ณ วันหนึ่ง
“เสี่ยวหวู่ ทำไมตอนแรกคุณถึงมาชอบฉันขนาดนั้นล่ะ?”
สายตาชายคนนั้นค่อยๆเลื่อนขึ้นมาจากเอกสารบนโต๊ะ แล้วมองซูหย่า “เพราะกลัวว่าจะตกหลุมรัก”
มือที่ถือกาแฟของหญิงคนนั้นสั่นเล็กน้อย
“คุณพูดอะไร?”
ริมฝีปากชายคนนั้นเม้มเป็นเส้นตรง “ครั้งแรกที่เจอกัน คุณรวบผมทัดหูหกครั้ง กัดริมฝีปากเก้าครั้ง มองฉันสิบสองครั้ง”
ซูหย่าอ้าปากค้าง “คุณ……”
“คนสวยๆที่สามารถเป็นเพื่อนกับเล่อจยาได้ นิสัยก็น่าจะไม่ได้แย่ แต่คุณเป็นคนที่พวกเขาแนะนำให้ ฉันเลยไม่เต็มใจที่จะสนิทสนมด้วย”
นิสัยเซียวอู๋อันที่จริงเป็นคนคนเงียบ จึงไม่ค่อยพูดอย่างนี้กับเธอ
ฉะนั้นหลายปีมานี้ ซูหย่าคิดมาตลอดว่าตนเองตกหลุมรักเซียวอู๋ข้างเดียว เธอคิดแบบนี้มาตลอด บางเวลาเธอถึงขั้นคิดว่า เซียวอู๋เพียงแค่ซาบซึ้งในบุญคุณของเธอ ไม่ใช่ความรัก
ซูหย่าวางกาแฟลงบนโต๊ะ เดินเข้าไป กอดคอเซียวอู๋จากด้านหลัง “คุณ ทำไมคุณไม่เคยบอกสิ่งเหล่านี้กับฉันเลยล่ะ?”
เซียวอู๋ออกแรงเล็กน้อย ดึงซูหย่ามานั่งบนตัก
“กลัวว่าคุณจะอวดเก่งเกินไป”
“ไอ้บ้า”
เซียวอู๋จูบลงบนหน้าผากซูหย่า “อันที่จริงฉันก็แค่หาโอกาสมาได้”
พูดจบก็มองเธอ “คุณ ดึกขนาดนี้ไม่หลับไม่นอน มาหาฉันไม่ได้เพื่อจะฟังสิ่งเหล่านี้ใช่ไหม?”
“พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของพ่อ เรากลับไปที่บ้านกันไหม?”
“วันเกิดของพ่อ? เดือนที่แล้วไม่ใช่เหรอ? คุณมีพ่อกี่คนเนี่ย?” ชายคนนั้นพูดจบก็ยื่นมือไปจับเอวของเธอ
หญิงคนนั้นกดมือใหญ่ของเขาไว้ ออกแรงตีเล็กน้อย “คุณว่าฉันมีพ่อหลายคนเหรอ? พูดจบก็มองชายคนนั้นตาปริบๆ
เธอเห็นลูกกระเดือกชายคนนั้นกลิ้งขึ้นลง
โดยปกติแล้วที่เขาแสดงแบบนี้ มีแค่สองอย่างที่เป็นไปได้ คือหนึ่งมาจากกายภาพ อีกอันหนึ่งมาจากจิตใจ
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นอย่างหลัง
ตั้งแต่ทั้งสองคนแต่งงานกันอีกครั้ง เธอก็ไม่เคยไปที่ตระกูลเซียวเลย แน่นอนว่าเธอรู้เรื่องที่พ่อแม่ทิ้งเขาไปในตอนนั้น มันไม่เคยลบออกจากใจไปได้ ฉะนั้นปลายปีมานี้ เธอจึงไม่เคยบีบบังคับเขาเลย
แต่ว่า……
“เสี่ยวหย่า แม่รู้ว่าตอนนี้จะมาพูดคำนี้กับคุณ คุณจะลำบากใจเล็กน้อย แต่พ่อคุณเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย หมอบอกว่าอยู่ได้ไม่เกินสามเดือน ช่วงนี้เขาพูดถึงเซียวอู๋อยู่บ่อยๆ ถึงแม้ว่าฉันจะอยู่ด้วยกันกับเขามาตลอดชีวิต แต่ว่าแก่แล้ว ฉันก็มองออกว่าจิตใต้สำนึกของเขารู้สึกติดค้างกับเสี่ยวหวู่ แม่ก็เช่นกัน ตลอดชีวิตนี้รู้สึกผิดต่อลูกคนนี้มาก”
คำพูดของคุณนายเซียวดังก้องอยู่ในหูซูหย่า
“คุณอย่าบอกเสี่ยวหวู่นะว่าพ่อเขาป่วย คุณบอกว่าเป็นวันเกิดของพ่อ เสี่ยวหย่า ขอร้องคุณล่ะ”
อันที่จริงซูหย่าไม่อยากช่วยสามีภรรยาตระกูลเซียวเลย เรื่องราวในตอนนั้น ไม่ใช่แค่เซียวอู๋ที่เกลียดพวกเขา เธอก็เกลียด เธอไม่กล้าจินตนาการว่าเสี่ยวหวู่ใช้ชีวิตในวัยเด็กของเขาอย่างไร เธอกลัวว่าตนเองจะเจ็บปวดใจจนเสียสติไป ฉะนั้นเธอก็อยากให้บ้านที่อบอุ่นแก่เขา
เธอจึงตอบรับคุณนายเซียวไป เธอไม่อยากให้ในอนาคตเซียวอู๋ต้องเสียใจเพราะรู้สึกผิด
“เรื่องนี้ คุณไม่ต้องยุ่งหรอก” เสียงที่มีเสน่ห์ของเซียวอู๋ดังขึ้นข้างๆหู
ซูหย่ารู้อยู่แล้วว่าจะต้องพูดอย่างนี้ เธอคิดๆดูแล้ว ก็พูดความจริงออกมา “พ่อคุณเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย มีชีวิตอยู่ได้นานสุดไม่เกินสามเดือน” หลังจากพูดจบ เธอก็จ้องมองเซียวอู๋
สีหน้าเขาสงบนิ่งอย่างมาก แต่แววตาเหมือนคลื่นลมที่ถาโถมเข้ามา
ซูหย่าอ้าอ้อมแขนเธอ แล้วโอบกอดเขา “เสี่ยวหวู่ ถ้าคุณอยากร้องก็ร้องออกมาเลย”
ชายหนุ่มอิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของเธอ พอดีที่ก้มลงในตำแหน่งหน้าอกของเธอ ซูหย่าไม่ได้สนใจ จนกระทั่งมือของชายหนุ่มยื่นเข้าไปจากชายเสื้อ
เธอจึงตกใจ
“เสี่ยวหวู่….” คำพูดอยู่ในปาก แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้พูดอะไร ถ้าวิธีนี้จะสามารถทำให้เขาได้ปลดปล่อยอารมณ์ออกมาได้ เธอจะใจร้ายปฏิเสธได้อย่างไร
กลางดึก เมื่อซูหย่าตื่นขึ้นมา ข้างๆเตียงก็ไม่มีเงาของเซียวอู๋แล้ว ได้ยินเสียงเบาๆดังเข้ามาจากด้านนอก ช่วงนี้เด็กทั้งสองปิดเทอม พ่อแม่ของเธอจึงรับไปตระกูลซู ดังนั้น ในบ้านก็มีเพียงเธอและเซียวอู๋
คิดๆแล้ว เธอก็ลุกขึ้นเดินไปด้านนอก เห็นชายหนุ่มนั่งอยู่ที่ระเบียง ดื่มเหล้าแก้กลุ้มอยู่คนเดียว ซูหย่ารู้ว่าเซียวอู๋เขาไม่ชอบดื่มเหล้า หลายปีมานี้ เขาที่เป็นแบบนี้ เป็นครั้งแรกที่ซูหย่าได้เห็น
เธอเปิดประตูกระจกของระเบียง เดินออกไป นำเสื้อโค้ตที่ถือมาคลุมไหล่ของเขา “ดื่มเหล้าคนเดียวน่าเบื่อจะตาย ดื่มด้วยกันเถอะ”
“ทำให้คุณตื่นเหรอ?”
หญิงสาวยกขวดเหล้าขึ้นแล้วรินใส่ปากโดยตรง ดื่มอย่างรวดเร็ว จนสำลักไอขึ้นมาเล็กน้อย
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนอย่างจนปัญญา ตบหลังให้เธอเบาๆ “ใครจะแย่งคุณดื่มห๊ะ?”
ซูหย่าสูดลมหายใจเข้า “ไม่ได้ดื่มนานมาก ดื่มยากจัง”
ชายหนุ่มแย่งขวดเหล้าจากในมือของเธอมา “พอแล้ว ไม่ต้องดื่มแล้ว ไปนอนเถอะ”
ซูหย่าโอบเอวของเขา “เสี่ยวหวู่ คุณอย่าทำแบบนี้ได้ไหม? ฉันเจ็บปวดใจมาก ถ้าบอกคุณ แล้วต้องทำให้คุณทุกข์ใจแบบนี้ ฉันก็ไม่ควรบอกคุณเลย”
ชายหนุ่มไม่พูดจา แต่เพราะคำพูดของผู้หญิงคนนี้ ในใจก็รู้สึกอบอุ่นอย่างมาก ไม่ว่าผู้อาวุโสทั้งสองคนนั้นจะแย่แค่ไหน เขาก็ยังรู้สึกขอบคุณพวกเขา ที่ได้มอบการแต่งงานที่หาได้ยากกับเขาในชีวิตนี้
“พรุ่งนี้ตอนกลางวันหรือตอนเย็น?”
ในใจซูหย่าดีใจ “อะ…..อ้อ ตอนเย็น คุณเลิกงานแล้ว พวกเราจะเข้าไปกัน ถึงเวลานั้นฉันจะไปรับคุณที่ชั้นล่างของตึกคุณ”
ชายหนุ่มตอบ”อืม”คำหนึ่ง
วันต่อมา
ทานอาหารค่ำของครอบครัวตอนเย็นที่ตระกูลเซียว
ซูหย่าตั้งใจไปรับเด็กทั้งสองเข้ามา แม่ซูรู้ว่าเธอจะไปตระกูลเซียว สีหน้าก็ไม่พอใจเล็กน้อย ลูกสาวของตัวเองแต่งงานตั้งหลายปีขนาดนี้แล้ว เกี่ยวดองทั้งสองคนไม่เคยไถ่ถามเลย ตั้งแต่เซียวอู๋เป็นทหารใหม่ๆ ต่อมา ถึงแม้จะได้เป็นข้าราชการแล้ว แต่ก็ใสซื่อมือสะอาด เงินเดือนอันน้อยนิดแค่นั้น จะพอเลี้ยงลูกสองคนและซูหย่าได้อย่างไร
หลายปีมานี้ แอบรู้มาว่า พวกเขามีเงินสมทบอยู่ไม่น้อย
แต่ถึงรู้เรื่องเหล่านี้ของตระกูลเซียวแล้ว ก็ยังทำเป็นหูหนวกตาบอด นี่จึงทำให้แม่ซูรู้สึกไม่ยุติธรรมกับลูกสาวอย่างมาก
“แม่ พ่อของเสี่ยวหวู่ เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย”
แม่ซูขมวดคิ้ว ทิ้งเสื้อผ้าในมือลงบนโซฟาที่อยู่ข้างๆ ไม่พูดจา แล้วหันเดินไปยังห้องเก็บอาหาร เมื่อออกมา ในมือถือขวดไวน์สองขวด
นั่นคือไวน์แดงชั้นดีที่พี่ใหญ่เอากลับมาจากต่างประเทศเพื่อให้พ่อ แต่พ่อเสียดายที่จะดื่ม
“เอาไปด้วยสิ อย่าไปมือเปล่า”
ซูหย่ารับของที่อยู่ในมือแม่ “ขอบคุณค่ะแม่”
เมื่อพาลูกขึ้นรถ เซียวอู๋ก็โทรเข้ามา “คุณไปตระกูลเซียวได้เลย อีกเดี๋ยวฉันจะเข้าไป”
ซูหย่านิ่งอึ้งไปเล็กน้อย “โอเค อย่างนั้น อีกสักครู่เจอกัน”
พอถึงตระกูลเซียวแล้ว ชัดเจนว่าพ่อเซียวไม่รู้ว่าพวกเขาจะมา จึงประหลาดใจอย่างมาก สีหน้าดีใจจนเก็บไว้ไม่อยู่
ครั้งที่แล้วที่ซูหย่าเจอพ่อเซียว คืออยู่ในงานเลี้ยงงานหนึ่ง คนทั้งสองเพียงแค่พยักหน้า ทักทายกัน ไม่ได้พูดคุยอะไรมาก
เพียงแต่ไม่ถึงสองปี พ่อเซียวดูชรางลงไปมาก คาดว่าเพราะปัญหาของสุขภาพ คนเลยดูบวมเล็กน้อย