“ไม่เป็นไร”เฉียวเหวยอีรับถ้วยกับตะเกียบมาจากลู่เจ๋อ พูดตอบเสียงเบา
ชะงักไปเล็กน้อย ย้อนถามกลับ“คุณมากินที่นี่บ่อย?”
“ก็ไม่บ่อยมาก เวลาที่ไม่ยุ่ง ไม่รู้ว่าตอนเย็นจะกินอะไรก็มาที่นี่ ไม่ไกลจากที่ฉันอยู่ สะดวก”ลู่เจ๋อพูดอธิบาย
“ห้องที่คุณพักก็อยู่ใกล้สถานีตำรวจ?”เฉียวเหวยอีถามเขา
“ใช่สิ สะดวก”ลู่เจ๋อพยักหน้าตอบ
ลู่เจ๋อกับลี่เย่ถิงไม่เหมือนกัน เฉียวเหวยอีไม่เคยเห็นลี่เย่ถิงกินของเหล่านี้ แม้แต่พาซุ่ยซุ่ยลูกของเขามาก็ไม่ให้กิน
ความจริงเฉียวเหวยอีก็ไม่ค่อยจะเข้าใจลู่เจ๋อมาก เพียงแค่รู้ว่าหลังจากที่เขาทำงาน ดูเหมือนจะพักอยู่คนเดียวมาตลอด แม่ของลู่เจ๋อมักจะบ่นอยู่บ่อยๆ หนึ่งปีก็ไม่เห็นลู่เจ๋อกลับบ้าน มีลูกคนนี้ก็เหมือนไม่มี
เฉียวเหวยอีคิดว่าลู่เจ๋อต้องยุ่งมากแน่นอน ก็ยิ่งรีบกินอย่างรวดเร็ว
ลู่เจ๋อเห็นใบหน้าเธอเปื้อนพริก อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ“บนหน้าเธอ…”
เวลาที่พูด ส่งทิชชูไปที่ตรงแก้มเฉียวเหวยอีโดยไม่รู้ตัว
เฉียวเหวยอีก้มหน้ากิน ไม่ได้สนใจการกระทำของลู่เจ๋อ ยื่นมือรับทิชชู เช็ดด้วยตัวเอง
กินของสองสามคำ ก็เงยหน้าขึ้นถามลู่เจ๋อ“พี่ลู่คุณมาหาฉันเพื่อจะถามเรื่องคดีนั้นใช่ไหม?”
เวลาที่พูดก็เงยหน้าขึ้น ลู่เจ๋อก็มองเธออยู่พอดี ทั้งสองคนสบตากัน
“ใช่”ลู่เจ๋อชะงักไปเล็กน้อย พูดตอบเสียงต่ำ
ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไฟข้างนอกค่อนข้างจะมืดรึเปล่า เฉียวเหวยอีรู้สึกว่าสายตาที่ลู่เจ๋อมองตัวเอง ลึกซึ้งอย่างอธิบายไม่ถูก
เธอชะงักไปเล็กน้อย เพิ่งจะดึงสายตากลับ ลู่เจ๋อยกมือขึ้น ชี้ที่แก้มของตัวเอง พูดกับเธอ“ด้านนี้ยังเช็ดไม่สะอาด”
“……”เฉียวเหวยอีรู้สึกเขิน ก็เช็ดอย่างละเอียดหลายครั้งทันที
ลู่เจ๋อมักจะคิดว่าเฉียวเหวยอียังไม่โต มัดผมหางม้า ยังเหมือนตอนที่เธอยังเป็นเด็กเมื่อหลายปีก่อน ไม่ได้เปลี่ยนไปเยอะ
กินของจนถึงแก้ม ก็น่ารักดี
เฉียวเหวยอีนำทิชชูทิ้งลงถังขยะด้านข้าง ค่อยๆมองลู่เจ๋อ ลู่เจ๋อก้มหน้ากินของ ไม่ได้มองเธอ
เขากลัวว่าตัวเองไม่ระมัดระวังสายตาจะเปิดเผยออกมา จะทำให้เธอตกใจ
และ คืนนี้ให้เธอออกมา ความจริงก็ไม่มีเรื่องอะไรมาก เพียงแต่ลี่เย่ถิงตอนบ่ายโทรศัพท์มาหาเขา พูดว่าเฉียวเหวยอีอยู่คนเดียว เขาไม่รู้ว่าจะได้กลับประเทศเมื่อไหร่ ให้เขาช่วยดูให้หน่อย
ลี่เย่ถิงคิดว่าเรื่องลอบฆ่าเขายังไม่ตรวจสอบได้ชัดเจน ก็ค่อนข้างอันตราย
ลู่เจ๋อเพิ่งจะทำงานในมือเสร็จ เห็นด้านนอกมืดแล้ว คิดว่าเฉียวเหวยอียังไม่ได้กินข้าวเย็น ก็จับพลัดจับผลูโทรศัพท์หาเธอ
“ยังเป็นเรื่องคำให้การของเฉียวอีเหริน”ลู่เจ๋อพูดเสียงต่ำกับเฉียวเหวยอี“คำให้การของเธอไม่ตรงกับของคนอื่น ดังนั้นทางด้านฉันต้องสอบปากคำพยานใหม่”
เฉียวเหวยอีกินของอยู่ก็ชะงักทันที พูดย้อนถามเสียงเรียบเฉย“ใช่เหรอ?”
ในการคาดหมายของเธอ คนอื่นคงจะไม่ช่วยเฉียวอีเหรินพูดโกหก คำให้การของคนคนที่ช่วยกับคนสองคนคำให้การไม่ตรงกัน สองคนนั้นต้องพูดโกหกแน่นอน
คิดไปคิดมา มีแค่เธอกับเฉียวเหวยอีที่ตรงกัน
“ถ้าหากว่าเธอเปลี่ยนความคิด อีกเดี๋ยวไปสถานีตำรวจกับฉัน”ลู่เจ๋อพูดตอบเธอ
เฉียวเหวยอีกับลี่เย่ถิงออกนอกประเทศด้วยกันสองสามวัน ลี่เย่ถิงน่าจะเกลี้ยกล่อมเธอได้แล้ว
เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้น สายตาตกอยู่บนคอของเฉียวเหวยอี เห็นรอยจูบสีแดงจางๆ เขาก็คิดว่า ลี่เย่ถิงต่ำช้าจริงๆ