หลังจากที่หลินฟานวางสายโทรศัพท์ เขาไม่ได้สนใจอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าของเขาเลย เขาลุกขึ้นและรีบเดินตรงไปยังลานจอดรถใต้ดิน
เสียงคำรามของเครื่องยนต์ลัมโบร์กินี่ เป็นเหมือนกับเสียงคำรามของสัตว์ป่า และพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
โดยปกติ หลินฟานมักจะขับรถด้วยความเร็วมาตรฐาน และพยายามไม่ขับเร็วจนเกินไป
สไตล์การขับขี่ของเขาดูไม่เหมาะกับการขับรถซูเปอร์คาร์เลย มันเหมือนกับการขับรถยนต์ทั่วไป
แต่วันนี้ หลินฟานไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนั้น
เขาเหยียบคันเร่งอย่างต่อเนื่อง
จนทำให้เกิดเสียงคำรามอย่างรุนแรงไปตลอดทาง
เมื่อหลินฟานขับขึ้นไปบนทางหลวง เขาก็เป็นเหมือนกับปลาที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำอย่างอิสระ
เร่ง เร่ง และเร่งความเร็วอย่างต่อเนื่อง!
ด้วยทักษะการขับรถอย่างมืออาชีพควบคู่ไปกับทักษะมุ่งมั่นเต็มที่ หลินฟานเพิ่มความเร็วของรถไปจนถึงขีดสุด
หลินฟานต้องการไปหาพ่อกับแม่ของเขาให้เร็วที่สุด
…
บนท้องถนน รถเฟอร์รารีสีแดงเพลิงแลดูจะเป็นจุดเด่นที่สุด ข้างในรถ สาวสวยที่สวมชุดเดรสสีฟ้า เธอดูงดงามและเย็นชา
ในขณะนั้น เธอก็ได้ยินเสียงคำรามของเครื่องยนต์ดังมาจากระยะไกล
สาวสวยในชุดเดรสสีฟ้าครามหันสายตาไปที่กระจกมองหลัง เธอสังเกตเห็นรถโบร์กีนีสีเทาเงินกำลังขับเข้ามาใกล้ตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ
นัยน์ตาที่ราวกับอัญมณีของเธอเปร่งประกายในทันที ริมฝีปากบางๆที่ราวกับใบวิลโลว์ก็ยกสูงขึ้น
ตอนนั้นเองที่ขาอันเรียวขาวและนุ่มนวลราวกับต้นหอมของเธอก็เริ่มเหยียบคันเร่งอย่างแรง
“บูม!”
ทันใดนั้น เฟอร์รารีสีแดงเพลิงก็ส่งเสียงคำรามราวกับสัตว์ป่า และความเร็วของรถก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างฉับพลัน
แล้วการแข่งรถอย่างไม่เป็นทางการก็ได้เริ่มขึ้น
อย่าได้ดูถูกสาวสวยคนนี้ ถึงเธอจะดูเงียบๆ ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆแล้วเธอมีหัวใจที่ร้อนแรงเหมือนดั่งดวงอาทิตย์ เธอมีความอยากที่จะแข่งขันอยู่เต็มหัวใจ และยังมีทักษะในการขับรถที่ดีมากอีกด้วย
แต่ก็น่าสงสาร…
ที่คนที่เธอได้มาเจอในวันนี้คือหลินฟาน
ไม่ว่าสาวสวยชุดเดรสสีฟ้าเงินจะเพิ่มความเร็วอีกเพียงใด หลินฟานก็เริ่มเข้ามาใกล้ได้ทีละนิดทีละน้อย
จนสุดท้ายหลินฟานก็ขับแซงผ่านสาวสวยชุดเดรสสีฟ้าไป
หญิงสาวมองดูรถของหลินฟานที่เคลื่อนที่ออกห่างไปเรื่อยๆ
ตอนนั้นเอง เธอก็มองไปที่ป้ายทะเบียนของรถที่พุ่งผ่านไป
สาวสวยชุดเดรสสีฟ้าพึมพัม “หืม ALF666 ฉันหวังว่าจะได้เจอคุณอีกในเร็วๆ นี้นะ”
…
หลินฟานไม่ได้คิดเลยด้วยซ้ำว่าเมื่อครู่นี้เป็นการแข่งรถ
เขาแค่ขับรถไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่สูงที่สุดตลอดทาง
เจียงเป่ยอยู่ไม่ไกลจากชิงซีมากนัก
ไม่นานเขาก็มาถึงโรงพยาบาลกลางชิงซี
หลินฟานเดินไปเปิดประตูห้องของผู้ป่วย และเห็นว่าพ่อของเขา หลินเถา นอนอยู่บนเตียงพยาบาล สวมหน้ากากออกซิเจนและหายใจแรง ใบหน้าที่เหี่ยวย่นนั้นซีดขาว
หลินฟานรู้สึกเจ็บปวดข้างในใจ
“พรึบ!”
ในขณะนั้น ประตูห้องก็เปิดออก
ต้าเหว่ยสัวรีบเดินเข้ามา
“เสี่ยวฟาน ลูกกลับมาเร็วจัง?” ต้าเหว่ยสัว ถามด้วยความประหลาดใจ
หลินฟาน ส่งสัญญาณให้แม่ของเขาเงียบๆและเดินออกไปข้างนอกเพื่อไม่ให้รบกวนการพักของพ่อ
ที่ทางเดิน
หลินฟานพูดว่า “แม่ เกิดอะไรขึ้นกับพ่อ”
ในตอนแรก ต้าเหว่ยสัวตั้งใจจะปกปิดความจริงกับหลินฟาน เพราะไม่ต้องการให้เขารู้สึกกังวล
แต่ตอนนี้ หลินฟานเองก็รู้แล้วว่าหลินเถาป่วย ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องปกปิดมันอีกแล้ว
“พ่อของลูกมีเนื้องอกในกระเพาะ หลังจากจ่ายค่ารักษาแล้ว การผ่าตัดจะถูกกำหนดไว้ในอีกสองวัน…” ต้าเหว่ยสัว พูดก่อนที่ดวงตาของเธอจะเริ่มแดงขึ้นเล็กน้อย
“เดี๋ยวนะ ลูกยังไม่ได้บอกแม่เลยว่าเงิน 5 ล้านหยวนนั่นเอามาจากใหน”
เมื่อหลินเถาล้มป่วย ต้าเหว่ยสัว รู้สึกเหมือนกับว่าท้องฟ้ากำลังจะพังทลาย แต่เธอก็กัดฟันและอดทนสู้อยู่เสมอ
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ขณะที่ดูแลหลินเต๋าอยู่ เธอก็วิ่งไปหาคนรู้จักเพื่อขอยืมเงิน
อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดนั้นต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก และต้าเหว่ยสัวก็หาเงินมาไม่ได้เลย
แต่วันนี้ หลินฟานกลับโอนเงินมา 5 ล้านหยวน ทำให้ต้าเหว่ยสัวประหลาดใจ เธอจึงไม่กล้าที่จะใช้เงินจำนวนนี้จ่ายค่าผ่าตัดในตอนแรก
หลินฟาน เป็นเพียงพนักงานธรรมดา เขาไปเอาเงินก้อนโตขนาดนี้มาจากที่ไหนกัน?
ต้าเหว่ยสัวกังวลว่าเขาอาจจะไปขโมยเงินใครมา
ถ้าเธอใช้เงินจำนวนนี้ไป และมันอาจจะเป็นการทำร้ายหลินฟานก็ได้ และนั่นคงจะทำให้ตัวเธอเองเสียใจอย่างมาก
หลินฟานรีบพูดตอบ “แม่ใช้มันได้ตามสบายเลย นี่คือเงินที่ผมได้มาจากการซื้อหุ้นและเหรียญบิทคอยน์ และนี่ยังเป็นแค่เงินจำนวนน้อย ต่อไปครอบครัวของเราจะไม่มีคำว่าไม่มีเงินอีกต่อไป
เรื่องเกี่ยวกับระบบ หลินฟานไม่ได้ตั้งใจที่จะบอกใคร นั่นรวมทั้งพ่อแม่และน้องสาวของเขาด้วย
ไม่ใช่ว่าหลินฟานไม่เชื่อใจพ่อแม่และน้องสาวของเขา หลักๆก็คือเมื่อพูดออกไปก็เกรงว่าพวกเขาจะไม่เชื่อกัน และมันจะกลายเป็นการเพิ่มความกังวลให้กับพวกเขาเปล่าๆ
ต้าเหว่ยสัวเองก็เคยได้ยินมาว่าการซื้อหุ้นและการซื้อบิทคอยน์ สามารถทำให้คนรวยได้ในชั่วข้ามคืน
ดังนั้นเมื่อได้ฟังหลินฟานพูดออกมาอย่างนี้ ต้าเหว่ยสัวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
จากนั้นเธอก็มองไปที่หลินเถาที่กำลังนอนอยู่ในห้องด้วยสายตาที่เป็นกังวลอย่างยิ่ง
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ถ้างั้นแม่จะไปจ่ายค่าผ่าตัดก่อน”
หลินฟานพูดว่า “แม่นั่งพักผ่อนสักหน่อยเถอะ ผมไปจ่ายให้เอง”
เขามาจ่ายเงินที่ช่องการชำระเงินของโรงพยาบาล
ในขณะนั้นเอง คณะแพทย์ชุดขาวและชายวัยกลางคนสองสามคนก็มารวมตัวกัน
ข้างหลังพวกเขามีนักข่าวมืออาชีพสองสามคนที่ถือไมโครโฟนอยู่ในมือและพาดกล้องอยู่ตรงไหล่
ชายร่างผอมสูงที่ยืนอยู่ด้านข้างของหลินฟาน กล่าวด้วยความประหลาดใจ “มีกล้องด้วย! พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่?”
ชายเตี้ยอีกคนหนึ่งพูดตอบ “นี่นายไม่ได้อ่านข่าวเหรอ? ชายที่ใส่แว่นคนนั้นเป็นผู้ว่าของจังหวัดเรา!”
“โอ้พระเจ้า! พวกคนใหญ่คนโตมาเยี่ยมโรงพยาบาลงั้นหรือ วันนี้เราจะได้ออกทีวีด้วยไหม” ชายร่างผอมสูงกล่าวอย่างตื่นเต้น
เมื่อหลินฟานได้ฟังการสนทนาระหว่างทั้งสองคน เขาเหลือบมองไปนิดหน่อยและตัดสินใจเดินเข้าไป
บรรดาพวกคนใหญ่คนโตมีบอดี้การ์ดยืมล้อมรอบอยู่ คนธรรมดาไม่มีสิทธ์ที่จะเข้าไปใกล้ได้เลย
แต่เห็นได้ชัดว่าหลินฟานนั้นไม่ใช่คนธรรมดา
เขาเดินผ่านเหล่าบอดี้การ์ดไปได้อย่างง่ายดายและเดินเข้าไปหาผู้ว่าจังหวัด
“นายเป็นใคร?” ผู้ว่ารู้สึกสับสนเล็กน้อย
หลินฟานหยิบเหรียญมังกรออกมาจากกระเป๋าของเขาแล้วพูด “ท่านผู้ว่า ไม่ทราบว่าท่านพอจะมีเวลาไปสนทนากันตามลำพังหรือป่าว”
ผู้ว่ามองไปที่สัญลักษณ์รูปมังกร รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงอย่างรวดเร็ว
เขาเคยเห็นสัญลักษณ์รูปมังกรมาครั้งหนึ่ง และเขารู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าและพูดว่า “แน่นอน”
จากนั้นเขาก็พูดกับหมอหัวล้านที่อยู่ถัดจากเขาว่า “ประธานหวง คุณหาที่ที่เงียบกว่านี้ให้เราหน่อยได้ไหม”
ประทานหวงรีบพูด “เอาล่ะ ท่านผู้ว่า เชิญทางนี่เลย”
ในไม่ช้า ประธานหวงก็พาทั้งสองไปที่ห้องประชุมที่กว้างขวาง และเตรียมที่จะออกไป
หลินฟานกล่าว “ประธานหวง คุณก็อยู่ต่อด้วยสิ”
ประธานหวงตอบ “ก็ได้”
ทั้งสามคนนั่งลง
หลินฟาน ไม่อ้อมค้อมใดๆและพูดอย่างตรงไปตรงมา “ท่านผู้ว่า ที่ผมมาหาคุณในครั้งนี้ มันค่อนข้างจะเป็นเรื่องส่วนตัว ผมมีเรื่องอยากจะขอให้คุณช่วย”
เมื่อผู้ว่าได้ยินดังนั้น เขาไม่ได้รู้สึกไม่พอใจเลย
ตรงกันข้าม กลับมีแต่ความสุขในหัวใจของเขา
หลังจากที่ได้เห็นสัญลักษณ์รูปมังกรนั้นแล้ว แม้ว่าเขาจะเทียบกับหลินฟานได้ในแง่ของตำแหน่ง
แต่อย่างไรก็ตาม สิทธิพิเศษที่หลินฟานมีนั้นมากกว่าสิทธิพิเศษของตัวเองมาก
ถ้าเขาสามารถช่วยหลินฟานได้ นั่นจะทำให้พวกเขาทั้งสองคนสนิทกันมากขึ้น ในความเห็นของคนเป็นผู้ว่า นี่นับเป็นเรื่องที่ดี
