ในไม่ช้า ชายหนุ่มรูปร่างสมส่วนสองคนก็ลงมาจากรถลัมโบร์กินี่และแม็คลาเรน พี 1
ทั้งสองคนจ้องมองกันจนเหมือนกับเกิดประกายไฟขึ้นในดวงตาจางๆ ต่างฝ่ายต่างมีท่าทีไม่ยอมแพ้
หลังจากนั้นไม่นาน ซุนลูกั่วที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวก็พูดขึ้น “พี่สาวเจียซิน ไม่คิดเลยว่าคุณก็จะมาที่นี่ด้วย”
ซ่งเจียซินพูดว่า “ฉันไม่อยากพลาดการแข่งในวันนี้ แล้ววันนี้ใครจะแข่งกับใคร?”
“ซุนลูกั่วยืนกรานที่จะใช้แม็คลาเรน พี1 แข่งกับฉัน นี่มันออกจะดูไม่ยุติธรรมอยู่บ้าง ฉันไม่อยากจะลงแข่งเลย” หลิวหยูหางที่สวมเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตพูดออกมา
ซุนลูกั่วพ่นลมหายใจ “ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า!”
จากนั้นเขาก็พูดว่า “พี่สาวเจียซิง ฉันจะแข่งกับหลิวหยูหาง โดยวิ่งไปทางทิศตะวันออกของภูเขา เดิมพันด้วยแม็คลาเรน พี 1 ของฉันและลัมโบร์กินี่ของหลิวหยูหาง”
หลิวหยูหางตะโกนทันทีว่า “พี่น้องทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการแข่งครั้งนี้ได้เลย! แล้วถ้าพวกนายชนะ แม็คลาเรน พี 1 และ ลัมโบร์กินี่ ทั้งสองอย่างนี้จะตกเป็นของพวกนายทันที!”
ซุนลูกั่วขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากได้ยินสิ่งที่หลิวหยูหางพูด แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
หลังจากได้ยินคำพูดของหลิวหยูหาง ก็เกิดเสียงโห่ร้องอย่างกึกก้อง
แม้ว่าทรัพย์สินในครอบครัวของทุกคนที่อยู่ที่นี่ อย่างน้อยก็มีมากกว่า 100 ล้านหยวน
แต่แม็คลาเรน พี1 และลัมโบร์กินี่ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถหาซื้อได้
ทุกคนรู้ว่า แม็คลาเรน พี1 เป็นรถซุปเปอร์สปอร์ตมูลค่ากว่า 14 ล้านหยวน
และลัมโบร์กินี่ของหลิวหยูหาง ก็ถูกปรับแต่งด้วยวัสดุราคาแพง และราคาก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 14 ล้านหยวน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าใครสามารถชนะการแข่งขันครั้งนี้ได้ ก็จะได้รับรถสปอร์ตที่มีมูลค่าอย่างน้อย 28 ล้านหยวนในทันที
แล้วนี่จะไม่ทำให้พวกเขาตื่นเต้นได้ยังไง?!
หลิวหยูหางอารมณ์ดีที่เห็นทุกคนดูมีความสุขกัน
เขาถามซ่งเจียซิน “พี่เจียซิน ดูเหมือนว่าวันนี้คุณจะไม่ได้ขับเฟอร์รารีเอสเอฟ 90 มาที่นี่?”
“ฉันมาที่นี่ด้วยลัมโบร์กินี่ของเพื่อนน่ะ” ซ่งเจียซิน หันศีรษะไปทางหลินฟานและพูด “หลินฟาน นายจะเข้าร่วมการแข่งขันด้วยหรือป่าว”
หลินฟาน กล่าวว่า “ไหนไหนก็มาถึงที่นี่แล้ว ลงแข่งด้วยสักหน่อยก็คงจะไม่เสียหาย”
ซ่งเจียซินยิ้มและถามว่า “นายจะรังเกียจไหม ถ้าฉันจะขอนั่งไปกับนายด้วย”
“เชิญ” หลินฟานกล่าว
หลิวหยูหางเหลือบมองไปที่หลินฟานอย่างลับๆ มันไม่ง่ายเลยที่จะได้เข้าใกล้คนอย่างซ่งเจียซิน
“พี่หลิน ดูเหมือนว่าพี่ก็ชอบลัมโบร์กินี่ เหมือนกันสินะ! เราต่างเป็นผู้ชายกันเหมือนกัน คุณก็อยากเข้าร่วมแข่งด้วยไหม?” หลิวหยูหาง ถามด้วยรอยยิ้ม
“ ฉันเพิ่งเริ่มขับรถมาได้ไม่กี่วันเอง” หลินฟานกล่าว
หลิวหยูหางพยักหน้าและกล่าว “อย่างงั้นเหรอ ฉันพอมีประสบการณ์ในการแต่งรถลัมโบร์กินี่ มาบ้าง ถ้าหากพี่หลินฟานต้องการแต่งรถในอนาคตก็ติดต่อฉันมาได้ตลอดเวลา ตอนนี้พี่ก็เก็บไว้ในใจก่อน! ”
หลินฟานกล่าวว่า “ถ้าฉันต้องการแต่งรถเมื่อไหร่ ฉันจะติดต่อนายไปอย่างแน่นอน”
หลิวหยูหางถอนหายใจอีกครั้ง “น่าเสียดายที่พี่หลินฟานกับฉันไม่เคยพบกันมาก่อน มิฉะนั้น วันนี้เราอาจจะได้แข่งกันอย่างสูสี”
เห็นได้ชัดว่าเขาหมายถึง ลัมโบร์กินี่ของหลินฟานที่ไม่ได้รับการดัดแปลงและปรับแต่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอะไรเลย มันคงจะไม่สามารถที่จะตามลัมโบร์กินี่ของเขาได้ทัน และก็ไม่มีทางเอาชนะเขาได้ด้วย
หลินฟานพูด “ของแบบนี้มันต้องลงไปแข่งจริงถึงจะรู้”
“พี่หลิน ดูมั่นใจมากเลยนะ! ผมชอบพี่จัง!” หลิวหยูหาง หัวเราะ
มองภายนอก หลิวหยูหางอาจจะดูหยาบคาย
แต่จิตใจของเขานั้นละเอียดอ่อนมาก แต่ละคำพูดของเขาสามารถทำให้คนอื่นรู้สึกสนิทสนมกันมากขึ้น
หลินฟานบอกได้เลยว่า มีเหล่าลูกคนรวยไม่กี่คนที่จะทำตัวเป็นกันเองขนาดนี้
หลังจากคุยกับหลินฟานเสร็จ หลิวหยูหางก็ตะโกนขึ้น “ใกล้จะถึงเวลาแล้ว พี่น้องที่จะเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ เตรียมตัวให้พร้อม!”
เมื่อผู้ที่ต้องการเข้าร่วมการแข่งขันได้ยิน พวกเขาก็ทยอยกันไปขึ้นรถของตัวเอง
สุดท้ายก็มีรถที่เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 8 คัน
คนที่เหลือถึงแม้ว่าจะต้องการคว้ารางวัล แม็คลาเรน พี1 และลัมโบกินี่
แต่พวกเขารู้ดีว่า ไม่ว่าจะเป็นทักษะการขับหรือประสิทธิภาพรถ พวกเขาไม่สามารถเทียบได้กับพวกที่อยู่ในสนามเลย
ในกรณีที่รู้ผลอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องไปแข่งให้เหนื่อยเปล่า
ไม่มีใครอยากออกไปแข่งให้เสียหน้า
ซ่งเจียซิน ที่นั่งอยู่ข้างคนขับถามขึ้น “คุณเคยวิ่งบนถนนตงไหลปันซานมาก่อนหรือป่าว”
หลินฟานส่ายหัวและพูด “ไม่เคยนะ”
ซ่งเจียซินช่วยอดไม่ได้ที่จะรัดเข็มขัดให้แน่นขึ้นพลางพูด “อีกสักครู่พอเริ่มแข่งแล้วนายก็ขับช้าๆนะ ถนนสายนี้ค่อนข้างแคบ นอกจากนี้ยังมีทางโค้งหักศอกอยู่หลายโค้ง ความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญ นายเข้าใจนะ”
เห็นได้ชัดว่า ซ่งเจียซิน ไม่เห็นความหวังที่หลินฟานจะสามารถเอาชนะได้
แม้ว่าเธอจะเคยเห็นทักษะการขับรถที่ยอดเยี่ยมของหลินฟานมาแล้วก็ตาม
แต่ถนนที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้ประกอบกับสมรรถนะของรถที่ไม่ได้รับการปรับแต่ง… ด้วยข้อบกพร่องทั้งหมดนี้ เพียงแค่มีทักษะการขับรถอย่างเดียวไม่สามารถชนะได้หรอก
หลินฟานพยักหน้าและพูดว่า “เข้าใจแล้ว”
และในเวลานี้ กรรมการที่ยืนอยู่หน้ารถก็โบกธงสีแดงในมือขึ้นมา
“บูม!”
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังกึกก้องขึ้นที่เชิงเขา
เมื่อธงถูกสบัดลงพื้น! รถซุปเปอร์สปอร์ตทั้งแปดคันก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ในรถทั้งแปดคันนี้ ลัมโบกินี่ ของหลินฟานมีประสิทธิภาพอยู่แค่ระดับกลางๆ
อย่างไรก็ตาม ด้วยทักษะการขับรถอย่างมืออาชีพ เขาขับแซงรถข้างหน้า 3 คันได้ หลังจากออกตัวและขึ้นมาอยู่อันดับที่สี่อย่างง่ายดาย
ซ่งเจียซินมองไปที่การเคลื่อนไหวอันคล่องแคล่วของหลินฟาน แล้วแอบพยักหน้าอย่างลับๆ แล้วพูดขึ้น “ข้างหน้าอีก 1 กม. มีทางโค้งรูปตัว S”
หลินฟานตอบ “รับทราบ”
หลังสิ้นสุดเสียงพูด หลินฟานจ้องไปที่ด้านหน้าด้วยดวงตาสีดำสดใส
สงบและโฟกัสไปที่มัน!
อย่างไรก็ตาม หลินฟานไม่ได้ผ่อนแรงที่เหยียบคันเร่งเลย
แต่ตรงกันข้าม เขาเร่งเครื่อง และยังคงเร่งเครื่องขึ้นไปอีก!
200 ไมล์!
210 ไมล์!
…
เมื่อซ่งเจียซินเห็นว่าเริ่มเข้าใกล้ทางโค้งมากขึ้นเรื่อยๆ หัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้น สุดท้ายเธอก็รีบพูดออกมา “หลิน…หลินฟาน มีทางโค้งรูปตัว S อยู่ข้างหน้านะ”
ไม่แปลกใจเลยที่ซ่งเจียซินจะรู้สึกหวาดเสียว
เพราะถนนที่นี่เป็นถนนที่คดเคี้ยวอย่างมาก!
ถ้าหลุดโค้งไปชนกับราวกั้นด้วยความเร็วกว่า 200 ไมล์ แล้วล่ะก็ พวกเธอไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน ขนาดรถที่มีกันชน ยังไม่มีใครรอดเลย !
และในที่สุด ลัมโบร์กินี่ ก็ขับมาถึงมุมโค้ง
และหลินฟ่านก็ยังไม่ได้ลดความเร็วลง!
ใบหน้าที่สวยงามของซ่งเจียซินถึงกับซีดขาว ทั้งหน้าผากและฝ่ามือของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ
เมื่อซ่งเจียซินคิดว่าพวกเธอกำลังจะหลุดโค้งและจะต้องชนกับราวกั้น ทันใดนั้น หลินฟานก็ขยับตัวหลังจากที่นิ่งมานาน
“ฟ่อ!”
หลินฟานยกเบลกมือขึ้นแล้วคุมพวงมาลัยของรถอย่างมั่นคง จากนั้นก็บังเกิดดริฟท์อันสวยงาม และผ่านโค้งรูปตัว S ไปได้
…
ณ เชิงเขา
จงฟู่ II จ้องมองไปที่กระจกหลังและร้องอุทานออกมา
“ไอ้บ้า! ดริฟท์นี่มัน เทพเกินไปแล้ว!”
“ฉันคิดว่า เขาหลุดโค้งไปซะแล้ว!”
“นี่มันมือโปรชัดๆ!”
…
หลังจากผ่านโค้งรูปตัว S แล้วก็เป็นทางตรงต่อไปข้างหน้า
ซ่งเจียจินถอนหายใจยาวและพูดอย่างอ่อนแรง “หลินฟาน…นายควรจะคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสิ่งแรกนะ”
“โอเค” หลินฟานตอบกลับ
จากนั้นเขาก็เหยียบคันเร่ง เพื่อเร่งความเร็วขึ้นมากกว่าเดิม
ความเร็วของรถพุ่งขึ้นสูงภายในเวลาไม่กี่วินาที
240 ไมล์!
250 ไมล์!
“ฟริ๊ววว!”
ซ่งเจียจินได้ยินเพียงเสียงที่ลมผ่านหูของเธอ ทิวทัศน์นอกรถทั้งหมดผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ซ่งเจียซินตกตะลึงกับความเร็ว จากนั้นจึงรีบเหลือบมองแผนที่แล้วพูดว่า “หลินฟาน ข้างหน้าอีก 1 กิโลเมตร มีโค้งหักศอก 90 องศา!”
“รับทราบ.” หลินฟานได้ตอบกลับ
ความเร็วของเขาก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
260 ไมล์!
“บูม!”
เมื่อครู่เขายังเห็นด้วยกับเรื่องที่เธอบอกว่าความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุด และตอนนี้ ข้างหน้ามันยังเป็นโค้งหักศอก นี่เขายังจะเร่งความเร็วขึ้นอีกหรอ?
นี่เป็นครั้งแรก…
เป็นครั้งแรกที่ ซ่งเจียซินรู้สึกกลัวและเสียใจเพราะการนั่งรถ