เฉียวเหวยอีไม่ได้ตอบอะไร เธอนั่งลงตรงข้ามฟู่หย่วนซานอย่างเชื่อฟัง
“พี่สาว กินนี่สิ ! ” ซุ่ยซุ่ยยิ้มและยื่นเค้กถั่วเขียวให้เฉียวเหวยอี เฉียวเหวยอีชอบทานขนมหวาน ลี่เย่ถิงเคยบอกไว้
ซุ่ยซุ่ยรู้สึกพอใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นเฉียวเหวยอีเดินลงบันไดในตอนเช้าและรับประทานอาหารเช้ากับเขา
“ซุ่ยซุ่ยชอบเธอมาก และติดเธอมากนะ” ฟู่หย่วนซานตักข้าวป้อนซุ่ยซุ่ยพลางพูดเสียงต่ำ
เฉียวเหวยอีมองไปที่ฟู่หย่วนซาน เธอโตขนาดนี้แล้วในใจกลับยังรู้สึกกลัวเขาอยู่ดี ยังไงซะเขาก็คือฟู่หย่วนซานคนเดิม
ไม่ใช่เพียงเพราะเขาไม่น่ากลัว แต่เป็นเพราะลี่เย่ถิงเคารพเขาเป็นอย่างมาก เมื่อตอนยังเด็กเธอรู้สึกกลัวทุกครั้งที่พบกับฟู่หย่วนซาน
ฟู่หย่วนซานน่าจะอายุแปดสิบต้นๆ ในปีนี้ ผมของเขาหงอกกว่าเดิม และเขาก็ดูใจดีขึ้น
“ฉันก็ชอบซุ่ยซุ่ยเหมือนกันค่ะ” เธอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
“ชอบก็ดี” น้ำเสียงของฟู่หย่วนซานค่อนข้างอธิบายไม่ได้
ฟู่หย่วนซานมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด เฉียวเหวยอีทานข้าวไปได้สองสามคำ จากนั้นวางช้อนลงและพูดว่า “ฉันอิ่มแล้ว ฉันต้องไปที่กองถ่ายแล้วค่ะ”
“ทานแค่นี้เองเหรอ ?” ฟู่หย่วนซานเหลือบมองที่ชามของเธอ
เฉียวเหวยอีจำได้ว่าฟู่หย่วนซานมีกฎว่าเธอไม่สามารถกินเต็ม 80% ดังนั้นเธอจึงกินน้อยลงโดยไม่รู้ตัว
เธอพยักหน้าทันทีและตอบว่า “ใช่ค่ะ”
ฟู่หย่วนซานวางช้อนลงแล้วชนกับชามจนเกิดเสียงดัง
เฉียวเหวยอีคิดว่าเธอทำผิดกฎ เธอชะงักและมองมาที่เขา
“แม้ว่าเธอต้องการที่จะดูดีในกล้อง เธอก็ไม่ควรทานอาหารน้อยขนาดนี้นะ เดี๋ยวจะไม่มีแรงอุ้มเด็กเอา !” ฟู่หย่วนซานทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดว่า “ใครบอกว่าผอมแล้วจะดูดี ?”
แม้ว่าเฉียวเหวยอีจะไม่ผอมเกินไป แต่ฟู่หย่วนซานก็ยังรู้สึกไม่พอใจเมื่อเห็นข้อมือเล็กๆ ของเธอบางจนเธอไม่สามารถจับตะเกียบได้
แม้ว่าน้ำเสียงของคำพูดจะเข้มงวด แต่เฉียวเหวยอีดูออกว่าเขากำลังเป็นกังวล
อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีปัญหาที่เธอจะอุ้มซุ่ยซุ่ยที่อายุห้าขวบหรอก
อู๋โยวที่ยืนอยู่ด้านข้างเหลือบมองพวกเขาสองสามครั้งแล้วกล่าวว่า “ผู้อาวุโสครับ เค้กนี่มีปริมาณน้ำตาลสูงจนเกินไป หนึ่งชั้นให้พลังงานเท่ากับข้าวหนึ่งจาน หากทานเยอะจนเกินไปจะอ้วนได้ครับ”
ฟู่หย่วนซานเหลือบมองที่โต๊ะ เพราะซุ่ซุ่ยชอบกินขนมส่วนใหญ่ที่เขาเตรียมในตอนเช้า
“กินเสี่ยวหลงเปาอีกชิ้นหนึ่งสิ” เขาขมวดคิ้วและพูดกับเฉียวเหวยอีอย่างเคร่งขรึม
ด้วยน้ำเสียงที่สั่งการ
เฉียวเหวยอีคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะทำตามอยู่เชื่อฟัง
ฟู่หย่วนซานเห็นว่าเธอกินเสร็จแล้ว เขาพูดอย่างพอใจว่า “ไปเถอะ”
เฉียวเหวยอียังไม่ทันได้สวมเสื้อคลุม ซุ่ยซุ่ยที่อยู่ในอ้อนแขนของฟู่หย่วนซานก็โวยวายขึ้น พลางเอื้อมมือออกไปหาเธอ “พี่สาว พี่สาว !”
เฉียวเหวยอีเห็นว่าเขาตั้งใจจะขอหอมแก้ม แต่ฟู่หย่วนซานกำลังมองอยู่ ทำให้เธอรู้สึกเขินอายเป็นอย่างมาก
เขากระแอมเบา ๆ และยื่นซุ่ยซุ่ยให้กับอู๋โยวพลางกล่าวว่า “เขาอยากไปส่งเธอ พาเขาไปสิ”
ซุ่ยซุ่ยทำหน้าตาพึงพอใจ อู๋โยวพาเขาไปส่งเฉียวเหวยอี และหอมแก้มเธอผ่านหน้าต่างรถ
“พี่สาวกลับมาคืนนี้นะ” ซุ่ยซุ่ยพูด
กองถ่ายและเขตการทหารอยู่คนละทิศทางของเมือง ห่างกันเกือบร้อยกิโลเมตร
สิ่งที่เฉียวเหวยอีต้องทำคือตื่นนอนตอนตีสี่หรือตีห้า หากรถติดอาจต้องใช้เวลาสองหรือสามชั่วโมงในการไปกลับ หากจะต้องตื่นเช้ากว่านี้ก็คงไม่ตอนนอนดีกว่า
“ไม่ใช่วันนี้หรอก” เฉียวเหวยอีตอบ
ซุ่ยซุ่ยเบะปากอย่างเศร้า ๆ
“ถ้าพี่ว่างจะรีบโทรหานะ” เฉียวเหวยอีใจอ่อน ลังเลอยู่ไม่กี่วินาทีแล้วจึงตอบเขาเบา ๆ
ซุ่ยซุ่ยพยักหน้าน้อย ๆ อย่างไม่เต็มใจ