หนิงเส่าเฉินจับมือเธอไว้ ไม่ได้พูดอะไร
แบบนี้ เย่หลินก็เข้าใจแล้ว ว่านี่เป็นสิ่งที่หนิงเส่าเฉินยินยอม
“งานแต่ง คุณมีความคิดเห็นอะไรไหม? อย่างเช่นสไตล์จีนหรือสไตล์ตะวันตก?”ระหว่างที่รอเวลา หนิงเส่าเฉินก็ถามความคิดเห็นของเย่หลิน
สไตล์จีนหรือสไตล์ตะวันตก?
“อืม สไตล์จีนและสไตล์ตะวันตกต่างก็มีข้อดีของมัน ไม่เป็นไร ฉันได้หมด ขอแค่เจ้าบ่าวคือคุณ ก็โอเค” พูดจบ เธอพิงไหล่หนิงเส่าเฉิน “เส่าเฉิน หลังจากจัดงานแต่งแล้ว ฉันจะลองไปตรวจร่างกายดู”
“เป็นอะไร? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
“โธ่ ฉัน……ฉันเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าอยากคลอดอีกคน คลอดลูกให้คุณตั้งสองคนแล้ว เสียเปรียบให้คุณตลอดเลย ยังไงก็ตาม ฉันจะต้องให้คุณดูแลฉันบ้าง”
หนิงเส่าเฉินกอดเอวเธอไว้ และรัดแน่นขึ้น เขาฝืนเก็บความเจ็บปวดไว้ในใจ “เย่หลิน เราไปตรวจร่างกายกันก็ได้ แต่ลูกไม่คลอดแล้วได้ไหม พวกเราก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามนั้นเลยได้ไหม?”
พูดจบ เขาก็มองเย่หลินอย่างเป็นกังวล
เย่หลินสูดหายใจเข้า “ดูคุณกังวลเข้าสิ คุณกลัวจะต้องดูแลฉันขนาดนั้นเลย? ที่จริงฉันก็คิดแบบนั้น ยังไงซะ ก็มีเสี่ยวซีกับเสียวโม่แล้ว ถ้าหากว่าสามารถคลอดได้ ก็มีอีกคน ไม่ได้ ก็ไม่ได้เสียใจอะไร”
ขณะนั้นเอง ก็มีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบเดินเข้ามา “หนิงเส่า ถึงคิวของคุณกับนายหญิงแล้ว ตามผมมาเลยครับ”
กรอกแบบฟอร์ม ถ่ายรูป ลงทะเบียน……
ขณะที่ถือหนังสือสีแดงสองเล่มนั้น เย่หลินอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตา สิ่งที่พวกเขาพบเจอตลอดทางที่เดินมา มีแต่พวกเขาเท่านั้นที่เข้าใจ ว่ามันไม่ง่ายเลย
“ไม่ต้องร้องแล้ว คนอื่นที่ไม่รู้ คงคิดว่าผมบังคับคุณมา”หาได้ยากที่หนิงเส่าเฉินจะพูดเล่น เย่หลินบีบที่เอวเขา “ตาบ้า”
ออกจากสำนักงานฝ่ายพลเรือนแล้ว เย่หลินก็หยุดเดินกะทันหัน มองหนิงเส่าเฉิน “คุณ……พาฉันไปที่ที่หนึ่งได้ไหม?”
หนิงเส่าเฉินพยักหน้า “ที่ไหน?”
“ฉันอยากไปดูเกาเหวิน”
กับผู้หญิงคนนี้ ลูกสาวของลุงตัวเองคนนี้ เย่หลินมีความรู้สึกที่ซับซ้อนมาก
“คุณจะไปดูเธอทำไม?”สีหน้าของหนิงเส่าเฉินไม่ค่อยดี เห็นได้ชัด ว่าเขาไม่มีความรู้สึกอะไรต่อเกาเหวินอีกแล้ว
“ไม่ว่าจะยังไง ที่เราสามารถอยู่ด้วยกันได้ ก็เป็นเพราะเธอ นี่ก็จดทะเบียนสมรสกันแล้ว ไม่ควรจะไปขอบคุณกันหน่อยเหรอ? อีกอย่าง ยังมีเรื่องบางเรื่อง ที่ฉันอยากให้เธอเข้าใจ”
หนิงเส่าเฉินเข้าใจแล้วว่าในใจเธอกำลังคิดอะไรอยู่ “โอเค ผมไปเป็นเพื่อนคุณ”
เย่หลินเคยคิดภาพเหตุการณ์หลายอย่างที่จะเจอกับเกาเหวินอีกครั้ง แต่กลับไม่เคยคิดว่าจะเป็นอย่างภาพที่อยู่ตรงหน้า
ผมที่แต่เดิมยาวถูกตัดเป็นทรงslick back และมีแผลเป็นน่าเกลียดอยู่ทางด้านขวาของใบหน้า รอยคล้ำใต้ตา ผิวคล้ำเหลือง และสวมใส่ชุดนักโทษ ถ้าไม่ใช่เพราะใบหน้านั้นยังเห็นลักษณะของเธอได้เลือนลาง เย่หลินก็คงไม่เชื่อว่านี่จะเป็นเกาเหวินที่ยโสโอหังคนนั้น
เกาเหวินมองผู้หญิงตรงหน้า ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ด้วยความประหลาดใจ
“เธอ……เฉินเป้ยอี?”
ก่อนจะมาที่นี่ เย่หลินตั้งใจกลับบ้านไปเปลี่ยนโฉมให้กลายเป็นเฉินเป้ยอี ความทุกข์ทรมานที่ได้รับตอนนั้น ยังไงวันนี้ก็ต้องได้เห็นผลกัน
ระหว่างทาง หนิงเส่าเฉินบอกกับเธอว่าเกาเหวินถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต ในข้อหาฆาตกรรมโดยเจตนาและอาชญากรรมอื่นๆอีกมากมาย
ตอนเข้าคุกแรกๆ เธอเคยจะใช้ช้อนฆ่าตัวตาย และเคยจะแขวนคอตาย แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว หลังจากนั้น เธอคงยอมรับชะตากรรม ไม่ได้พยายามอีก
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่รู้ว่าคนที่เธอเจตนาจะฆ่าคือเกาไห่ เย่หลินก็โกรธมาก เธอคิดไม่ถึงเลยว่า ตอนนั้นที่เกาไห่ตกหน้าผาจะเป็นผีมือของเกาเหวิน ถึงทั้งสองคนจะไม่ได้เป็นพี่น้องแท้ๆ แต่ยังไงก็อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี เธอไม่รู้จริงๆว่าใจของผู้หญิงคนนี้ทำจากอะไร ถึงได้ใจร้ายขนาดนี้ คิดถึงตรงนี้ เธอรู้สึกสงสารพี่ชายของตัวเอง อีกอย่าง ผู้หญิงคนนี้สติฟั่นเฟือนจะให้แม่ของตัวเองรับโทษแทน ทำให้แม่ของเธอต้องฆ่าตัวตายในคุก
คิดถึงตรงนี้ เธอยิ่งเห็นว่าควรพิพากษาให้รับโทษทัณฑ์ทรมานด้วยซ้ำ
“สวัสดี คุณหนูเกา ไม่เจอกันนานเลยนะ”
เกาเหวินมองหนิงเส่าเฉินโอบเอวเธอ ก็หัวเราะขึ้นมาเสียงดัง “ดูเหมือนว่าทั้งฉันและคนนามสกุลเย่คนนั้นจะเป็นผู้แพ้นะ หนิงเส่าเฉิน คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคุณจะหลายใจขนาดนี้ ”
เย่หลินยิ้ม หยิบหนังสือเล่มสีแดงออกมาจากกระเป๋า คลี่ออก ให้เกาเหวินดู
“คุณหนูเกา ดูสิ ว่านี่คืออะไร?”
เกาเหวินพึมพำเสียงเย็น “ทะเบียนสมรส?”
“คุณหนูเกาไม่ลองดูดีๆล่ะ ว่านี่เป็นทะเบียนสมรสของใคร”
เมื่อเธอพูดจบ สีหน้าของเกาเหวินก็เปลี่ยนไป เอาหน้าเข้ามาใกล้ เห็นว่าข้างบนนั้นคือเย่หลินกับหนิงเส่าเฉิน ก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ “นี่มันหมายความว่าอะไร?”
เย่หลินเก็บทะเบียนสมรส จากนั้น เธอก็ถามเกาเหวิน “คุณหนูเกา ไม่รู้ว่าคุณเคยสงสัยไหม ว่าทำไมตอนนั้น หน้ากากปลอมๆของคุณ ถูกเกาไห่มองทะลุปรุโปร่งแล้ว แต่ทำไมหลังจากที่เกาไห่มองออก ก็ยังคงพาคุณเข้าตระกูลหนิงเหมือนเดิม เรื่องนี้ คุณอยากรู้ไหม?”
เกาเหวินพูดด้วยความโกรธอย่างหยุดไม่อยู่ “หรือว่าเป็นเธอ? เธออยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ใช่ไหม?”
เย่หลินยิ้ม “ไม่ ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นเพราะโลกนี้ไม่มีเฉินเป้ยอีจริงๆ แล้วจะไปมีน้องสาวเฉินอีอีของเธอได้ยังไงล่ะ? ”
“หมายความว่ายังไง?”
เย่หลินหยิบที่เช็ดเครื่องสำอางที่เตรียมไว้ออกมา ใช้สำลีเช็ดใบหน้าสักพัก แล้วใช้ทิชชูซับน้ำบนหน้าให้แห้ง จากนั้น ก็เผยให้เห็นใบหน้าที่สง่างาม
เกาเหวินอ้าปากค้างอยู่นาน จากนั้น เธอก็หัวเราะดังขึ้น หัวเราะจนสุดท้ายกลายเป็นเสียงร้องไห้ “ที่แท้มันเป็นแบบนี้นี่เอง เป็นแบบนี้นี่เอง……ที่แท้ ฉันเป็นคนโง่มาตั้งแต่แรก คนโง่”
“หนิงเส่าเฉิน คนเนรคุณ ต่อให้คุณไม่ได้ชอบฉันก็เถอะ แต่ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้ ไม่ว่าฉันจะเลวกับใครก็ตาม แต่ฉันสาบานได้ ว่ากับคุณ ฉันทำเพราะรักทั้งนั้น แต่คุณกลับร่วมมือกับคนอื่นมาหลอกฉัน ”เธอตะโกนใส่หนิงเส่าเฉิน
หนิงเส่าเฉินที่ไม่ได้เอ่ยปากพูดเลยก้มหน้าลงสบสายตากับเย่หลิน ถึงเงยหน้าขึ้นมองเกาเหวิน “ไม่เคยโกหกผม? เรื่องอื่นผมจะไม่พูดแล้ว เกาเหวิน สิบปีก่อน ใครเป็นคนช่วยผมไว้? ในใจคุณไม่รู้เหรอ? ผมจะบอกให้ ว่าเย่หลินเป็นคนที่ช่วยผม อีกอย่างเรื่องที่มีลูกไม่ได้ คุณเห็นผมเป็นคนโง่เหรอ?”
สีหน้าเกาเหวินซีดลง ตอนแรกเธอคิดว่าสามารถพึ่งพาเรื่องเก่าๆให้หนิงเส่าเฉินช่วยเธอ ตอนนี้ถึงได้รู้ว่า คนที่ส่งตัวเองเข้าคุกจริงๆแล้วก็คือผู้ชายคนนี้
“พวกแก……พวกแกรอก่อนเถอะ รอพ่อฉันกลับมา ฉันไม่ปล่อยพวกแกไปแน่ แม้ว่าฉันจะตาย ก็จะดึงพวกแกไปด้วย”ทันใดนั้น เกาเหวินก็นึกถึงพ่อที่หายตัวไป ในตาก็มีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
เย่หลินดึงให้หนิงเส่าเฉินลุกขึ้น “ไปเถอะ ”เรื่องที่อยู่ของพ่อเกา พวกเขารู้อยู่ในใจ ถูกคุณตาพาตัวไป คาดว่าชีวิตนี้คงไม่ได้ออกมาอีกแล้ว
“อย่าไปนะ……พวกแกได้ยินไหม……”
ผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังยังคงร้อง แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้หยุด