้อี่มั่วจริงจังมาก เขาพูดทีละคำอย่างช้าๆชัดๆ ” รออีกหน่อย รอให้ซ่งอวิ้นอันฟื้นแล้วฉันจะส่งมอบหลักฐานพวกนี้ให้กับตำรวจเอง ”
ตอนนี้เธอพึ่งหย่ากับเย่หว่านเอ๋อ อีกทั้งเธอพึ่งเข้าโรงพยาบาลด้วย ถ้าส่งมอบหลักฐานให้ตำรวจตอนนี้ นับว่าเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับเธอ เขาเกรงว่าเย่หว่านเอ๋อจะรับไม่ได้
หร่วนซือซือแสยะยิ้ม แววตาของเธอเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย ” อวี้อี่มั่ว คุณนี่มันเป็นคนหน้าซื่อใจคดจริงๆ! ”
เธอทิ้งประโยคนี้ไว้ และเตรียมจะลุกเดินออกไปจากห้องนี้
พูดก็พูดเถอะ เธอโดนเขาหลอกใช้สินะ? ไม่น่าเชื่อใจเขาตั้งแต่แรกเลยจริงๆ!
หร่วนซือซือยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เธอเดินออกไปอย่างใจจดใจจ่อและไม่มีทีท่าจะหยุดเดินง่ายๆ แต่ทันทีที่เดินไปถึงหน้าประตู เธอก็เหยียบโดนน้ำที่อยู่บนพื้น ทำให้เธอลื่น ” เพี๊ยะ! ” และเธอก็ล้มลงพื้น
ทักใดนั้น เธอก็รู้สึกแสบร้อนบริเวณเข่า เธอเจ็บมากจนอ้าปากค้าง ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงฝีเท้าของคนหนึ่งเดินเข้ามา หลังจากนั้นมือใหญ่ที่แฝงไปด้วยความอบอื่นคู่หนึ่งก็ยื่นมาจับแขนเธอไว้
ความโกระของหร่วนซือซือเปลี่ยนเป็นความอับอายเข้ามาแทนที่ เธอทั้งอายและทั้งโมโห เธอสะบัดมือเขาออกอย่างไม่ต้องคิด ” อย่ามาแตะต้องตัวฉัน! ”
หลายวันมานี้ เธอไม่เคยได้นอนหลับอย่างเพียงพอเลยสักคืน ใจของเธอเอาแต่เป็นห่วงเรื่องของซ่งอวิ้นอัน กลัวว่าเธอจะไม่ฟื้นขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นกลัวว่าคนร้ายจะกลับมาทำร้ายเธอซ้ำอีก
คิดไม่ถึง เธออุตส่าห์หาตัวคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังมาได้ มีหลักฐานทุกอย่าง แต่กลับไม่สามารถทวงคืนความยุติธรรมให้ซ่งอวิ้นอันได้! คนร้ายต้องได้รับการลงโทษตามกฎหมาย!
หร่วนซือซือยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ เธอรู้สึกเสียใจ และน้ำตาเธอก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
อวี้อี่มั่วที่ยืนอยู่ข้างๆ พอเห็นหญิงสาวที่นั่งอยู่บนพื้นร้องไห้สะอึกสะอื้น ในใจของเขาก็เหมือนมีบางอย่างหล่นลงมากดทับไว้จนรู้สึกแทบจะหายใจไม่ออก
เธอรออย่างเงียบๆ รอให้เธอค่อยๆดีขึ้นก่อน จากนั้นเขาค่อยเดินเข้าไปโน้มตัวลงและอุ้มเธอขึ้นมาจากพื้นทันที
หร่วนซือซือเป็นเหมือนนกน้อยที่ตกใจ เธอพยายามดิ้น และผลักเขาออก
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วและพูดอย่างเคร่งครึมว่า ” อย่าดิ้น เดี๋ยวแผลฉีกนะ! ”
คำพูดของชายหนุ่มเหมือนมีเวทมนตร์ หร่วนซือซือตัวแข็งทื่อและไม่ดิ้นอีกเลยจริงๆ
อวี้อี่มั่วอุ้มเธอเดินมาที่โซฟาและวางเธอลง จากนั้นก็ไปหยิบกล่องยา และรีบทำแผลให้เธออย่างรวดเร็ว
หร่วนซือซือเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่กำลังทำแผลให้เธออย่างระมัดระวัง แต่ความรู้สึกโกรธที่มีอยู่ไม่ได้หายไปไหนเลยแม้แต่น้อย เธอโมโหนิดหน่อย เธอเลยพูดขึ้นอย่างประชดประชันว่า ” อวี้อี่มั่ว คุณเจ้าเล่ห์กว่าเมื่อก่อนนะ ความสามารถในการกลับคำพูดของคุณช่างน่าประทับใจจริงๆ ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ชายหนุ่มยังคงทำแผลต่อไปและพูดขึ้นนิ่งๆว่า ” ฉันยอมรับ ”
หร่วนซือซือยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก ราวกับว่าเธอออกมัดต่อยไปที่ก้อนปุยฝ้ายนุ่มๆโดยไม่มีผลลัพธ์ใดๆเกิดขึ้น เธอโมโหจะตายอยูแล้ว แต่เขากลับลอยในอากาศอย่างสบายใจ!
เธอกัดฟันและพูดขึ้นอย่างโมโหขั้นสุด ” คุณหลอกใช้ฉันตั้งแต่ต้น คุณไม่เคยคิดจะช่วยฉันจริงๆสักครั้งเลยใช่ไหม? ”
” ไม่ใช่ ”
อวี้อี่มั่วพันผ้าพันแผลให้เสร็จ และพูดขึ้นโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองเลยแม้แต่น้อย ” ถ้าฉันต้องการจะปกป้องเย่หว่านเอ๋อ
จริงๆ ฉันคงไม่ร่วมมือกับเธอในการไปสืบหาความจริงหรอก ฉันก็แค่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ถามและไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวไม่ดีกว่าหรอ? ”
หร่วนซือซือพูดไม่ออก
ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าอวี้อี่มั่วต้องการปกป้องเย่หว่านเอ๋อจริงๆ เขาคงไม่ร่วมมือกับเธอแต่แรก
ในเมื่อเป็นแบบนั้น แล้วทำไมเขามีหลักฐานแต่กลับไม่ส่งมอบให้ตำรวจล่ะ?
เธอขมวดคิ้ว ” แล้วคุณจะทำยังไงต่อไปกันแน่? ”
ทำแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว อวี้อี่มั่วค่อยเก็บของเข้าไปในกล่องยา จากนั้นก็เงยหน้ามองเธอ ” หร่วนซือซือ เธอสบายใจได้ ฉันจะทวงคืนความยุติธรรมให้เธอและซ่งอวิ้นอันแน่นอน ”
เขาพูดขึ้นและชะงักไปชั่วครู่ หลังจากนั้นก็พูดขึ้นอีกว่า ” ขอแค่เธอจำไว้ ว่าฉันเข้าข้างเธอก็พอแล้ว ”
ในวินาทีนั้น ดวงตาเขาเป็นประกายราวกับดวงดาว ที่เปล่งประกายออกมาและเข้าไปในส่วนลึกในใจเธออย่างรวดเร็ว ทำให้เธอพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
หัวใจเธอเต้นแรง แก้มของเธอก็ร้อนขึ้นมาทันทีอย่างควบคุมไม่ได้
เขาบอกว่าเขาเข้าข้างเธอ เชื่อได้ไหม?
สมองประมวลผลอย่างรวดเร็ว ไม่นาน เธอก็ดึงสติกลับมาและสงบสติอารมณ์ตัวเองพร้อมกับละสายตาไปมองทางอื่น จากนั้นสูดหายใจเข้าลึกๆ ” ฉันไม่เชื่อ ”
ทันทีที่เธอพูดประโยคนี้ออกมา เธอก็ทำท่าจะเดินออกจากห้องไปอย่างไม่สนใจความเจ็บที่เขา
กลัวว่าเมื่อจ้องตาคู่นั้นของเขาแล้วเธอจะหวั่นไหว เธอกลัวว่าจะอดใจไม่ไหวและเชื่อใจเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่พอเธอสงบสติอารมณ์ได้ มันก็จะมีเสียงหนึ่งดังขึ้นว่าพวกเขาไม่ใช่คนที่อยู่ในโลกเดียวกัน
เธอเดินไปเธอหน้าประตูห้อง มือเธอข้างๆก็เริ่มกำหมัดแน่น เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ และหันไปมองอวี้อี่มั่ว จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างช้าๆชัดๆ ” อวี้อี่มั่ว คุณไม่ให้หลักฐานกับฉันก็ไม่เป็นไร ฉันจะใช้วิธีของตัวเองเพื่อทำให้คนผิดมนรับโทษให้ได้ ”
เธอทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้ และเธอก็ปิดประตูสุดแรงและเดินออกจากอพาร์ทเม้นต์ไปโดยไม่รอให้เขาตอบ