ลี่เย่ถิงเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองไปยังบอดี้การ์ด
บอดี้การ์ดพูดกับลี่เย่ถิงอย่างตะกุกตะกักว่า “คุณหนู เธอ… เธอมีบางอย่างผิดปกติ! คนที่อยู่ในกองถ่ายและถังหยวนเป่าได้ตามหาเธอจนทั่วแล้ว พบแต่กระเป๋าของคุณผู้หญิงเท่านั้นครับ !”
ลี่เย่ถิงตกตะลึงและลุกขึ้นยืนทันที “นายว่าอะไรนะ !”
“ถังหยวนเป่าขาดการติดต่อกับคุณหนูมาเกือบสองชั่วโมงแล้วครับ! ติดต่อหาเธอไม่ได้เลย ดังนั้นจีงรีบไปตามหาที่กองถ่าย แต่พบเพียงแค่กระเป๋าใบเล็กๆ ทางไปร้านชานม ! พื้นที่โดยรอบ…เต็มไปด้วยเลือดด้วยครับ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…คนชั่วต้องชดใช้…” ก่อนที่ลี่เย่ถิงจะตอบอะไร เฉียวอีเหรินก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “สมน้ำหน้ามัน !”
ลี่เย่ถิงที่กำลังจะออกไป เมื่อได้ยินคำพูดเยาะเย้ยของเฉียวอีเหรินและเสียงหัวเราะที่น่าสะพรึงกลัวของเธอ เขาก็สังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติ
เขาหยุดกะทันหัน หันกลับมา เดินกลับมาหาเฉียวอีเหรินและคว้าคอเธออีกครั้ง
“เธอรู้ใช่ไหมว่าใครเป็นคนทำ !”
“ไม่รู้” เฉียวอีเหรินหยุดหัวเราะ ส่ายหัวแล้วตอบเบาๆ “บางทีเธออาจจะไม่อยากแต่งงานกับคุณก็ได้ หรือบางที…เธอกับกู้หลิงเฟิงจะจากไปหลังจากสมรู้ร่วมคิดกันล่ะมั้ง ?”
“เธอไม่สนใจคุณเลย ลี่เย่ถิง ตื่นได้แล้ว”
สัมผัสที่หกของลี่เย่ถิงบอกเขาว่าพฤติกรรมผิดปกติของเฉียวอีเหรินในตอนนี้ต้องเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเฉียวเหวยอีอย่างแน่นอน !
“ฟังฉันให้ดีนะ เฉียวอีเหริน !” ดวงตาของลี่เย่ถิงกลายเป็นสีแดงสดทันที “หากเฉียวเหวยอีเป็นอะไรไปละก็…ฉันจะฝังพวกตระกูลเฉียวทั้งหมดไปด้วย !!!”
…
เฉียวเหวยอีเพิ่งฟื้นขึ้นจากอาการปวดหัวอย่างรุนแรง
รอบตัวมีเพียงแสงไฟสลัว ๆ
เธอพยายามพยุงตัวเองและลุกขึ้นนั่ง แต่เธอได้ยินเสียงบางอย่างเมื่อเธอถอยเท้า
ในตอนกลางคืน มีโซ่พันรอบข้อเท้าของเธอ ผูกติดกับปลายเตียงตรงที่เธออยู่ โซ่นั้นสั้นมาก ระยะการเคลื่อนที่อาจอยู่ในระยะหนึ่งหรือสองเมตรเท่านั้น
เธอจับด้านหลังศีรษะของเธอและสัมผัสเบา ๆ บาดแผลคงจะไม่รุนแรงนักและอาการบาดเจ็บภายในก็ไม่ใช่น้อย อาจมาจากการกระทบกระเทือน
เธอไม่รู้ว่ามันเกิดจากอาการบาดเจ็บที่สมองหรือสาเหตุอื่น ๆ เธอแค่รู้สึกว่าร่างกายของเธอไม่สามารถอดทนต่อความเจ็บปวดได้
เธอมองไปรอบ ๆ แสงจันทร์จากด้านนอกสาดส่องเข้ามา เธออยู่ในห้องเล็ก ๆ แต่นอกเหนือจากเตียงแล้ว มีเพียงเปียโนที่ริมหน้าต่าง
เธอพยายามดึงโซ่ลงอย่างแรงเพื่อดูว่ามีความเป็นไปได้ที่จะหักหรือไม่
น้ำหนักของเปียโนและเตียงกดทับโซ่ พูดได้เลยว่าแทบไม่ขยับแม้แต่น้อย
ในเวลาเดียวกัน มีคนนอกประตูดูเหมือนจะได้ยินการเคลื่อนไหว มีคนเดินมาหยุดที่ประตู และค่อยๆ ปลดล็อกประตู
เฉียวเหวยอีหยุด หันศีรษะและมองไปทางประตู
แสงไฟสว่างอยู่ที่ทางเดินด้านนอกประตู และคนที่เปิดประตูด้วยแสงด้านหลังของเขา มองมาที่เธออย่างเงียบๆ
ใบหน้าที่น่าอึดอัดใจนั้นทำให้เฉียวเหวยอีสามารถจดจำได้อย่างรวดเร็ว เขาคือเซียวเซิ่ง
ช่วงเวลาที่เซียวเซิ่งและเธอมองหน้ากัน ดวงตาที่ซับซ้อนก็เปล่งประกายด้วยความยินดีของความบ้าคลั่งและการแก้แค้น
“คุณเฉียว เจอกันอีกแล้วนะ”
เสียงของชายผู้นั้นเบาและพูดไม่ชัด และหากไม่ฟังให้ดี จะไม่สามารถได้ยินสิ่งที่เขากำลังพูดได้เลย เหมือนกับการเคี้ยวอะไรบางอย่างอยู่ในปาก
เฉียวเหวยอีตกตะลึง และทันใดนั้นก็ตระหนักถึงสิ่งเลวร้าย ลิ้นของเซียวเซิ่ง…
หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งล่าสุด เฉียวเหวยอีไม่เคยเจอกับเซียวเซิ่งอีกเลย ดูเหมือนว่าเขาจะหายตัวไปและพักฟื้นที่บ้าน
เซียวเซิ่งเห็นเฉียวเหวยอีจ้องมองมาที่เขา เขารู้สึกว่านั่นคือสายตาดูถูก เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย และประกายวาบอย่างรุนแรงภายใต้ดวงตาของเขา
เธอตกเป็นเชลยของเขาแล้ว ยังกล้าเย่อหยิ่งอยู่อีกงั้นเหรอ ?!